ผู้จัดการรายวัน360-"วิลาศ"ยื่น สตง.-ป.ป.ช. สอบ 3 ปมฉาว "อมร กิจเชวงกุล" รองผู้ว่าฯ กทม. ทุจริตติดตั้งกล้อง CCTV ต่อสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส และไฟประดับเมืองฉาว 39.5 ล้าน ย้ำหากพรรคตรวจสอบโกงไม่ได้ คสช. ต้องรับผิดชอบ ฐานไม่เลิกคำสั่งห้ามประชุมพรรคการเมือง "บิ๊กตู่"เสียงแข็ง ไม่ให้ประชุม ขู่ยังไม่ได้เล่นงานพวกพูดผ่านสื่อเลย "มาร์ค"ปัดปชป.ขัดแย้งภายใน โยนผู้บริหาร อดีต ส.ส.จัดการ "ชายหมู"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (6ม.ค.) นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปยังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ให้ตรวจสอบนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัด กทม. ฐานกระทำผิดทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
โดยมี 3 กรณีประกอบด้วย 1.การจัดซื้อจัดจ้างกล้อง CCTV ซึ่งไม่ได้รับความร่วมมือในการขอเอสารจาก กทม. มีพฤติกรรมบ่ายเบี่ยงหรือปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารสัญญา โดยในขณะนี้มีการติดตั้งไปเพียงแค่ 12,000 ตัว จากที่ประชาสัมพันธ์ว่าจะติดตั้ง 47,000 ตัว
2.กรณี กทม. โดยบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งมีนายอมร เป็นกรรมการผู้อำนวยการขณะนั้น ต่อสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส อีก 30 ปี ทั้งๆ ที่ยังเหลือสัญญาอีก 17 ปี น่าจะกระทำผิดกฎหมายส่อว่าจะทุจริต
3.โครงการติดตั้งไฟประดับบริเวณลานคนเมือง กทม. วงเงิน 39.5 ล้านบาท พบว่าบริษัทที่ได้งานคือ บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวล ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่เคยรับจัดทัวร์ศึกษาดูงานของสมาชิกสภาเขต ณ อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ และจีน ในงบปี 2554 มีพฤติกรรมร่วมรู้เห็นในการทุจริตซื้อตั๋วเครื่องบินเบิกเกินราคา และทำผิดระเบียบกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการเดินทางด้วยสายการบินไทย และยังเชื่อว่ามีการล็อกเสปก เพราะบริษัทสรรค์สร้าง ซึ่งเป็นบริษัทคู่เทียบเพิ่งจดทะเบียนเพิ่มวัตถุประสงค์ในการประดับไฟ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2558 ก่อนการยื่นซองประกวดราคาในวันที่ 7 ธ.ค.2558 เพียง 5 วัน
จากนั้นนายวิลาศได้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนเพิ่มเติมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ทั้ง 3 กรณีอีกช่องทางหนึ่งด้วย
***สอบโกงไม่ได้ คสช.ต้องรับผิดด้วย
นายวิลาศ กล่าวยืนยันว่า การดำเนินการในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับการเมืองหรือความขัดแย้งกับใคร แต่ทำหน้าที่ตรวจสอบในฐานะอดีตประธานกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร พร้อมกับยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยได้รับคำชี้แจงใดๆ จาก ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ตามที่ออกมาระบุ โดยย้อนถามกลับไปว่า ชี้แจงมาตอนชาติไหน ขนาดหัวหน้ายังติดต่อไม่ได้เลย แล้วไปชี้แจงอยู่ในห้องกับใคร ดังนั้น ต้องให้ สตง.ตรวจสอบ จะได้รู้ว่าใครต้องเข้าคุกบ้าง
นายวิลาศ กล่าวอีกว่า ในส่วนของพรรค ได้ดำเนินการตรวจสอบเพื่อรักษาผลประโยชน์ประชาชนอย่างเต็มที่ ตามที่สัญญาไว้กับประชาชนว่าจะต้องรับผิดชอบคนของพรรค แต่ขณะนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่ตอบหนังสือที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ทบทวนคำสั่ง คสช. ที่ 57 เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ตามปกติ จึงทำให้พรรคยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้
