xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

อกอีแป้นแตก !!?? “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ข้าราชการดีเด่น– ได้รางวัลครุฑทองคำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เดือนเมษายน ของทุกปี เป็นเดือนที่มีวันหยุดราชการ และมีประวัติความเป็นมาหลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ที่คนไทยโดยทั่วทราบกันดีก็คือ เป็นช่วงหฤโหดของฤดูร้อน กลายเป็นที่มาของประเพณีสงกรานต์ นอกจากนั้นคือวันจักรี วันประกาศเลิกทาส วันออมสิน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับเหตุบ้านการเมืองก็คือการรัฐประหาร เมื่อปี 2476 และกบฏยังเติร์ก หรือปฏิบัติการ “เมษาฮาวาย” รวมทั้งวันที่ 1 เมษายน ของทุกปี กำหนดให้เป็นวันข้าราชการพลเรือน มีการประกาศเกียรติคุณเชิดชูข้าราชการดีเด่นต้นแบบในทุกๆ ปี หรือที่เราคุ้นเคยกันคือ การมอบรางวัล “ครุฑทองคำ” นั่นแหละ

มาระยะหลังสังคมไทยเปิดรับวัฒนธรรมต่างชาติมาก ยิ่งโลกไร้พรหมแดนเป็นยุคดิจิตอล คริ๊กเดียวกระจายไปทั่วโลก วันประหลาดๆ จึงเกิดขึ้นในบ้านเราจนจำแทบไม่หวาดไหว เช่น ในวันเดียวกันนี้ฝรั่งยังยกให้เป็นวันโกหก หรือ วันเมษาหน้าโง่

สื่อโซเชียลมีเดีย หรือสังคมออนไลน์ แชร์เรื่องโกหกกันทั้งวัน สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเทพประกาศ (โกหก) ว่าเปิดรับสมัครคนเลี้ยงแมวที่สามารถพูดภาษาแมวได้ แต่ที่น่าสนใจจนต้องนำมาเขียนถึงก็คือ ข้าราชการตำรวจคนดังระดับประเทศคนหนึ่ง มีรายชื่อเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่น อันดับ 1 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติชนิดที่คาดไม่ถึง จนอาจจะทำให้ผู้คนในแวดวงตำรวจ หรือกระทั่งสื่อสารมวลชนต่างๆ ที่เคยวิพากษ์วิจารณ์เขาอ้าปากค้างตามๆ กัน

ก่อน “เปิดตัว” นายตำรวจคนดัง ขออธิบายถึงคุณสมบัติของบุคคลที่เข้าข่ายได้รับการเชิดชูเกียรติก็คือ ข้าราชการพลเรือนทุกสังกัดยกเว้นทหาร และจะต้องมีคุณสมบัติหลายประการ เช่น ไม่เคยต้องคดี ไม่เคยมีความผิดทางวินัย หรือถูกตั้งกรรมกานสอบสวน จะต้องปฏิบัติงานเป็นแบบอย่างให้ข้าราชการอื่นนำไปปฏิบัติตาม เป็นที่ยอมรับและมีจรรยาบรรณข้าราชการปรากฏชัดเจน มีผลงานโดดเด่น ไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวนในคดีอาญา หรืออยู่ระหว่างการดำเนินคดีอาญาในศาล
        
     เป็นผู้มีความประพฤติ ปฏิบัติตนชอบด้วยคุณธรรม-ศีลธรรม -จริยธรรม-จรรยาบรรณ เป็นที่ยอมรับในส่วนราชการและสังคม เป็นผู้ได้รับการยอมรับยกย่องในสังคม ผู้ร่วมงานอย่างเปิดเผยทั้งต่อหน้าและลับหลัง

วันข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2558 ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผู้ได้รับการเสนอชื่อเพื่อเชิดชูเกียรติ จำนวน 43 นาย
            
อันดับแรกคือ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ท่องเที่ยว นายตำรวจคนดังที่ปรากฏเป็นข่าวคราวในแง่มุมต่างๆ หลายครั้งหลายหน

หากไม่มีสื่อใหญ่นำไปลงสดุดีเราอาจแยกไม่ออกว่าเป็นข่าวจริง หรือข่าวโกหก เพราะความบังเอิญของวันข้าราชการพลเรือนดีเด่น ดันไปประจวบเหมาะกับวันเมษาหน้าโง่พอดี

