ที่ประชุม ก.ตร. ชุด คสช. จัดประชุมนัดแรก นำร่องถอนมติโยกสลับเก้าอี้ “แจ๊ด-สุเทพ” ชี้หมดความจำเป็น “วัชรพล” เผยยังไม่ตัดสินใจเลือก ผบ.ตร. คนใหม่ แย้มสเปกต้องซื่อสัตย์ มีวิสัยทัศน์ ผลงานเด่น ชี้ 5 แคนดิเดตมีสิทธิ์เข้าวินทุกคน โบ้ย “สมยศ” เบียด “เอก” โค้งสุดท้ายแค่กระแส
คลิกเพื่อรับชมคลิป...
วันนี้ (16 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานกรรมการคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ทำหน้าที่เป็นประธาน ก.ตร. ครั้งที่ 7/2557 เป็นการประชุมครั้งแรกหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีประกาศปรับโครงสร้างของ ก.ตร. ใหม่ให้เหลือเพียง ก.ตร. ในตำแหน่ง และตัดผู้ทรงคุณวุฒิออกเหลือเพียง 2 คนเท่านั้น โดยการประชุมวันนี้มี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) และนายนนทิกร กาญจนจิตรา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ในฐานะ ก.ตร. โดยตำแหน่งร่วมประชุม โดยที่ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิยังไม่มีการแต่งตั้ง ใช้เวลาประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นครั้งแรกหลังจาก คสช. มีการออกประกาศให้เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบ ก.ตร. จึงมีการประชุมทำความเข้าใจ โดย พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล ได้ชี้แจงถึงประกาศ คสช. ว่า จะมีผลกระทบอย่างไรต่อการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจบ้าง โดยประเด็นสำคัญในวันนี้ หลังประกาศ คสช. ยกเลิก ก.ตร. ชุดเดิม ทำให้ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ พ้นจากตำแหน่ง รวมทั้งอนุ ก.ตร.ชุด 7 ชุด อาทิ อนุ ก.ตร. ร้องทุกข์ อนุ ก.ตร. วินัย อนุ ก.ตร. บริหารงานบุคคล ฯลฯ ซึ่งมีเหล่า ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิเดิมเป็นประธานอนุฯ ก็ต้องสิ้นสภาพไปด้วย วันนี้ ก.ตร. จึงหารือกันว่าจะมีการกำหนดองค์ประกอบและตั้งประธานอนุ ก.ตร. ใหม่ โดยให้รอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานอนุ ก.ตร. ชุดต่างๆ มีแต่ละอนุฯ มีกรรมการรวม 15 คน ซึ่งวันนี้ได้พูดคุยกันว่ารอง ผบ.ตร. และ จตช. มีความถนัดในอนุฯ ด้านใด จากนั้นจะมีการออกคำสั่งแต่งตั้งอนุฯ ชุดต่างๆ ต่อไป
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาวาระถอนมติการแต่งตั้งโยกย้าย ที่เคยมีมติไปก่อนหน้านี้ ที่ให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ย้ายเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ.5) และให้ พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.5 เป็น ผบช.น. ถึงอย่างไรปัจจุบันทั้ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ และ พล.ต.ท.สุเทพ ช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) จึงไม่มีความจำเป็นต้องพิจารณาโยกย้ายแล้ว นอกจากนี้ ยังมีมติเปลี่ยนแปลงการมีผลคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ท.นพ.จงเจน์ อาวเจนพงษ์ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.นพ.ณรงค์ศักดิ์ เสาวคนธ์ รองแพทย์ใหญ่ขึ้นเป็นแพทย์ใหญ่ จากเดิมให้มีผลในวันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตนมีคำสั่งให้ พล.ต.ท.นพ.จงเจตน์ รรท. ในตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.นพ.ณรงค์ศักดิ์ รรท. ในตำแหน่ง แพทย์ใหญ่แล้ว ก.ตร. วันนี้ จึงมีมติให้การการดำรงตำแหน่งมีผลนับแต่วันที่มีคำสั่งให้รักษาราชการในตำแหน่ง
