ผู้จัดการรายวัน360- ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ระบุพบบริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิลฯผู้ชนะประมูลประดับไฟมูลค่า 39 ล้านบาท แต่ส่งต่อให้บริษัทอื่นดำเนินการ แต่กลับไม่มีสัญญาว่าจ้าง พบพิรุธ ปัดทำส่วนตัวไม่เกี่ยวพรรค ท้าแน่จริงดีเบตผ่านสื่อ
วานนี้ (5 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวกับรายการ เจาะลึกทั่วไทย ถึงกรณีการพบข้อพิรุธการจัดงานแสดงไฟประดับ บริเวณลานคนเมือง กรุงเทพมหานคร โดยระบุว่า จากที่ สตง. ดำเนินการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด ที่เป็นผู้ชนะการประมูล เข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทรับจ้างจัดไฟ เมื่อเดือน ก.ย. 58 ก่อนจะเปิดการประมูลในเดือน ธ.ค. 58 เพียงไม่นาน รวมถึงดำเนินการจัดไฟก่อนที่การประมูลจะเกิดขึ้น และเมื่อชนะการประมูล ได้ส่งต่อให้อีกบริษัทเป็นผู้ดำเนินการแทน โดยไม่มีสัญญาว่าจ้างแต่อย่างใด
นอกจากนี้ เมื่อทำการตรวจสอบโดยละเอียดพบว่า ในสัญญาการจัดงานดังกล่าว ใช้คำว่า สัญญาจ้างจัดงานเพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว และ เช่าไฟประดับ ไม่ใช่การจัดซื้อไฟตามที่ทางกรุงเทพมหานครตั้งโต๊ะแถลงเมื่อวาน (4 ม.ค. 59)
ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอ.ตช.) กล่าวว่า ตนเป็น ผอ.ศอ.ตช. ไม่ได้เป็นประธานสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และไม่ไปก้าวก่ายงานของ สตง. อีกทั้งกรุงเทพมหานครก็เป็นอิสระของเขา กระทรวงยุติธรรมไปทำอะไรเขาไม่ได้เพราะไม่ได้มีหน้าที่
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาฯ กล่าวถึงกรณีนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร(กทม.)แถลงชี้แจง 3 โครงการบริหารของกทม.ส่อว่าไม่โปร่งใสว่า กรณีการจัดซื้อจัดจ้างและติดกล้องซีซีทีวี กทม.ที่นายอมรระบุนั้น ไม่ตรงกับความจริงที่บอกว่า ได้ส่งเอกสารสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างกล้องซีซีทีวีให้ตนทั้งหมดแล้ว เป็นการโกหก
เนื่องจากตนทำหนังสือขอรายละเอียดสัญญาจัดซื้อจัดจ้างรวมถึงสัญญาเกี่ยวเนื่องกับซีซีทีวีทั้งหมดตั้งแต่ปีงบประมาณ2556 ครั้งแรกในวันที่ 22 ต.ค. 2558 แต่กทม.ส่งสัญญาจ้างเหมาของปี 56-58 มาให้ โดยไม่มีรายละเอียดของสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ไม่มีทีโออาร์ ไม่มีราคา ไม่มีคุณสมบัติของกล้อง ไม่มีชื่อบริษัทคู่สัญญา บอกแค่ว่ามีกล้องติดตั้ง 11,000 ตัวเศษ