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล เจ้าของฉายา “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” คือใคร คงต้องย้อนกลับไปพอสังเขปว่า เขาคือนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 47 ( นรต.47) เติบโตมากับขั้วอำนาจมาโดยตลอด เริ่มจากเป็นเด็กในบ้านของ พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ บิดาคุณหญิงพจมาน  (ชินวัตร) ดามาพงศ์ บุคลิกพิเศษที่หาใครเทียบไม่ได้ คือ ความอ่อนน้อมถ่อมตนกับผู้มีอำนาจ มีวาจาไพเราะเสนาะโสต หากใครเข้าใก้ลหรือมีโอกาสใช้สอยแค่เพียงครั้งเดียวอาจถึงขั้นรัก-เอ็นดู ถึงขั้นหลงจึงเป็นที่มาของฉายา “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ”

อุปสรรคชีวิตราชการมีเพียงครั้งเดียว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผกก. 3 กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เนื่องจากถูกร้องเรียนว่าไปเรียกรับผลประโยชน์จากสถานบริการคาราโอเกะ แอบแฝงค้าประเวณีทางภาคอีสานในวงเงินหลายสิบล้านบาท

ถ้าพอจำกันได้ เรื่องร้องเรียนดังกล่าวกลายเป็นคดีความโดยมี นายเขตสยาม เนาวรังสี และผู้ประกอบการคาราโอเกะรายอื่นๆ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม จ.นครพนม เพื่อดำเนินคดีต่อ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กับสมัครพรรคพวกในเวลานั้น 
            
    ฝ่ายที่สอบสวนดำเนินการกับ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” มีพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีต ผบ.ตร. พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม และ พ.ต.อ.วิรุตน์ ศิริสวัสดิบุตร รองจเรตำรวจ ในขณะนั้นเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนปรากฏมีหลักฐานต่างๆ ประกอบการดำเนินคดีทั้งทางอาญา และทางวินัย เช่นเส้นทางการเงินกว่า 20 ล้านบาท ที่ปรากฏรายชื่อเจ้าของบัญชีคือ นายดาบตำรวจ 2 ราย ซึ่งมีข้อเท็จจริง ระบุในแนวทางสอบสวนว่า เป็นมือเก็บประจำหน่วย

แม้จะไม่มีชื่อ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้าไปเกี่ยวข้องในบัญชี แต่ในฐานะหัวหน้าหน่วย อีกทั้งคำชี้แจงที่ยังคลุมเครือ กล่าวคือ มีการอ้างว่าเงินทั้งหมดมาจากผู้มีพระคุณรายหนึ่งทางภาคอีสานโอนมาให้เพื่อนำไปออกดอกออกผล ด้วยการปล่อยเงินกู้ คณะกรรมการสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้ ป.ป.ช. พิจารณา
 
ส่วนการต่อสู้ทางคดีของ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล มีการแจ้งความกลับดำเนินคดีต่อนายเขตสยาม ฐานกลั่นแกล้ง แจ้งเท็จ เป็นคดีความสู้กันกระทั่งศาลแพ่ง จ.นครพนม ตัดสินให้ นายเขตสยาม จ่ายค่าละเมิดจำนวน 1 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามเรื่องราวความเป็นมาของคดีส่วยคาราโอเกะ จำนวนหลายสิบล้านบาท ที่เคยเป็นขวากหนาม ทำให้เส้นทางเจริญก้าวหน้าของ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ต้องสะดุดลงในห้วงเวลาสั้นๆ แต่พอหมดยุคของ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ก็ดูเหมือนว่าอะไรจะมาหยุดนายตำรวจคนดังไม่ได้อีกต่อไป

หลังการยึดอำนาจ 22 พ.ค. 57 และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ขึ้นเป็น ผบ.ตร.เพียงสัปดาห์เศษ วันที่ 9 ต.ค. ก็มีคำสั่งแต่งตั้ง พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบก.จว.สงขลา เป็นรักษาการ ผบก.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ทำหน้าที่ประสานงานนายกรัฐมนตรี สร้างความฮือฮาชนิดฟ้าถล่ม ดินทลายเนื่องจากเป็นการข้ามหัว นรต.45 - 46 รุ่นพี่ แบบไม่เห็นฝุ่น “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” เป็นนายพลตำรวจที่มีอายุน้อยที่สุด (42 ปี) ในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปลี่ยนโครงสร้างมาจากกรมตำรวจ