รรท.ผบ.ตร. ยังกล่าวถึงการพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร. ว่า ประกาศ คสช. เพิ่งออกมาจึงยังไม่มีการคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้ ใน ก.ตร. วันนี้มีการอภิปรายกันว่าการแต่งตั้งระดับรอง ผบ.ตร. ลงไป ซึ่งเป็นอำนาจ ก.ตร. ควรทำตามกำหนดเวลาที่ กฎ ก.ตร. ว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตํารวจระดับสารวัตร ถึงจเรตํารวจแห่งชาติและรองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2549 ระบุไว้ เพื่อนำความให้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มีผลในวันที่ 1 ตุลาคม ดังนั้นควรแต่งตั้ง ผบ.ตร. ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม หรือต้นเดือนสิงหาคม
“เมื่อนักข่าวถามว่า ผบ.ตร. ในใจเป็นใคร จึงพูดเล่นไปว่าอยู่ในใจ ตอนนี้ยังไม่พิจารณา รอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติทั้ง 5 คนที่ยังไม่เกษียณอายุราชการมีสิทธิ์ทุกคน ต้องเป็น 1 ใน 5 คนนี้แน่นอน มองว่า ผบ.ตร. คนต่อไปจะต้องมีคุณสมบัติเด่นอย่างไรต้องถามประชาชนว่าคาดหวังอย่างไร ในฐานะประชาชนอยากเห็นผู้นำสำนักงานตำรวจแห่งชาติซื่อสัตย์สุจริต มีวิสัยทัศน์ผู้นำ ต้องมองไปข้างหน้า อย่างเรื่องการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน สามารถนำตำรวจเตรียมความพร้อมตรงนี้ได้ คนจะเป็นผู้นำตำรวจคนต่อไปต้องมีความพร้อมในหลายมิติ ต้องมีวิสัยทัศน์ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ที่พี่น้องประชาชนยอมรับ” พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าว พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. เป็นแคนดิเดตที่มาแรง รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า อย่างที่บอกเป็นกระแสข่าว ตอนนี้ยังอภิปรายว่าใครเหมาะสมอย่างไรไม่ได้ ตอนนี้รอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจทั้ง 5 คนมีคุณสมบัติครบ ต้องใช้ระยะเวลาที่เหลืออยู่พิจารณาตามองค์ประกอบกฎหมาย โดยต้องเอาเรื่องอาวุโสเข้ามามีบทบาท เรื่องความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ผลงาน ต้องเอามาประกอบ ทุกเงื่อนไข ขณะที่ถามว่าเมื่อพูดถึงหลักอาวุโส ทำให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ที่อาวุโสอันดับ 1 ถูกจับตามองว่าอาจถูกเลือกเป็น ผบ.ตร. คนต่อไป พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ความอาวุโสเป็นองค์ประกอบหนึ่ง บวกกับความรู้ความสามารถ
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่กำหนดกติกาที่จะใช้พิจารณาเลือก ผบ.ตร. เพราะประกาศ คสช. ที่ให้ ผบ.ตร. เลือก ผบ.ตร. เพิ่มออกมา กำลังหารือกันอยู่ว่าในการพิจารณาเลือกจะต้องมีกติกาอย่างไร โดยต้องตอบคำถามสังคมได้ด้วยว่าเหตุใดจึงมีกติกาเช่นนั้น หากจะมีการแสดงวิสัยทัศน์ก็ควรต้องแสดงต่อคนจำนวนมาก จึงจะมีประโยชน์ แต่หากแสดงวิสัยทัศน์ต่อตนพียงคนเดียวเพื่อให้ตัดสินใจอาจไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง ซึ่งหลักการที่จะให้แสดงวิสัยทัศน์เพื่อคัดเลือกเป็นหลักการที่ดี แต่ขึ้นอยู่กับว่าแสดงต่อใคร อย่างไรก็ตาม รอง ผบ.ตร. แต่ละคนมีประสบการณ์ผ่านงานมาทุกด้านอย่างน้อย 35 ปี เหมาะสมทุกคน ทั้งนี้ ตนไม่หนักใจที่ต้องเป็นคนเลือก ผบ.ตร. เพราะเป็นหน้าที่ หากตัดสินใจอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบ