ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กป้อม" ลั่นให้ความเป็นธรรมกรณี “ชายพิการ”ถูกรุมฆ่าจนเสียชีวิต "ศานิตย์"ลงพื้นที่ติดตามคดีด้วยตนเอง ยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย มั่นใจหลักฐานเอาผิดได้ ไม่สนแม้เป็นลูกตำรวจ ยันหญิงสาวตัวยุ หากพบทำจริง มีความผิดเท่าตัวการ ผกก.สน.โชคชัย ปัดตำรวจไม่ได้ปล่อยให้ผู้ต้องหาหลบหนี แต่ให้ไป รพ. เหตุถูกฟันแขน ก่อนส่งตำรวจไปรวบตัว "วิกรม"โพสต์เสนอให้ใช้ยาแรง ประหารชีวิต 6 โจ๋โหด
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มวัยรุ่นชายจำนวน 6 คน ก่อเหตุใช้อาวุธมีดรุมทำร้ายร่างกาย นายสมเกียรติ ศรีจันทร์ อายุ 36 ปี ชายขาพิการอาชีพส่งขนมปัง จนเสียชีวิต หน้าร้านขายขนมปัง ซอยโชคชัย 4 แยก 69 เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา ว่า ผู้เสียชีวิตต้องได้รับความเป็นธรรม 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะตนดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้รับความเป็นธรรม คงไม่ได้ จะเป็นลูกตำรวจหรือลูกใคร ก็ไม่ได้ทั้งนั้น ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายทั้งหมด รัฐบาลใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในทุกเรื่อง
ที่สน.โชคชัย พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. ได้เดินทางมาตรวจสอบสำนวนคดี พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยมี พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.ชัยรพ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โชคชัย ร่วมให้สัมภาษณ์
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า มาตรวจสอบคดีด้วยตัวเอง เพราะอยากให้ทุกคนมั่นใจว่าคนผิดต้องติดคุก แต่ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยจากการตรวจสอบสำนวน พบว่าพยานหลักฐานสมบูรณ์ สามารถเอาผิดได้ ในส่วนที่ญาตินายสมเกียรติระบุจะแจ้งความผู้หญิงที่อยู่ในเหตุการณ์ในข้อหายุยง ส่งเสริม ตามมาตรา 83 นั้น จะได้รับโทษ 2 ใน 3 เท่านั้น แต่หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าหญิงคนดังกล่าวอยู่ในเหตุการณ์และมีการตะโกนบอก "เอาเลยๆ เอามันให้ตาย" ตามที่มีการกล่าวอ้าง จะถือว่ามีความผิดเทียบเท่าตัวการร่วม ซึ่งจะต้องรับโทษเทียบเท่าตัวการ คือ รับโทษเต็ม
ส่วนของการแจ้งข้อหาทั้ง 6 คน พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย , บุกรุก และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามป.อาญา ม.288 แล้ว ซึ่งที่ญาติและทนายประสงค์อยากให้แจ้งเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น จะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าการที่ไปนำมีดมานั้น ต้องการนำมาเพียงเพื่อป้องกันตนเอง หรือมีเจตนาจะนำมาฆ่านายสมเกียรติจริงๆ ซึ่งหากเป็นกรณีหลังจะเปลี่ยนเป็นความผิดตามป.อาญา ม.289 ซึ่งมีโทษที่สูงกว่า ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่ากระทำการไปเพื่อป้องกันตัวเอง ก็ต้องพิสูจน์กันว่าการป้องกันดังกล่าวเกินกว่าเหตุหรือไม่ต่อไป