นายวิลาศ กล่าวต่อว่า ดังนั้นในวันที่ 26 พ.ย. 2558 ตนจึงทำหนังสือขอเอกสารรายละเอียดสัญญาจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด โดยแจ้งว่าเอกสารที่ กทม.ส่งมาให้ไม่สามารถใช้ตรวจสอบอะไรได้ตามที่ กทม. ระบุว่าพร้อมให้ตรวจสอบ เพราะกทม.ระบุเองว่า ติดตั้งกล้องไปแล้ว 47,000 ตัวเศษแต่กลับไม่มีรายละเอียดการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างกล้องทั้งหมด จากประสบการณ์ที่ทำการตรวจสอบ พฤติการณ์ปกปิดข้อเท็จจริงเช่นนี้ส่อว่ามีการทุจริต ยิ่งแถลงล่าสุดเมื่อ 4 ม.ค. ว่า ส่งมอบเอกสารให้หมดแล้วนั้นและเหมาว่า ตนเข้าใจผิด โดยระบุว่า กล้องส่วนที่เหลือ มีการซื้อมาก่อนตั้งแต่ปี2552 ซึ่งไม่น่าตรงกับข้อเท็จจริง เพราะนโยบายที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่ลงสมัครผู้ว่าฯกทม. รอบสองในปี 2556 เพิ่งจะประกาศนโยบายติดกล้องซีซีทีวี เน้นเรื่องความปลอดภัย จึงขอให้กทม.พูดความจริง
ส่วนที่นายอมร ระบุว่า อย่าอ้างพรรคมาตรวจสอบนั้น นายวิลาศ กล่าวว่า ตนพูดเสมอว่าตรวจสอบในฐานะอดีตประธานกมธ.ป.ป.ช. สภาฯไม่เกี่ยวกับพรรค จึงอย่าโยงถึงพรรค ถามว่า มีโทรทัศน์หลายช่อง ขอให้ไปดีเบตตอบข้อซักถาม ทำไม ไม่กล้าตอบรับ กลัวอะไร
“ส่วนที่ปฏิเสธว่า ไม่มีการฮั้วในโครงการติดไฟแอลอีดี 5 ล้านดวงวงเงิน 39.5 ล้านบาทนั้น ตนไม่สนใจเรื่องความเหมาะสมหรือความคุ้มค่าใดๆ แต่สนใจแค่เรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน นอกจากข้อสังเกตของ สตง.เรื่องบริษัทคิวริโอ ทัวร์แอนแทรเวิล จำกัด เพิ่งขออนุญาตจดทะเบียนทำธุรกิจตกแต่งไฟในวันที่7ก.ย. 2558 นั้น ยังพบพฤติการณ์ส่อทุจริตการฮั้วงานอีกคือ พบว่าบริษัทสรรค์สร้าง จำกัด ซึ่งเป็นคู่เทียบที่เสนอราคาแข่งในงานติดไฟนี้ ก็เพิ่งจดทะเบียนขออนุญาตทำธุรกิจตกแต่งไฟเช่นกัน คือขอจดทะเบียนในวันที่ 2 ธ.ค. 2558 แล้วยื่นซองเพื่อประมูลงานแข่ง ในวันที่ 7 ธ.ค. ชี้ให้เห็นว่าเป็นการจดทะเบียนเพื่อมาเป็นบริษัทคู่เทียบในการประมูลเท่านั้น”
วานนี้ (5 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวกับรายการ เจาะลึกทั่วไทย ถึงกรณีการพบข้อพิรุธการจัดงานแสดงไฟประดับ บริเวณลานคนเมือง กรุงเทพมหานคร โดยระบุว่า จากที่ สตง. ดำเนินการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด ที่เป็นผู้ชนะการประมูล เข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทรับจ้างจัดไฟ เมื่อเดือน ก.ย. 58 ก่อนจะเปิดการประมูลในเดือน ธ.ค. 58 เพียงไม่นาน รวมถึงดำเนินการจัดไฟก่อนที่การประมูลจะเกิดขึ้น และเมื่อชนะการประมูล ได้ส่งต่อให้อีกบริษัทเป็นผู้ดำเนินการแทน โดยไม่มีสัญญาว่าจ้างแต่อย่างใด
นอกจากนี้ เมื่อทำการตรวจสอบโดยละเอียดพบว่า ในสัญญาการจัดงานดังกล่าว ใช้คำว่า สัญญาจ้างจัดงานเพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว และ เช่าไฟประดับ ไม่ใช่การจัดซื้อไฟตามที่ทางกรุงเทพมหานครตั้งโต๊ะแถลงเมื่อวาน (4 ม.ค. 59)
ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอ.ตช.) กล่าวว่า ตนเป็น ผอ.ศอ.ตช. ไม่ได้เป็นประธานสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และไม่ไปก้าวก่ายงานของ สตง. อีกทั้งกรุงเทพมหานครก็เป็นอิสระของเขา กระทรวงยุติธรรมไปทำอะไรเขาไม่ได้เพราะไม่ได้มีหน้าที่
