อดีต ส.ส.ปชป.ย้อน “อมร” ต้องรับผิดชอบ ทั้ง “ไฟลานคนเมือง-ซีซีทีวี-บีทีเอส” เหตุเป็นรองผู้ว่าฯ ดูแลทั้งหมด ยันยื่น ป.ป.ช.ซ้ำกรณีต่อสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอส เพราะต้องการเอาจำเลยเข้าคุก เสียดาย สาวไม่ถึง “ชายหมู”
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ที่ยืนยันว่าโครงการไฟตกแต่งประดับลานคนเมืองมีความโปร่งใสว่า เรื่องนี้ตนอยากให้เอาเอกสารที่มีเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) ของการประมูลมาเปิดเผยเพื่อยืนยันความโปร่งใส เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นถือว่าทุจริตอย่างแน่นอน โดยอาจรู้เห็นกับบริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนท์ เทรเวล จำกัด ที่เป็นผู้ได้รับการประมูล เพราะมีการเปิดซองประมูลวันที่ 17 ธ.ค. โดยงานจะต้องมีขึ้นในวันที่ 30 ธ.ค. 2558 ซึ่งห่างกันไม่กี่วัน หากไม่มีการรู้เห็นกันล่วงหน้าบริษัทที่ประมูลได้จะไปหาหลอดไฟ 5 ล้านดวงจากไหน เพื่อให้ทันเวลา หากไม่เตรียมไว้ก่อนแล้ว อย่างนี้ถือเป็นการล็อคสเป็คกันหรือไม่ และคุ้มค่ากับเงิน 39.5 ล้านบาทหรือไม่
“ถึงแม้ผมจะไม่มีรายละเอียดมากมาย แต่ถือว่าพฤติกรรมส่อทุจริตแล้ว เมื่อยื่นเรื่องให้กับคณะกรรมการและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในวันที่ 6 ม.ค. เวลา 11.30 น.แล้ว ทาง ป.ป.ช.ก็สามารถขอเอกสารและข้อมูลต่างๆ จากผู้ถูกร้องมาสอบได้ ทั้งนี้ในเวลา 09.30 น.ผมจะไปยื่นสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก่อน”
นายวิลาศกล่าวว่า ในส่วนของการต่อสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอส ที่นายอมรแย้งว่าเรื่องนี้มีคนยื่น ป.ป.ช.ไปแล้วนั้น ขอบอกว่าการที่ตนไปยื่นซ้ำเพราะต้องการให้จำเลยติดคุก เนื่องจากคนเก่าที่ไปยื่นอาจไม่มีข้อมูลเพียงพอ แต่ตนมีหลักฐานในการขยายสัญญาครั้งนี้ เนื่องจากสัญญาเหลืออีก 17 ปี แต่กลับต่อสัญญาเพิ่มอีก 30 ปี โดยไม่มีการเสนอราคา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่ได้รับรอง
ส่วนกรณีกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ยืนยันว่าเอกสารที่ตนขอไปทาง กทม.ระบุว่าขอข้อมูลการติดตั้งกล้องวงจรปิดตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป ซึ่งทาง กทม.ก็ส่งข้อมูลมาให้ตั้งแต่ปี 2556-2558 ดังนั้น นายอมรจะอ้างว่าตนขอเพียงปี 2556 เท่านั้นไม่ได้ เพราะการที่ กทม.ส่งข้อมูลมาให้ตนถึง 3 ปี แสดงว่าเขาเข้าใจสิ่งที่ตนขอไป โดยในเอกสารระบุว่าปี 2556 ติดตั้งกล้องวงจรปิดจำนวน 111 ตัว ปี 2557 จำนวน 11,435 ตัว และปี 2558 จำนวน 540 ตัว ซึ่งก็ไม่ครบ 47,000 กว่าตัว
“ทั้ง 3 เรื่องนี้ นายอมรต้องรับผิดชอบ เพราะมีความเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยกรณีซีซีทีวีเป็นความรับผิดชอบของสำนักงานจราจรและขนส่ง กทม. ส่วนการติดตั้งไฟลานคนเมืองอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ทั้งสองหน่วยงานนี้นายอมรเป็นผู้รับผิดชอบในฐานะรองผู้ว่าฯ กทม. ส่วนการขยายสัญญาให้กับรถไฟฟ้าบีทีเอสนั้น ขณะทำสัญญาก่อนที่นายอมรจะมาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม ซึ่งเป็นบริษัทที่ กทม.ตั้งขึ้นให้มาดูแลรถไฟฟ้าบีทีเอสมาก่อน ดังนั้น นายอมรจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ ทั้งนี้เรื่องคงไม่สามารถเอาผิดไปถึง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ได้ เพราะได้มอบหมายให้รองผู้ว่าฯ รับผิดชอบแล้ว”