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ในส่วนของการตรวจหาสารเสพติดทั้ง 6 คน ยืนยันไม่พบสารเสพติด หลายคนอาจจะเห็นใจหลายๆ ฝ่าย ซึ่งตนก็มีความเห็นใจครอบครัวทั้ง 2 ฝ่าย แต่การเห็นใจดังกล่าวจะไม่นำไปสู่การช่วยเหลือในทางที่ผิดแน่นอน ใครผิดก็ต้องว่ากันไปตามนั้น ในส่วนของตำรวจซึ่งเป็นผู้ปกครองของกลุ่มผู้ต้องหา แท้จริงตนก็อยากนำมาให้ผู้สื่อข่าวซักถาม หรือตอบข้อสงสัยในบางประเด็น แต่สิ่งที่อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าพ่อแม่ที่เป็นตำรวจไม่ได้ทำอะไรผิด และสอนลูกมาดีแล้ว แต่ลูกทำเช่นนี้ ก็ช้ำใจอยู่แล้ว
"ลูกตำรวจมีเป็นแสนเป็นล้าน ที่ได้ดี ก็มีอีกเยอะ จึงไม่อยากให้ตั้งเป้าในประเด็นดังกล่าว แต่หากลูกตำรวจคนไหนทำผิดก็ไม่ละเว้น หากลูกผมทำผิด ผมก็จับ และหากทางญาติผู้เสียชีวิต มีอะไรที่ยังค้างคา หรือติดใจ หรือสงสัยในประเด็นไหน หรือมีสิ่งใดที่ตำรวจกระทำไปแล้วไม่ถูกใจ ก็น้อมรับผิดในฐานะผู้บังคับบัญชา และขอให้เข้ามาติดต่อส่วนตัวได้เลย น้อมรับฟัง เปิดใจ และพร้อมตอบคำถามทุกกรณี"พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ชัยรพ กล่าวว่า ขณะนี้สอบปากคำไปแล้ว 13 ปาก และฝากขังกลุ่มผู้ต้องหาไปแล้ว ในส่วนของหญิงสาวที่อยู่ในเหตุการณ์ พบว่ามี 2 คน และเป็นเยาวชนทั้งคู่ คือ น.ส.ขวัญ และน.ส.กระแต ซึ่งหลังเกิดเหตุได้นำตัว น.ส.ขวัญมาสอบปากคำแล้ว แต่ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องคลิปเสียงที่ระบุว่ายุยง ส่งเสริมให้ทำผิดดังกล่าว จากนั้น จะนำตัว น.ส.กระแตมาสอบปากคำ เพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
เมื่อถามถึงกรณีญาติติดใจว่าขณะเกิดเหตุและมีตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้ช่วยระงับเหตุเท่าที่ควรจะเป็น และยังปล่อยผู้ก่อเหตุบางรายไปนั้น พ.ต.อ.ชัยรพ กล่าวว่า ตรวจสอบแล้วพบว่าวันเกิดเหตุ สายตรวจรับแจ้งว่ามีการทำร้ายร่างกาย ตำรวจจึงพยายามวิ่งไปที่เกิดเหตุ เพื่อระงับเหตุดังกล่าว โดระบุว่าตำรวจสันติบาลเข้าไปช่วยระงับเหตุด้วย แต่กลับไม่มีใครฟัง จากการตรวจสอบคลิปจึงสอบถามไปยังตำรวจพบว่าพยายามหยุดเหตุดังกล่าวให้สงบ , และหาว่าใครที่ถือมีด หรือใครที่กำลังฟันใคร ต้องเข้าไปหยุดเหตุ , ส่วนผู้ก่อเหตุที่ถูกปล่อยตัวไปนั้น แท้จริงไม่ได้ปล่อย แต่ให้ไปรพ.เพราะที่เห็นคือถูกฟันจนแขนจะขาด และมีตำรวจสันติบาลเข้าไปช่วยเหตุดังกล่าวก่อนแล้ว
