xs
xsm
sm
md
lg

ครอบครัว “น้องอัญชัน” ยันเดินหน้าร้องขอความเป็นธรรม แพทย์ผู้รักษาต้องรับผิดชอบ (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ตรัง - ผอ.รพ.ตรัง เข้าแสดงความเสียใจต่อครอบครัว “น้องอัญชัน” ด้านครอบครัวยืนยันแพทย์ผู้ให้การรักษาต้องรับผิดชอบ ขอเดินหน้าร้องความเป็นธรรมถึงที่สุด เพราะไม่อยากให้เกิดขึ้นกับครอบครัวรายอื่นๆ อีก
   

 
วันนี้ (17 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 151 ม.8 บ้านป่ายาง ต.หนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นางจิรวรรณ อารยะพงษ์ ผอ.โรงพยาบาลศูนย์ตรัง พร้อมด้วยแพทย์ และพยาบาลโรงพยาบาลศูนย์ตรัง ร่วมเคารพศพ และแสดงความเสียใจต่อญาติของ ด.ญ.อัญชิษฐา นิลอนันต์ หรือน้องอัญชัน เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่เสียชีวิตหลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์ตรัง เนื่องจากอาการปอดบวม และพบเชื้อ RSV ในปอด โดยญาติได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชนไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

นางจิรวรรณ อารยะพงษ์ ผอ.รพ.ศูนย์ตรัง กล่าวว่า จากข่าวที่นำเสนอออกไปอาจเกิดจากความเข้าใจที่ผิดพลาด ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นญาติติดใจว่าแพทย์ผู้ทำการรักษาได้ใช้วาจาที่ไม่สุภาพต่อญาติ ทำให้เกิดความไม่พอใจ ในส่วนนี้ก็ต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข แต่ในส่วนของขั้นตอนการรักษาที่ทางญาติมองว่าคณะแพทย์พยาบาลปล่อยปละละเลยจนทำให้เด็กเสียชีวิตนั้น ก็ได้ทำความเข้าใจต่อญาติแล้วว่า แพทย์ได้รักษาไปตามขั้นตอน โดยได้ชี้แจงไปตามลำดับ ซึ่งก็ทำให้ญาติเข้าใจในระดับหนึ่ง

ด้าน น.ส.วนิดา ยอดยิ่ง อายุ 29 ปี แม่ของน้องอัญชัน กล่าวว่า แม้ว่า ผอ.โรงพยาบาลจะมาขอโทษ และแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็จะเดินหน้าขอความเป็นธรรมให้แก่ลูกสาวของตนต่อไป ตนรู้สึกเสียความรู้สึกที่ตลอดระยะเวลาที่พาลูกมารักษาอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ตรัง แม้ว่าจะเห็นว่าลูกอาการหนัก แต่พยาบาล และหมอก็บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ยืนยันหนักแน่นว่ารักษาได้ ซึ่งถ้าบอกความจริงมาว่ารักษาไม่ไหวตนจะได้พาลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นแทน ไม่ใช่มาให้ความหวังแล้วพังความหวังกันลงอย่างนี้ หัวใจคนเป็นแม่แทบพังทลาย เมื่อเห็นลูกต้องทุกข์ทรมาน และทางพยาบาลก็กีดกันแม่ และญาติตลอดเวลา จนถึงนาทีสุดท้ายที่ลูกจะสิ้นลม แม่ก็ยังไม่ได้เข้าไปดูใจ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เสียใจที่สุด

นอกจากนั้น น.ส.วนิดา ยังกล่าวต่อว่า ไม่ว่าทางโรงพยาบาลจะให้เงินเยียวยาหรือไม่ก็ตาม แต่ในส่วนของการเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่ลูกสาว ตนยืนยันจะเดินหน้าเรียกร้องให้ลูกจนถึงที่สุด หลังจากเสร็จพิธีฌาปนกิจศพลูกก็จะร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และอำเภอ และอาจรวมถึงส่งเรื่องขอความเป็นธรรมไปยังนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งตนไม่ได้ขู่ทางโรงพยาบาลและเข้าใจผู้อำนวยการ เพราะท่านก็ไม่ได้เป็นคนทำผิด แต่จะเอาเรื่องแพทย์ที่รักษาน้องอัญชัน ไม่อยากให้แพทย์คนดังกล่าวมารักษาคนไข้รายอื่นอีก เพราะกลัวว่าจะทำให้เกิดการสูญเสียเกิดขึ้นเหมือนกับที่เกิดกับครอบครัวของตน