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาฯ กล่าวถึงกรณีนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร(กทม.)แถลงชี้แจง 3 โครงการบริหารของกทม.ส่อว่าไม่โปร่งใสว่า กรณีการจัดซื้อจัดจ้างและติดกล้องซีซีทีวี กทม.ที่นายอมรระบุนั้น ไม่ตรงกับความจริงที่บอกว่า ได้ส่งเอกสารสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างกล้องซีซีทีวีให้ตนทั้งหมดแล้ว เป็นการโกหก
เนื่องจากตนทำหนังสือขอรายละเอียดสัญญาจัดซื้อจัดจ้างรวมถึงสัญญาเกี่ยวเนื่องกับซีซีทีวีทั้งหมดตั้งแต่ปีงบประมาณ2556 ครั้งแรกในวันที่ 22 ต.ค. 2558 แต่กทม.ส่งสัญญาจ้างเหมาของปี 56-58 มาให้ โดยไม่มีรายละเอียดของสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ไม่มีทีโออาร์ ไม่มีราคา ไม่มีคุณสมบัติของกล้อง ไม่มีชื่อบริษัทคู่สัญญา บอกแค่ว่ามีกล้องติดตั้ง 11,000 ตัวเศษ
นายวิลาศ กล่าวต่อว่า ดังนั้นในวันที่ 26 พ.ย. 2558 ตนจึงทำหนังสือขอเอกสารรายละเอียดสัญญาจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด โดยแจ้งว่าเอกสารที่ กทม.ส่งมาให้ไม่สามารถใช้ตรวจสอบอะไรได้ตามที่ กทม. ระบุว่าพร้อมให้ตรวจสอบ เพราะกทม.ระบุเองว่า ติดตั้งกล้องไปแล้ว 47,000 ตัวเศษแต่กลับไม่มีรายละเอียดการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างกล้องทั้งหมด จากประสบการณ์ที่ทำการตรวจสอบ พฤติการณ์ปกปิดข้อเท็จจริงเช่นนี้ส่อว่ามีการทุจริต ยิ่งแถลงล่าสุดเมื่อ 4 ม.ค. ว่า ส่งมอบเอกสารให้หมดแล้วนั้นและเหมาว่า ตนเข้าใจผิด โดยระบุว่า กล้องส่วนที่เหลือ มีการซื้อมาก่อนตั้งแต่ปี2552 ซึ่งไม่น่าตรงกับข้อเท็จจริง เพราะนโยบายที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่ลงสมัครผู้ว่าฯกทม. รอบสองในปี 2556 เพิ่งจะประกาศนโยบายติดกล้องซีซีทีวี เน้นเรื่องความปลอดภัย จึงขอให้กทม.พูดความจริง
ส่วนที่นายอมร ระบุว่า อย่าอ้างพรรคมาตรวจสอบนั้น นายวิลาศ กล่าวว่า ตนพูดเสมอว่าตรวจสอบในฐานะอดีตประธานกมธ.ป.ป.ช. สภาฯไม่เกี่ยวกับพรรค จึงอย่าโยงถึงพรรค ถามว่า มีโทรทัศน์หลายช่อง ขอให้ไปดีเบตตอบข้อซักถาม ทำไม ไม่กล้าตอบรับ กลัวอะไร
“ส่วนที่ปฏิเสธว่า ไม่มีการฮั้วในโครงการติดไฟแอลอีดี 5 ล้านดวงวงเงิน 39.5 ล้านบาทนั้น ตนไม่สนใจเรื่องความเหมาะสมหรือความคุ้มค่าใดๆ แต่สนใจแค่เรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน นอกจากข้อสังเกตของ สตง.เรื่องบริษัทคิวริโอ ทัวร์แอนแทรเวิล จำกัด เพิ่งขออนุญาตจดทะเบียนทำธุรกิจตกแต่งไฟในวันที่7ก.ย. 2558 นั้น ยังพบพฤติการณ์ส่อทุจริตการฮั้วงานอีกคือ พบว่าบริษัทสรรค์สร้าง จำกัด ซึ่งเป็นคู่เทียบที่เสนอราคาแข่งในงานติดไฟนี้ ก็เพิ่งจดทะเบียนขออนุญาตทำธุรกิจตกแต่งไฟเช่นกัน คือขอจดทะเบียนในวันที่ 2 ธ.ค. 2558 แล้วยื่นซองเพื่อประมูลงานแข่ง ในวันที่ 7 ธ.ค. ชี้ให้เห็นว่าเป็นการจดทะเบียนเพื่อมาเป็นบริษัทคู่เทียบในการประมูลเท่านั้น”