ต่อมา พล.ต.ท.ศานิตย์ พร้อม พล.ต.ต.นันทชาติ ผบก.น.4 พ.ต.อ.ชัยรพ ผกก.สน.โชคชัย เดินทางไปยังร้านขายขนมปัง ซอยโชคชัย 4 แยก 69 เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุและพบญาติของนายสมเกียรติ ก่อนจะพูดคุยให้กำลังใจ และขอให้มั่นใจในเรื่องคดีกับนางธันยชนก ศรีจันทร์ พี่สาวของนายสมเกียรติ และน.ส.ภัสธิร์ญา ภัคสิรีธร หลานสาวของนายสมเกียรติ
นางธัญชนก กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ น.ส.ภัสธิร์ญา ลูกสาวตนอยู่ในเหตุการณ์ ระบุว่า วันเกิดเหตุมีผู้หญิง ซึ่งเป็นแฟนของผู้ก่อเหตุมาขู่ว่า "ถ้าผัวกูเป็นอะไร เอาพวกเมิงแน่" ทำให้ทางครอบครัวกังวลจนไม่กล้ามาพักอาศัยที่ร้าน ขณะนี้ร้านก็ปิด ไม่กล้าเปิดร้าน และคนในละแวกยังได้เล่าให้ฟังว่าพบเห็นคนต้องสงสัยมาขับรถวนเวียนผ่านหน้าร้านหลายครั้ง ตนจึงอยากขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบและดูแล โดยยืนยันว่านายสมเกียรติไม่เคยเล่าว่าทะเลาะกับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว และตนก็ไม่ได้รู้จักกับกลุ่มดังกล่าวเช่นกัน พอทราบว่าเป็นลูกตำรวจ ตนไม่สบายใจมาก แต่ขณะนี้ยอมรับว่าสบายใจขึ้นแล้วที่ พล.ต.ท.ศานิตย์เข้ามาดูแลด้วยตนเอง ทั้งนี้ จะฌาปนกิจศพนายสมเกียรติในวันที่ 5 พ.ค.นี้
วันเดียวกันนี้ นายวิกรม กรมดิษฐ์ มหาเศรษฐีหมื่นล้าน ได้โพสต์แสดงความเห็นผ่านเพจเฟซบุ๊ก "Vikrom Kromadit วิกรม กรมดิษฐ์" ระบุว่า ผมรู้สึกแย่สุดๆ ที่เห็นข่าววัยรุ่น6คนรุมทำร้ายฆ่าคนพิการที่ไม่มีทางต่อสู้ที่ไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งอะไรกันมาก่อนอย่างโหดเหี้ยมจนเสียชีวิต พฤติกรรมวัยรุ่นไทยเข้าขั้นวิกฤตแล้วที่จะสร้างปัญหาและภาระที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยต่อคนในสังคมทุกเพศทุกวัยทุกเวลาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ประเทศไทยกลายเป็นสังคมอันตรายต่อทั้งคนไทยและต่างชาติ เด็กไทยจำนวนไม่น้อยมีค่านิยมเลวๆ สามารถสร้างความเสียหายต่อชีวิตคนและชื่อเสียงของประเทศได้ทุกเมื่อ เด็กเหล่านี้กำลังเป็นมะเร็งต่อสังคมที่จะขยายตัวไปเรื่อยๆและเป็นตัวอย่างให้เด็กอื่นๆ ให้ทำความชั่วเพิ่มได้อีก
สังคมกำลังก้าวสู่วิกฤตขั้นกลียุคที่ประชาชนทุกคนต้องช่วยกันแก้ไขอย่างจริงจัง ฉะนั้น วันนี้ผมขอเสนอให้ประหารชีวิตวัยรุ่นชั่วร้ายทั้งหมดอย่างไม่มีข้อยกเว้น อย่างไม่ต้องคำนึงถึงความสงสารใดๆ ในการเป็นชาวพุทธ ประเทศไทยควรใช้กฎหมายเล่มเดียวกับสิงคโปร์ที่ขณะนี้เป็นประเทศที่ปลอดภัยและน่าอยู่ที่สุดในโลก
หากท่านใดเห็นด้วยก็กดlikeหรือข้อความสนับสนุนโดยไม่ใช้คำหยาบคายและรุนแรงใดๆ ผมจะขอนำข้อความนี้เสนอต่อรัฐบาล เพื่อดำเนินการที่สะท้อนความรู้สึกของประชาชนคนไทยที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่มั่นคงยั่งยืนไม่ต้องมานั่งเสี่ยงชีวิตเช่นปัจจุบัน ผมเชื่อว่าประหารชีวิตคนเลวๆ สักหมื่นคน ประเทศไทยไม่สูญพันธ์อย่างแน่นอน!!!