 
สำหรับกรณีนี้นั้นสืบเนื่องจาก น้องอัญชัน หรือ ด.ญ.อัญชิษฐา นิลอนันต์ เริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่วันศุกร์ที่ (6 พ.ย.) โดยมีอาการไข้ขึ้นสูง พอเช้าวันเสาร์ที่ (7 พ.ย.) จึงได้พาไปรักษาที่โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ โดยหมอได้ทำการเอกซเรย์อวัยวะส่วนต่างๆ ภายในไม่พบสิ่งผิดปกติ พบแต่เพียงว่า ต่อมทอนซิลอักเสบ จึงสั่งให้น้องกลับบ้าน แต่พอตกบ่ายวันเดียวกันน้องอัญชัน ยังมีไข้ขึ้นสูง และเริ่มหายใจเร็ว จึงได้นำตัวกลับไปที่โรงพยาบาลวัฒนแพทย์อีกครั้ง โดยแพทย์ให้นอนรักษาที่โรงพยาบาล

ระหว่างนั้นแพทย์ได้นำตัวไปตรวจเอกซเรย์ร่างกาย รวมทั้งเก็บตัวอย่างเสมหะ และเลือดไปตรวจ จึงพบว่า น้องมีอาการปอดบวม และพบเชื้อ RSV ในปอด รวมรักษาที่โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ทั้งหมด 4 คืน ต่อมา แพทย์โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ แจ้งว่า จะต้องส่งน้องไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลตรัง ซึ่งมีอุปกรณ์เครื่องมือที่พร้อมกว่า โดยเชื้อนี้จะต้องใช้วิธีการใส่ท่อช่วยหายใจ และดูดเสมหะ รวมทั้งต้องให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อไวรัสดังกล่าว พร้อมบอกแก่ญาติว่า ไม่ต้องกลัว เป็นโรคที่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการดังกล่าว และก่อนหน้านี้ได้ส่งเด็กที่มีอาการเดียวกันไปรักษามาแล้ว 2 ราย และหายเป็นปกติ

พอวันรุ่งขึ้นเป็นวันอังคารที่ (11 พ.ย.) โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ก็ได้ประสานโรงพยาบาลตรัง พร้อมนำตัวน้องอัญชัน ส่งไปรักษา ขณะส่งมอบตัว น้องอัญชัน เจ้าหน้าที่พยาบาลที่ไปส่งได้รายงานผลการตรวจรักษาเบื้องต้นให้แก่แพทย์เวรโรงพยาบาลตรังได้รับทราบว่า ตรวจน้องอัญชัน พบเชื้อโรคอะไร รวมทั้งแนวทางการรักษาให้ได้รับทราบ จากนั้นได้ส่งตัวน้องให้แก่แพทย์โรงพยาบาลตรัง แล้วกลับไป จากนั้นแพทย์ได้นำตัวน้องอัญชันเข้าห้องไอซียู เพื่อทำการรักษาต่อไป

น.ส.วนิดา มารดาของน้องอัญชัน กล่าวอีกว่า เมื่อมาถึงโรงพยาบาลตรัง หลังหมอคนแรกรับน้องอัญชันไว้รักษา ก็ออกเวรไป เพราะมีงานประชุมด่วนที่กรุงเทพฯ จึงส่งมอบเด็กให้แก่แพทย์อีกคนรับช่วงต่อ ทั้งนี้ ใน 2 วันแรก (11-12 พ.ย.) ที่โรงพยาบาลตรัง รับน้องอัญชันไปรักษา พบว่าแพทย์ไม่ได้ใส่ท่อช่วยหายใจให้น้อง ไม่ได้ดูดเสมหะ และไม่ได้ให้ยาฆ่าเชื้อสำหรับฆ่าเชื้อไวรัส RSV แต่ได้รับคำตอบว่าให้ยาฆ่าเชื้อทั่วไปเท่านั้น

ปรากฏว่า น้องอัญชัน เริ่มมีอาการทรุดหนักในวันที่ 2 (12 พ.ย.) ต่อเนื่องวันที่ 3 ( 13 พ.ย.) โดยตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาลตรัง ญาติได้ติดต่อกับตัวแทนประกันชีวิตที่ได้ทำประกันชีวิตให้น้องไว้ โดยทางตัวแทนบริษัทประกันก็มาติดตามอาการน้องที่โรงพยาบาลตรังตลอดเวลา พร้อมแจ้งแก่ญาติว่า บริษัทประกันชีวิตดังกล่าวพร้อมจะเคลื่อนย้ายน้องอัญชัน ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ แม้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มวันละ 1 แสนบาท ทางครอบครัวก็พร้อม

 
โดยแพทย์ของบริษัทประกันได้สอบถามอาการป่วยของน้องกับแพทย์ประจำไข้ที่ดูแล เพื่อประเมินสถานการณ์ ทั้งนี้ ทางแพทย์ประจำไข้ที่ดูแลอยู่ก็แสดงความไม่พอใจญาติ พร้อมพูดจาไม่ดี ตะคอกใส่แม่ และญาติ และประกาศว่าไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายเด็ก หากจะเคลื่อนย้ายเด็กอาจเสียชีวิตได้ เพราะขณะนี้เด็กอาการทรุดหนัก พร้อมให้ความมั่นใจแก่ญาติว่า ตนเองสามารถดูแลรักษาเด็กได้ ทางครอบครัวจึงเลือกที่จะยอมเชื่อใจคุณหมอคนดังกล่าว แต่ขณะนั้นแม่ และคนในครอบครัวก็รับรู้ได้ตลอดเวลาว่า น้องอัญชัน มีอาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ จากการที่พูดคุย รู้สึกตัว เรียกหาแม่ พ่อ ป้า และยายให้อยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา ร้องขอน้ำ และเชื่อฟังที่แม่บอก ยายบอก ให้ทำตามที่หมอบอก