ปัจจุบันนอกจากจะเปลี่ยนตำแหน่งมาทำหน้าที่เป็น ผบก.ท่องเที่ยว อันเป็นหน่วยงานสำคัญหน่วยงานหนึ่งมีทั้งกำลังพลเครื่องไม้เครื่องมืออย่างครบถ้วนแล้ว ยังเป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าเขาคือนายตำรวจที่ใก้ลชิดสนิทสนม และเป็นที่ไว้วางใจกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อย่างที่สุดคนหนึ่ง จนพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ต้องออกคำสั่งให้ ผบช. และผบก. ทุกหน่วยรายงานเหตุสำคัญ “สายตรง”ต่อ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ทุกครั้งที่มีเรื่องเร่งด่วนเกิดขึ้น ทั้งนี้มีข้ออ้างว่า เพื่อให้ รองนายกฯ ทราบสถานการณ์ความเป็นไปด้วยความรวดเร็ว 

วันนี้บนเส้นทางแห่งอำนาจ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล จึงเปรียบเสมือน ผบ.ตร.น้อย ไม่ใช่ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” เช่นในอดีตอีกต่อไป ความไว้เนื้อเชื่อใจ สนับสนุนของผู้บังคับบัญชาถึงขั้นเคยมีโอกาสเข้าร่วมการประชุมคณะข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) สร้างความฮือฮามาแล้ว
 
หรือทุกย่างก้าวของการออกกฏระเบียบต่างๆ ใน สตช.ที่ระบือลือลั่นก็มักมีเสียงค่อนแคะตามหลังมาว่า เป็นการชักบันไดหนีเพื่อคนสำคัญเพียงคนเดียว ซึ่งคงไม่ใช่ใครที่ไหน !!??

แต่ไม่ว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์จะเป็นบวก หรือลบ อีกทางหนึ่งแสดงให้เห็นว่า นายตำรวจผู้นี้คือตัวจริงเสียงจริง ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองไว้วางใจ เป็นคลื่นลูกใหม่ที่จะก้าวมาแทนรุ่นพี่ ที่กำลังเดินเข้าสู่อำนาจขาลง

อย่างไรก็ตามบาดแผลจากคดีความส่วยคาราโอเกะแห่งภาคอีสาน ใช่ว่าจะจบสิ้นลงแล้วเพราะในส่วนของ ป.ป.ช. ที่คณะกรรมการสอบสวนได้ส่งเรื่องไปให้พิจารณานั้น ยังมีข้อมูลที่น่าติดตามด้วยความระทึกว่า ได้ชี้มูลความผิดตามความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนหรือไม่ 
           
     ข่าวทางหนึ่งระบุว่า มีการชี้มูลความผิดแล้ว และเรื่องได้ถูกส่งต่อมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากเป็นไปตามนี้จริง บรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในฐานะผู้นำหน่วยคงหลีกเลี่ยงไม่ได้หากมีผู้ต้องการคำตอบ

อีกทางหนึ่งนั้น หากเรื่องยังอยู่ในการพิจารณาของ ป.ป.ช. พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ซึ่งสังคมไทยทราบกันดีว่า ท่านมีที่มาที่ไปเช่นไร ก็คงจะมีคำตอบ หรือ “ทางออก” ที่ดีให้ทุกฝ่ายได้เชื่อมั่นว่า ในยุคปฏิรูป และเป็นยุคที่คนไทยจะต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน ทุกภาคส่วนไม่เว้นแต่ ป.ป.ช.จะต้องสร้างมาตรฐานความเชื่อถือให้เป็นที่ปรากฏ
        
    ไม่เว้นแม้แต่ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ที่มีนายพลคนดังผู้เป็นเจ้าของรางวัลครุฑทองคำ !!??

หากชี้แจงต่อสังคม (ซุบซิบ) ให้กระจ่างได้ เชื่อเหลือเกินว่า ในอีกไม่ช้าไม่นาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมี ผบ.ตร. เป็นนายตำรวจที่มีอายุน้อยที่สุด เป็นแชมป์ออฟเดอะแชมป์ เหนือกว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. นายตำรวจรุ่นพี่ที่เคยทำสถิติไว้



กำลังโหลดความคิดเห็น