"หากผลการตรวจสอบเรื่องนี้ พบว่ามีปัญหา คสช. ก็มีส่วนต้องร่วมรับผิดชอบด้วย เนื่องจากเป็นผู้กำหนดกติกาที่ทำให้พรรคเปิดประชุมไม่ได้" นายวิลาศกล่าว
***"ประจักษ์"รับปากรีบดำเนินการ
นายประจักษ์ บุญยัง รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า จะรีบดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นโครงการที่ใช้เงินสูง โดยเฉพาะเรื่องการประดับไฟ ซึ่งจะพิจารณาทั้งเรื่องการจัดซื้อ จัดจ้าง ใช้จ่ายเงินตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ หากพบว่ามีการกระทำผิด ก็ส่งต่อไป ป.ป.ช. และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ต่อไป
ส่วนประเด็นอุทยานราชภักดิ์ หลังมีการเปลี่ยนชื่อแล้วจะมีผลในทางกฎหมายกับการตรวจสอบหรือไม่นั้น นายประจักษ์ กล่าวว่า จะต้องพิจารณาข้อกฎหมายก่อน หลักคือ ถ้าเกี่ยวกับเงินแผ่นดิน สตง. สามารถตรวจสอบได้ ส่วนผลสรุปของกลาโหม ที่ระบุว่าไม่มีการทุจริต ยังไม่ใช่บทสรุป เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งของข้อมูลที่ สตง.จะต้องรวบรวม และพิจารณาตามข้อเท็จจริง
**"บิ๊กตู่"ยังไม่ให้ประชุมพรรค
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามขอเปิดประชุมพรรค เป็นกรณีพิเศษ เพื่อพิจารณาโครงสร้างพรรค และดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ว่า "ก็ยังไม่ให้ไง ไม่ให้ประชุม"
เมื่อถามย้ำว่า เขาขอประชุมเพื่อปรับโครงสร้างพรรคเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "อ๋อ เหรอ แล้วที่ไอ้มาพูดปากเปล่าตามสื่อต่างๆ ผมยังไม่ได้เล่นงานเลยนะ"
เมื่อถามถึงเรื่องการตรวจสอบการใช้งบประมาณโครงการประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมือง 5 ล้านดวง มูลค่า 39.5 ล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็ให้คณะกรรมการด้านกฎหมายว่ากันไป"
** "มาร์ค"ปัดปชป. ขัดแย้งภายใน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวภายในพรรคประชาธิปัตย์ว่า สมาชิกพรรคไม่มีบุคคลใดขัดแย้งกันเป็นการส่วนตัว เพราะพรรคที่เป็นประชาธิปไตย ย่อมมีความเคลื่อนไหวของสมาชิกพรรค ซึ่งเป็นเพียงความเห็นต่าง ไม่ใช่ความขัดแย้ง โดยสมาชิกพรรคที่ออกมาเคลื่อนไหว จะต้องชี้แจงกับสมาชิกพรรคอื่นๆ ให้ได้ว่า การกระทำแต่ละวาระ มีประโยชน์ต่อสังคมและพรรคอย่างไร
ส่วนกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนตำแหน่งหัวหน้าพรรค ตนเห็นว่าสมาชิกพรรคที่ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรค และสามารถแปลงนโยบายไปสู่ประชาชน ย่อมมีสิทธิที่จะสามารถบริหารพรรคได้ เช่นเดียวกับกรณีของ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน สามารถเสนอตัวเป็นผู้บริหารพรรคได้อยู่แล้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าว ไม่ได้แสดงถึงความขัดแย้งภายใน แต่เป็นสิทธิที่จะสามารถกระทำได้
***เปิดทางผู้บริหาร-อดีตสส.จัดการ"ชายหมู"
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ไม่ให้มีการประชุมพรรคการเมืองว่า เมื่อชัดเจนอย่างนี้ พรรคก็ต้องมาหารือกันอีกครั้ง แต่ที่ออกมาเช่นนี้ ไม่เป็นผลดีกับฝ่ายใด ส่วนการแก้ปัญหาการบริหารราชการของผู้บริหาร กทม. และม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่า กทม.นั้น คงต้องหารือกับผู้บริหารพรรคและอดีตส.ส.กทม.ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 13.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการนัดหารือของอดีตส.ส.กทม. และผู้บริหารพรรคว่าจะดำเนินการอย่างไรกับกรณีที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ไม่ยอมรับการตรวจสอบของพรรค และไม่ชี้แจงต่อหัวหน้าพรรคถึงข้อกล่าวหาต่างๆ ที่ไม่โปร่งใส ปรากฏว่าอดีต ส.ส. กทม. ยังคงสงวนท่าที่ ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะมีบางส่วนที่สนับสนุน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ร่วมหารืออยู่ด้วย ดังนั้น ที่ประชุมได้มอบหมายให้นายองอาจ รวบรวมความเห็นกับอดีตส.