แต่หลังจากเที่ยงวันที่ (13 พ.ย.) ปรากฏว่า น้องอัญชัน เริ่มมีอาการอ่อนแรง เพราะตลอดเวลามีอาการเหนื่อยหอบตลอดเวลา และอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ท้ายที่สุดในภาคบ่าย ญาติได้ขอร้องวิงวอนถามแพทย์ประจำตัวคนไข้อีกครั้ง ก็ได้รับคำตอบพูดจาเสียงดังใส่อารมณ์ตลอดเวลาว่า รักษาได้ แต่หลังจากนั้นไม่เกิน 1 ชั่วโมง หรือประมาณ 17.00 น. ปรากฏว่า น้องอัญชันช็อก แพทย์ต้องปั๊มหัวใจยื้อชีวิต แต่เมื่อญาติถามก็บอกว่าไม่มีอะไร จะเปลี่ยนเครื่องช่วยหายใจให้เร็วขึ้น แต่เด็กไม่ตอบสนอง จึงเปลี่ยนกลับมาใช้เครื่องช่วยหายใจตัวเดิม ทำให้ต้องปั๊มช่วยหัวใจ จนในที่สุดน้องก็มาเสียชีวิต และเมื่อแม่ รวมทั้งญาติถามว่าเด็กเป็นอะไร ได้รักษาตามวิธีการที่ถูกต้อง ให้ยาฆ่าเชื้อ RSV ตามที่แพทย์โรงพยาบาลวัฒนแพทย์แนะนำหรือไม่ กลับได้รับคำตอบว่า ไม่ได้รับผลเชื้อดังกล่าวจากโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ และยังไม่ทราบว่าเด็กมีเชื้อ RSV

อย่างไรก็ตาม ทางครอบครัวได้ตั้งคำถามไปถึงแพทย์เจ้าของไข้ โรงพยาบาลตรังว่า ก่อนหน้านั้น 2 วัน หลังรับตัวเด็กไปรักษาทำไมไม่รักษาตามคำแนะนำของโรงพยาบาลที่ส่งตัวมา รวมทั้งทำไมไม่นำเด็กไปตรวจเอกซเรย์ เก็บตัวอย่างเลือด รวมทั้งไม่นำเสมหะไปตรวจ เพื่อวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด ว่าเด็กได้รับเชื้อ RSV หรือไม่ เพื่อการรักษาที่แน่ชัด และต่อเนื่อง และทำไมไม่บอกความจริงต่อครอบครัว และทำไมไม่ยอมให้ครอบครัวเคลื่อนย้ายเด็กไปรักษาตามสิทธิการประกันที่ซื้อไว้ ทั้งๆ ที่ครอบครัว และบริษัทประกันก็ร้องขอตัวเด็กไปรักษาในโรงพยาบาลที่ดีกว่าตลอดเวลา

โดยทางบริษัทพร้อมจะเคลื่อนย้ายเด็กทางเครื่องบิน จึงอยากวอนขอความเป็นธรรมให้ครอบครัว ให้ลูกหลานของพวกตนด้วย และอยากให้ย้ายแพทย์คนดังกล่าวออกนอกพื้นที่เพื่อแสดงความรับผิดชอบ โดยทางครอบครัวจะฟ้องร้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และหลังจากเสร็จพิธีศพแล้ว จะเข้าร้องศูนย์ดำรงธรรม เพื่อขอความเป็นธรรม และเอาผิดไม่ให้ไปกระทำต่อครอบครัวอื่นต่อไป

ทั้งนี้ ตนและครอบครัวรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ น้องอัญชัน เป็นเด็กที่แข็งแรง น่ารัก ร่าเริง และทางครอบครัวดูแลอย่างดีมาโดยตลอด ทุกคนในครอบครัวมีประกันชีวิต ไม่เคยเข้ารักษาที่โรงพยาบาลของรัฐ รวมทั้งโรงพยาบาลตรังมาก่อน และไม่เคยคิดว่าน้องจะมาเสียชีวิตที่เกิดจากการทำงานที่ผิดพลาดของแพทย์

อย่างไรก็ตาม แม้ทางญาติจะทำการฌาปนกิจศพ ด.ญ.อัญชิษฐา นิลอนันต์ หรือน้องอัญชัน ที่วัดศรีรัตนาราม เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมาไปแล้ว แต่จะยังคงเดินหน้าขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ต่อไป


 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น