MGR Online - รรท.ผบช.น.ลงพื้นที่ตรวจสอบคดี 6 โจ๋รุมฟันชายพิการส่งขนมปังเสียชีวิต ยืนยันให้ความเป็นธรรมอก่ทุกฝ่าย มั่นใจหลักฐานสามารถเอาผิดได้ ด้าน ผกก.สน.โชคชัย ยันตำรวจสันติบาลที่เข้าช่วยระงับเหตุไม่ได้ปล่อยผู้ต้องหาหลบหนี แต่ให้ไป รพ.เพราะถูกฟันแขนก่อนจะส่งตำรวจไปรวบตัว
จากกรณีวัยรุ่นชายจำนวน 6 คนก่อเหตุใช้อาวุธมีดรุมทำร้ายร่างกายนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ อายุ 36 ปี ชายขาพิการอาชีพส่งขนมปังจนเสียชีวิตหน้าร้านขายขนมปัง ซอยโชคชัย 4 แยก 69 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุด วันนี้ (4 พ.ค.) ที่ สน.โชคชัย พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น.เดินทางมาตรวจสอบสำนวนคดี พร้อมให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยมี พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.ชัยรพ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โชคชัย ร่วมให้สัมภาษณ์ด้วย
พล.ต.ท.ศานิตย์เปิดเผยว่า มาตรวจสอบคดีด้วยตัวเองเพราะอยากให้ทุกคนมั่นใจว่าคนผิดต้องติดคุก แต่ยืนยันให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสำนวนพบว่าพยานหลักฐานสมบูรณ์สามารถเอาผิดได้ ในส่วนที่ญาตินายสมเกียรติระบุจะแจ้งความผู้หญิงที่อยู่ในเหตุการณ์ในข้อหายุยง ส่งเสริม ตามมาตรา 83 นั้น จะได้รับโทษ 2 ใน 3 เท่านั้น แต่หากตนสามารถพิสูจน์ได้ว่าหญิงคนดังกล่าวอยู่ในเหตุการณ์และมีการตะโกนบอก “เอาเลยๆ เอามันให้ตาย” ตามที่มีการกล่าวอ้าง ตนจะถือว่ามีความผิดเทียบเท่าตัวการร่วมซึ่งจะต้องรับโทษเทียบเท่าตัวการ คือรับโทษเต็ม ในส่วนของการแจ้งข้อหาทั้ง 6 คนนั้น พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย, บุกรุก และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตาม ป.อาญา มาตรา 288 แล้ว ซึ่งที่ญาติและทนายประสงค์อยากให้แจ้งเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้นจะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าการที่ไปนำมีดมานั้นต้องการนำมาเพียงเพื่อป้องกันตนเอง หรือมีเจตนาจะนำมาฆ่านายสมเกียรติจริงๆ หากเป็นกรณีหลังจะเปลี่ยนเป็นความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 289 ซึ่งมีโทษที่สูงกว่า ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่ากระทำการไปเพื่อป้องกันตัวเองนั้นก็ต้องพิสูจน์กันว่าการป้องกันดังกล่าวเกินกว่าเหตุหรือไม่ต่อไป
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ในส่วนของการตรวจหาสารเสพติด ทั้ง 6 คน ยืนยันไม่พบสารเสพติด หลายคนอาจจะเห็นใจหลายๆ ฝ่าย ซึ่งตนก็มีความเห็นใจครอบครัวทั้งสองฝ่าย แต่การเห็นใจดังกล่าวจะไม่นำไปสู่การช่วยเหลือในทางที่ผิดแน่นอน ใครผิดก็ต้องว่ากันไปตามนั้น ในส่วนของตำรวจซึ่งเป็นผู้ปกครองของกลุ่มผู้ต้องหานั้น แท้จริงตนก็อยากนำมาให้ผู้สื่อข่าวซักถาม หรือตอบข้อสงสัยในบางประเด็น แต่สิ่งที่อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าพ่อแม่ที่เป็นตำรวจไม่ได้ทำอะไรผิด และสอนลูกมาดีแล้ว แต่ลูกทำเช่นนี้ก็ช้ำใจอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ลูกตำรวจมีเป็นแสนเป็นล้าน ที่ได้ดีก็มีอีกเยอะ ตนจึงไม่อยากให้ตั้งเป้าในประเด็นดังกล่าว แต่หากลูกตำรวจคนไหนทำผิดก็ไม่ละเว้น หากลูกตนทำผิดตนก็จับ อย่างไรก็ตาม หากทางญาติผู้เสียชีวิตมีอะไรที่ยังค้างคา หรือติดใจ หรือสงสัยในประเด็นไหน หรือมีสิ่งใดที่ตำรวจกระทำไปแล้วไม่ถูกใจ ตนน้อมรับผิดในฐานะผู้บังคับบัญชา และขอให้เข้ามาติดต่อส่วนตัวกับตนได้เลย ตนน้อมรับฟัง เปิดใจ และพร้อมตอบคำถามทุกกรณี