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มวัยรุ่นชายจำนวน 6 คน ก่อเหตุใช้อาวุธมีดรุมทำร้ายร่างกาย นายสมเกียรติ ศรีจันทร์ อายุ 36 ปี ชายขาพิการอาชีพส่งขนมปัง จนเสียชีวิต หน้าร้านขายขนมปัง ซอยโชคชัย 4 แยก 69 เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา ว่า ผู้เสียชีวิตต้องได้รับความเป็นธรรม 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะตนดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้รับความเป็นธรรม คงไม่ได้ จะเป็นลูกตำรวจหรือลูกใคร ก็ไม่ได้ทั้งนั้น ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายทั้งหมด รัฐบาลใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในทุกเรื่อง
ที่สน.โชคชัย พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. ได้เดินทางมาตรวจสอบสำนวนคดี พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยมี พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.ชัยรพ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โชคชัย ร่วมให้สัมภาษณ์
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า มาตรวจสอบคดีด้วยตัวเอง เพราะอยากให้ทุกคนมั่นใจว่าคนผิดต้องติดคุก แต่ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยจากการตรวจสอบสำนวน พบว่าพยานหลักฐานสมบูรณ์ สามารถเอาผิดได้ ในส่วนที่ญาตินายสมเกียรติระบุจะแจ้งความผู้หญิงที่อยู่ในเหตุการณ์ในข้อหายุยง ส่งเสริม ตามมาตรา 83 นั้น จะได้รับโทษ 2 ใน 3 เท่านั้น แต่หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าหญิงคนดังกล่าวอยู่ในเหตุการณ์และมีการตะโกนบอก "เอาเลยๆ เอามันให้ตาย" ตามที่มีการกล่าวอ้าง จะถือว่ามีความผิดเทียบเท่าตัวการร่วม ซึ่งจะต้องรับโทษเทียบเท่าตัวการ คือ รับโทษเต็ม
ส่วนของการแจ้งข้อหาทั้ง 6 คน พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย , บุกรุก และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามป.อาญา ม.288 แล้ว ซึ่งที่ญาติและทนายประสงค์อยากให้แจ้งเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น จะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าการที่ไปนำมีดมานั้น ต้องการนำมาเพียงเพื่อป้องกันตนเอง หรือมีเจตนาจะนำมาฆ่านายสมเกียรติจริงๆ ซึ่งหากเป็นกรณีหลังจะเปลี่ยนเป็นความผิดตามป.อาญา ม.289 ซึ่งมีโทษที่สูงกว่า ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่ากระทำการไปเพื่อป้องกันตัวเอง ก็ต้องพิสูจน์กันว่าการป้องกันดังกล่าวเกินกว่าเหตุหรือไม่ต่อไป