ส.กทม.ว่าควรจะดำเนินการอย่างไรกับม.ร.ว.สุขุมพันธ์ เพื่อนำมาหารือกับนายอภิสิทธิ์อีกครั้งเพื่อหามาตรการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (6ม.ค.) นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปยังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ให้ตรวจสอบนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัด กทม. ฐานกระทำผิดทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
โดยมี 3 กรณีประกอบด้วย 1.การจัดซื้อจัดจ้างกล้อง CCTV ซึ่งไม่ได้รับความร่วมมือในการขอเอสารจาก กทม. มีพฤติกรรมบ่ายเบี่ยงหรือปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารสัญญา โดยในขณะนี้มีการติดตั้งไปเพียงแค่ 12,000 ตัว จากที่ประชาสัมพันธ์ว่าจะติดตั้ง 47,000 ตัว
2.กรณี กทม. โดยบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งมีนายอมร เป็นกรรมการผู้อำนวยการขณะนั้น ต่อสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส อีก 30 ปี ทั้งๆ ที่ยังเหลือสัญญาอีก 17 ปี น่าจะกระทำผิดกฎหมายส่อว่าจะทุจริต
3.โครงการติดตั้งไฟประดับบริเวณลานคนเมือง กทม. วงเงิน 39.5 ล้านบาท พบว่าบริษัทที่ได้งานคือ บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวล ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่เคยรับจัดทัวร์ศึกษาดูงานของสมาชิกสภาเขต ณ อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ และจีน ในงบปี 2554 มีพฤติกรรมร่วมรู้เห็นในการทุจริตซื้อตั๋วเครื่องบินเบิกเกินราคา และทำผิดระเบียบกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการเดินทางด้วยสายการบินไทย และยังเชื่อว่ามีการล็อกเสปก เพราะบริษัทสรรค์สร้าง ซึ่งเป็นบริษัทคู่เทียบเพิ่งจดทะเบียนเพิ่มวัตถุประสงค์ในการประดับไฟ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2558 ก่อนการยื่นซองประกวดราคาในวันที่ 7 ธ.ค.2558 เพียง 5 วัน
จากนั้นนายวิลาศได้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนเพิ่มเติมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ทั้ง 3 กรณีอีกช่องทางหนึ่งด้วย
***สอบโกงไม่ได้ คสช.ต้องรับผิดด้วย
นายวิลาศ กล่าวยืนยันว่า การดำเนินการในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับการเมืองหรือความขัดแย้งกับใคร แต่ทำหน้าที่ตรวจสอบในฐานะอดีตประธานกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร พร้อมกับยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยได้รับคำชี้แจงใดๆ จาก ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ตามที่ออกมาระบุ โดยย้อนถามกลับไปว่า ชี้แจงมาตอนชาติไหน ขนาดหัวหน้ายังติดต่อไม่ได้เลย แล้วไปชี้แจงอยู่ในห้องกับใคร ดังนั้น ต้องให้ สตง.ตรวจสอบ จะได้รู้ว่าใครต้องเข้าคุกบ้าง
นายวิลาศ กล่าวอีกว่า ในส่วนของพรรค ได้ดำเนินการตรวจสอบเพื่อรักษาผลประโยชน์ประชาชนอย่างเต็มที่ ตามที่สัญญาไว้กับประชาชนว่าจะต้องรับผิดชอบคนของพรรค แต่ขณะนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่ตอบหนังสือที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ทบทวนคำสั่ง คสช. ที่ 57 เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ตามปกติ จึงทำให้พรรคยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้
"หากผลการตรวจสอบเรื่องนี้ พบว่ามีปัญหา คสช. ก็มีส่วนต้องร่วมรับผิดชอบด้วย เนื่องจากเป็นผู้กำหนดกติกาที่ทำให้พรรคเปิดประชุมไม่ได้" นายวิลาศกล่าว