ด้าน พ.ต.อ.ชัยรพกล่าวว่า ขณะนี้สอบปากคำไปแล้ว 13 ปาก และฝากขังกลุ่มผู้ต้องหาไปแล้ว ในส่วนของหญิงสาวที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นพบว่ามี 2 คน และเป็นเยาวชนทั้งคู่คือ น.ส.ขวัญ และ น.ส.กระแต หลังเกิดเหตุได้นำตัว น.ส.ขวัญมาสอบปากคำแล้ว แต่ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องคลิปเสียงที่ระบุว่ายุยง ส่งเสริมให้ทำผิดดังกล่าว ทั้งนี้จะนำตัว น.ส.กระแตมาสอบปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
เมื่อถามถึงกรณีญาติติดใจว่าขณะเกิดเหตุและมีตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้ช่วยระงับเหตุเท่าที่ควรจะเป็น และยังปล่อยผู้ก่อเหตุบางรายไปนั้น พ.ต.อ.ชัยรพกล่าวว่า ตรวจสอบแล้วพบว่าวันเกิดเหตุนั้นสายตรวจรับแจ้งว่ามีการทำร้ายร่างกาย ตำรวจจึงพยายามวิ่งไปที่เกิดเหตุเพื่อระงับเหตุดังกล่าว โดระบุว่าตำรวจสันติบาลเข้าไปช่วยระงับเหตุด้วย แต่กลับไม่มีใครฟัง จากการตรวจสอบคลิปจึงสอบถามไปยังตำรวจพบว่าพยายามหยุดเหตุดังกล่าวให้สงบ และหาว่าใครที่ถือมีด หรือใครที่กำลังฟันใคร ต้องเข้าไปหยุดเหตุ ส่วนผู้ก่อเหตุที่ถูกปล่อยตัวไปนั้นแท้จริงไม่ได้ปล่อย แต่ให้ไป รพ.เพราะที่เห็นคือถูกฟันจนแขนจะขาด และมีตำรวจสันติบาลเข้าไปช่วยเหตุดังกล่าวก่อนแล้ว
ต่อมา พล.ต.ท.ศานิตย์ ผบช.น. พร้อม พล.ต.ต.นันทชาติ ผบก.น.4 พ.ต.อ.ชัยรพ ผกก.สน.โชคชัย เดินทางไปยังร้านขายขนมปัง ซอยโชคชัย 4 แยก 69 เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุและพบญาติของนายสมเกียรติ ก่อนจะพูดคุยให้กำลังใจ และขอให้มั่นใจในเรื่องคดีกับนางธันยชนก ศรีจันทร์ พี่สาวของนายสมเกียรติ และ น.ส.ภัสธิร์ญา ภัคสิรีธร หลานสาวของนายสมเกียรติ
นางธัญชนกกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีความกังวล เนื่องจากในวันเกิดเหตุ น.ส.ภัสธิร์ญา ลูกสาวตนอยู่ในเหตุการณ์ ระบุว่าวันเกิดเหตุมีผู้หญิงซึ่งเป็นแฟนของผู้ก่อเหตุมาขู่ว่า “ถ้าผัวกูเป็นอะไร เอาพวกมึงแน่” ทำให้ทางครอบครัวกังวลจนไม่กล้ามาพักอาศัยที่ร้าน ขณะนี้ร้านก็ปิด ไม่กล้าเปิดร้าน นอกจากนี้คนในละแวกได้เล่าให้ฟังว่าพบเห็นคนต้องสงสัยมาขับรถวนเวียนผ่านหน้าร้านหลายครั้ง ตนจึงอยากขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบและดูแล ทั้งนี้ ยืนยันว่านายสมเกียรติไม่เคยเล่าว่าทะเลาะกับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว และตนก็ไม่ได้รู้จักกับกลุ่มดังกล่าวเช่นกัน พอทราบว่าเป็นลูกตำรวจ ตนไม่สบายใจมาก แต่ขณะนี้ยอมรับว่าสบายใจขึ้นแล้วที่ พล.ต.ท.ศานิตย์เข้ามาดูแลด้วยตนเอง ทั้งนี้จะฌาปนกิจศพนายสมเกียรติในวันที่ 5 พฤษภาคม
ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า หากได้รับการยืนยันจากญาติเรื่องการข่มขู่นี้ ตนจะขอพิสูจน์ทราบตัวบุคคล จากนั้นหากพบว่ามีการข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัวดังที่เล่าจริงจะต้องถูกแจ้งข้อหาข่มขู่ผู้อื่นทำให้เกิดความหวาดกลัวต่อไป
ต่อมาเวลา 13.00 น. พล.ต.ท.ศานิตย์ได้เรียกเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าประชุมเพื่อหาสาเหตุการเกิดเหตุดังกล่าวเพื่อความกระจ่างหายข้อสงสัย โดยหลังการประชุมได้เปิดเผยภาพกล้องวงจรปิดสถานที่เกิดเหตุซึ่งลำดับภาพเหตุการณ์อย่างชัดเจน
จากการตรวจสอบภาพของกล้องวงจรปิดพบว่า นายสมเกียรติ ศรีจันทร์ อายุ 36 ปี ชายพิการผู้เสียชีวิต ได้ขับขี่จักรยานยนต์เข้ามาภายในถนนโชคชัย 4 ซอย 69 โดยมีกลุ่มผู้ต้องหาขับขี่จักรยานยนต์มาจำนวน 2 คัน ภาพที่ปรากฏเป็นภาพหลังจากที่มีการแซวเกิดขึ้นแล้ว จากนั้นภาพวงจรปิดภายในร้านขนมปังบันทึกภาพนายสมเกียรติได้เข้ามาหยิบสิ่งของที่คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธมีดสั้น ต่อมาภาพกล้องวงจรปิดภายในอพาร์ตเมนต์มาเมซอง ซอยลาดพร้าว-วังหิน 48 ห้องพักของกลุ่มผู้ต้องหาสามารถบันทึกภาพนายสมเกียรติขับขี่จักรยานยนต์ตามมาหาเรื่องทำให้มีปากเสียงและแยกย้ายกันไป
ต่อมาภายหลังภาพกล้องวงจรปิดภายในร้านขนมปังได้มีการบันทึกภาพขณะที่มีชาย 2 คนในกลุ่มผู้ต้องหาพยายามเข้ามาภายในร้าน แต่นายเมธัศ (หลานชาย) ห้ามไว้ กระทั่งนายสมเกียรติคว้าอาวุธมีดยาวออกไปจากร้านจึงเกิดเหตุขึ้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายพีรพล ยศพงษ์อนันต์ ผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุใช้มีดแทงนายสมเกียรติ มาสอบสวนภายหลังแพทย์อนุญาตให้ผู้ต้องหาออกจากโรงพยาบาลได้
นายพีรพลให้การว่า ตนเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง แต่ยืนยันไม่มีเจตนาฆ่า เพียงแต่บันดาลโทสะเนื่องจากตนถูกนายสมเกียรติใช้มีดฟันเข้าที่แขนซ้ายจนเป็นบาดแผลฉกรรจ์จึงใช้มีดในป้องกันตัวเท่านั้น
นายพีรพลกล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุตนและพวกได้ขับขี่จักรยานยนต์ผ่านร้านนายสมเกียรติ ไม่ได้มีการด่าทอ เพียงแค่พูดว่าต้องการซื้อขนมปังเท่านั้น ต่อมาก็ได้นายสมเกียรติตามหาเรื่องถึงที่พัก ตนก็ได้ไกล่เกลี่ยและขอโทษไปแล้วจึงได้แยกย้ายกันกลับที่พัก แต่เพื่อนของตนที่ต้องใช้เส้นทางกลับบ้านโดยผ่านหน้าร้านขนมปังดังกล่าวมาพบกับนายสมเกียรติอีกครั้งจึงได้เกิดเหตุขึ้น
จากการสอบสวนเบื้องต้นพบพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของกลุ่มผู้ต้องหา ส่วนผู้หญิง 2 คนที่ฝ่ายผู้เสียหายอ้างว่ามีการยั่วยุส่งเสริมให้เกิดการก่อเหตุ จากการตรวจสอบพบว่าผู้หญิง 2 คนได้โดยสารรถแท็กซี่มาถึงจุดเกิดเหตุหลังจากที่นายสมเกียรติถูกทำร้ายแล้ว หลังจากนี้ตำรวจจะต้องเรียกมาสอบปากคำอย่างละเอียดว่ามีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวอ้างจริงหรือไม่
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า คดีที่เกิดขึ้นต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย และดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ โดยยืนยันแม้ว่าในกลุ่มผู้ต้องหาจะมีลูกตำรวจรวมอยู่ด้วยก็ไม่มีผลต่อรูปคดีแต่อย่างใด