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ในส่วนของการตรวจหาสารเสพติดทั้ง 6 คน ยืนยันไม่พบสารเสพติด หลายคนอาจจะเห็นใจหลายๆ ฝ่าย ซึ่งตนก็มีความเห็นใจครอบครัวทั้ง 2 ฝ่าย แต่การเห็นใจดังกล่าวจะไม่นำไปสู่การช่วยเหลือในทางที่ผิดแน่นอน ใครผิดก็ต้องว่ากันไปตามนั้น ในส่วนของตำรวจซึ่งเป็นผู้ปกครองของกลุ่มผู้ต้องหา แท้จริงตนก็อยากนำมาให้ผู้สื่อข่าวซักถาม หรือตอบข้อสงสัยในบางประเด็น แต่สิ่งที่อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าพ่อแม่ที่เป็นตำรวจไม่ได้ทำอะไรผิด และสอนลูกมาดีแล้ว แต่ลูกทำเช่นนี้ ก็ช้ำใจอยู่แล้ว
"ลูกตำรวจมีเป็นแสนเป็นล้าน ที่ได้ดี ก็มีอีกเยอะ จึงไม่อยากให้ตั้งเป้าในประเด็นดังกล่าว แต่หากลูกตำรวจคนไหนทำผิดก็ไม่ละเว้น หากลูกผมทำผิด ผมก็จับ และหากทางญาติผู้เสียชีวิต มีอะไรที่ยังค้างคา หรือติดใจ หรือสงสัยในประเด็นไหน หรือมีสิ่งใดที่ตำรวจกระทำไปแล้วไม่ถูกใจ ก็น้อมรับผิดในฐานะผู้บังคับบัญชา และขอให้เข้ามาติดต่อส่วนตัวได้เลย น้อมรับฟัง เปิดใจ และพร้อมตอบคำถามทุกกรณี"พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ชัยรพ กล่าวว่า ขณะนี้สอบปากคำไปแล้ว 13 ปาก และฝากขังกลุ่มผู้ต้องหาไปแล้ว ในส่วนของหญิงสาวที่อยู่ในเหตุการณ์ พบว่ามี 2 คน และเป็นเยาวชนทั้งคู่ คือ น.ส.ขวัญ และน.ส.กระแต ซึ่งหลังเกิดเหตุได้นำตัว น.ส.ขวัญมาสอบปากคำแล้ว แต่ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องคลิปเสียงที่ระบุว่ายุยง ส่งเสริมให้ทำผิดดังกล่าว จากนั้น จะนำตัว น.ส.กระแตมาสอบปากคำ เพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
เมื่อถามถึงกรณีญาติติดใจว่าขณะเกิดเหตุและมีตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้ช่วยระงับเหตุเท่าที่ควรจะเป็น และยังปล่อยผู้ก่อเหตุบางรายไปนั้น พ.ต.อ.ชัยรพ กล่าวว่า ตรวจสอบแล้วพบว่าวันเกิดเหตุ สายตรวจรับแจ้งว่ามีการทำร้ายร่างกาย ตำรวจจึงพยายามวิ่งไปที่เกิดเหตุ เพื่อระงับเหตุดังกล่าว โดระบุว่าตำรวจสันติบาลเข้าไปช่วยระงับเหตุด้วย แต่กลับไม่มีใครฟัง จากการตรวจสอบคลิปจึงสอบถามไปยังตำรวจพบว่าพยายามหยุดเหตุดังกล่าวให้สงบ , และหาว่าใครที่ถือมีด หรือใครที่กำลังฟันใคร ต้องเข้าไปหยุดเหตุ , ส่วนผู้ก่อเหตุที่ถูกปล่อยตัวไปนั้น แท้จริงไม่ได้ปล่อย แต่ให้ไปรพ.เพราะที่เห็นคือถูกฟันจนแขนจะขาด และมีตำรวจสันติบาลเข้าไปช่วยเหตุดังกล่าวก่อนแล้ว
ต่อมา พล.ต.ท.ศานิตย์ พร้อม พล.ต.ต.นันทชาติ ผบก.น.4 พ.ต.อ.ชัยรพ ผกก.สน.โชคชัย เดินทางไปยังร้านขายขนมปัง ซอยโชคชัย 4 แยก 69 เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุและพบญาติของนายสมเกียรติ ก่อนจะพูดคุยให้กำลังใจ และขอให้มั่นใจในเรื่องคดีกับนางธันยชนก ศรีจันทร์ พี่สาวของนายสมเกียรติ และน.ส.ภัสธิร์ญา ภัคสิรีธร หลานสาวของนายสมเกียรติ
นางธัญชนก กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ น.ส.ภัสธิร์ญา ลูกสาวตนอยู่ในเหตุการณ์ ระบุว่า วันเกิดเหตุมีผู้หญิง ซึ่งเป็นแฟนของผู้ก่อเหตุมาขู่ว่า "ถ้าผัวกูเป็นอะไร เอาพวกเมิงแน่" ทำให้ทางครอบครัวกังวลจนไม่กล้ามาพักอาศัยที่ร้าน ขณะนี้ร้านก็ปิด ไม่กล้าเปิดร้าน และคนในละแวกยังได้เล่าให้ฟังว่าพบเห็นคนต้องสงสัยมาขับรถวนเวียนผ่านหน้าร้านหลายครั้ง ตนจึงอยากขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบและดูแล โดยยืนยันว่านายสมเกียรติไม่เคยเล่าว่าทะเลาะกับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว และตนก็ไม่ได้รู้จักกับกลุ่มดังกล่าวเช่นกัน พอทราบว่าเป็นลูกตำรวจ ตนไม่สบายใจมาก แต่ขณะนี้ยอมรับว่าสบายใจขึ้นแล้วที่ พล.ต.ท.ศานิตย์เข้ามาดูแลด้วยตนเอง ทั้งนี้ จะฌาปนกิจศพนายสมเกียรติในวันที่ 5 พ.ค.นี้
วันเดียวกันนี้ นายวิกรม กรมดิษฐ์ มหาเศรษฐีหมื่นล้าน ได้โพสต์แสดงความเห็นผ่านเพจเฟซบุ๊ก "Vikrom Kromadit วิกรม กรมดิษฐ์" ระบุว่า ผมรู้สึกแย่สุดๆ ที่เห็นข่าววัยรุ่น6คนรุมทำร้ายฆ่าคนพิการที่ไม่มีทางต่อสู้ที่ไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งอะไรกันมาก่อนอย่างโหดเหี้ยมจนเสียชีวิต พฤติกรรมวัยรุ่นไทยเข้าขั้นวิกฤตแล้วที่จะสร้างปัญหาและภาระที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยต่อคนในสังคมทุกเพศทุกวัยทุกเวลาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ประเทศไทยกลายเป็นสังคมอันตรายต่อทั้งคนไทยและต่างชาติ เด็กไทยจำนวนไม่น้อยมีค่านิยมเลวๆ สามารถสร้างความเสียหายต่อชีวิตคนและชื่อเสียงของประเทศได้ทุกเมื่อ เด็กเหล่านี้กำลังเป็นมะเร็งต่อสังคมที่จะขยายตัวไปเรื่อยๆและเป็นตัวอย่างให้เด็กอื่นๆ ให้ทำความชั่วเพิ่มได้อีก
สังคมกำลังก้าวสู่วิกฤตขั้นกลียุคที่ประชาชนทุกคนต้องช่วยกันแก้ไขอย่างจริงจัง ฉะนั้น วันนี้ผมขอเสนอให้ประหารชีวิตวัยรุ่นชั่วร้ายทั้งหมดอย่างไม่มีข้อยกเว้น อย่างไม่ต้องคำนึงถึงความสงสารใดๆ ในการเป็นชาวพุทธ ประเทศไทยควรใช้กฎหมายเล่มเดียวกับสิงคโปร์ที่ขณะนี้เป็นประเทศที่ปลอดภัยและน่าอยู่ที่สุดในโลก
หากท่านใดเห็นด้วยก็กดlikeหรือข้อความสนับสนุนโดยไม่ใช้คำหยาบคายและรุนแรงใดๆ ผมจะขอนำข้อความนี้เสนอต่อรัฐบาล เพื่อดำเนินการที่สะท้อนความรู้สึกของประชาชนคนไทยที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่มั่นคงยั่งยืนไม่ต้องมานั่งเสี่ยงชีวิตเช่นปัจจุบัน ผมเชื่อว่าประหารชีวิตคนเลวๆ สักหมื่นคน ประเทศไทยไม่สูญพันธ์อย่างแน่นอน!!!