***"ประจักษ์"รับปากรีบดำเนินการ
นายประจักษ์ บุญยัง รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า จะรีบดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นโครงการที่ใช้เงินสูง โดยเฉพาะเรื่องการประดับไฟ ซึ่งจะพิจารณาทั้งเรื่องการจัดซื้อ จัดจ้าง ใช้จ่ายเงินตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ หากพบว่ามีการกระทำผิด ก็ส่งต่อไป ป.ป.ช. และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ต่อไป
ส่วนประเด็นอุทยานราชภักดิ์ หลังมีการเปลี่ยนชื่อแล้วจะมีผลในทางกฎหมายกับการตรวจสอบหรือไม่นั้น นายประจักษ์ กล่าวว่า จะต้องพิจารณาข้อกฎหมายก่อน หลักคือ ถ้าเกี่ยวกับเงินแผ่นดิน สตง. สามารถตรวจสอบได้ ส่วนผลสรุปของกลาโหม ที่ระบุว่าไม่มีการทุจริต ยังไม่ใช่บทสรุป เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งของข้อมูลที่ สตง.จะต้องรวบรวม และพิจารณาตามข้อเท็จจริง
**"บิ๊กตู่"ยังไม่ให้ประชุมพรรค
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามขอเปิดประชุมพรรค เป็นกรณีพิเศษ เพื่อพิจารณาโครงสร้างพรรค และดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ว่า "ก็ยังไม่ให้ไง ไม่ให้ประชุม"
เมื่อถามย้ำว่า เขาขอประชุมเพื่อปรับโครงสร้างพรรคเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "อ๋อ เหรอ แล้วที่ไอ้มาพูดปากเปล่าตามสื่อต่างๆ ผมยังไม่ได้เล่นงานเลยนะ"
เมื่อถามถึงเรื่องการตรวจสอบการใช้งบประมาณโครงการประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมือง 5 ล้านดวง มูลค่า 39.5 ล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็ให้คณะกรรมการด้านกฎหมายว่ากันไป"
** "มาร์ค"ปัดปชป. ขัดแย้งภายใน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวภายในพรรคประชาธิปัตย์ว่า สมาชิกพรรคไม่มีบุคคลใดขัดแย้งกันเป็นการส่วนตัว เพราะพรรคที่เป็นประชาธิปไตย ย่อมมีความเคลื่อนไหวของสมาชิกพรรค ซึ่งเป็นเพียงความเห็นต่าง ไม่ใช่ความขัดแย้ง โดยสมาชิกพรรคที่ออกมาเคลื่อนไหว จะต้องชี้แจงกับสมาชิกพรรคอื่นๆ ให้ได้ว่า การกระทำแต่ละวาระ มีประโยชน์ต่อสังคมและพรรคอย่างไร
ส่วนกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนตำแหน่งหัวหน้าพรรค ตนเห็นว่าสมาชิกพรรคที่ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรค และสามารถแปลงนโยบายไปสู่ประชาชน ย่อมมีสิทธิที่จะสามารถบริหารพรรคได้ เช่นเดียวกับกรณีของ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน สามารถเสนอตัวเป็นผู้บริหารพรรคได้อยู่แล้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าว ไม่ได้แสดงถึงความขัดแย้งภายใน แต่เป็นสิทธิที่จะสามารถกระทำได้
***เปิดทางผู้บริหาร-อดีตสส.จัดการ"ชายหมู"
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ไม่ให้มีการประชุมพรรคการเมืองว่า เมื่อชัดเจนอย่างนี้ พรรคก็ต้องมาหารือกันอีกครั้ง แต่ที่ออกมาเช่นนี้ ไม่เป็นผลดีกับฝ่ายใด ส่วนการแก้ปัญหาการบริหารราชการของผู้บริหาร กทม. และม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่า กทม.นั้น คงต้องหารือกับผู้บริหารพรรคและอดีตส.ส.กทม.ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 13.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการนัดหารือของอดีตส.ส.กทม. และผู้บริหารพรรคว่าจะดำเนินการอย่างไรกับกรณีที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ไม่ยอมรับการตรวจสอบของพรรค และไม่ชี้แจงต่อหัวหน้าพรรคถึงข้อกล่าวหาต่างๆ ที่ไม่โปร่งใส ปรากฏว่าอดีต ส.ส. กทม. ยังคงสงวนท่าที่ ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะมีบางส่วนที่สนับสนุน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ร่วมหารืออยู่ด้วย ดังนั้น ที่ประชุมได้มอบหมายให้นายองอาจ รวบรวมความเห็นกับอดีตส.ส.กทม.ว่าควรจะดำเนินการอย่างไรกับม.ร.ว.สุขุมพันธ์ เพื่อนำมาหารือกับนายอภิสิทธิ์อีกครั้งเพื่อหามาตรการต่อไป