รักษาการ ผบ.ตร. ลงนามคำสั่งโยกย้ายนายตำรวจระดับ ผบช. 8 นายไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สตช. "จักรทิพย์" โยกนั่งแม่ทัพนครบาลแทน “คำรณวิทย์” ที่ยืนยันว่าไม่ลาออก “เรวัช” เฮคุมสันติบาลแทน “สฤษฎ์ชัย” มือขวา “อดุลย์” ที่ประชุมบิ๊ก ตร. เดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างจัดแถวใหม่ ตั้งเป้า 4 เดือน ชำแหละ โครงสร้างตำรวจ เล็งตั้งเป็นกระทรวงแยก 17 กรม ผบ.ตร.เป็นปลัดฯ
วานนี้ (25 พ.ค.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงนามในคำสั่ง 2 ฉบับ ได้แก่ คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 256/2557 ให้นายตำรวจ 8 นาย ประกอบด้วย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1, พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2, พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4, พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5, พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7, พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบ.ตร.มอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยให้ไปรายงานตัวช่วงเช้าวานนี้ (25 พ.ค.) เวลา 09.00 น.
ในคำสั่งให้เหตุผลว่า เพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสนับสนุนภารกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพจึงให้ข้าราชการตำรวจ 8 นาย ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวอย่างอารมณ์ดีภายหลังรายงานตัวต่อ พล.ต.อ.วัชรพล ว่ายืนยันไม่ลาออก และระบุกระแสข่าวที่ว่าตนจะเชิญสื่อแถลงข่าวในช่วงเช้านั้น ไม่ใช่เรื่องจริง ส่วนกระแสข่าวที่ว่าจะลาออกจากราชการ ก็ไม่เป็นความจริงอีกเช่นกัน โดยไม่ทราบว่าเป็นการปล่อยข่าวจากที่ไหน
ทั้งนี้ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ได้มีคลิปของอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นภาพจากงานเลี้ยงสังสรรค์ของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งพล.ต.อ.คำรณวิทย์ ระบุว่า การที่ตนไม่จับกุมพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเพราะตนเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในประเทศไทย ไม่ใช่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลของ ดูไบ จึงทำให้ไม่มีอำนาจจับกุมได้ ส่วนวลี “มีวันนี้...เพราะพี่ให้”นั้นนำมาจากเพลง“พี่มีแต่ให้”ซึ่งเป็นเพลงที่ชอบ และร้องได้เพลงเดียว จึงหยิบคำคำนั้นมาเป็นวลีประจำตัว จากนั้นพล.ต.อ.คำรณวิทย์ จึงได้กล่าวอีกว่า ถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เป็นรัฐบาล ตนก็จะลาออกจากตำแหน่งทันที โดยไม่ให้มีใครมาสั่งย้ายใดๆ ทั้งสิ้น
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.วัชรพล ยังได้ลงนามคำสั่งที่ 257/2557 ให้ข้าราชการตำรวจรักษาการแทน ประกอบด้วย พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผชบ.น. พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบช.ภ. 5, พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญปัญญา ผู้บัญชาการสำนักงบประมาณและการเงิน รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบช.ภ.4, พล.ต.ท.สมบูรณ์ ฮวบบางยาง จเรตำรวจ (สบ 8) รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบช.ภ. 7, พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี จเรตำรวจ (สบ 8) รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบช.สอบสวนกลาง รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบช.ภ. 1, พล.ต.ต.ศานิตย์ มหถาวร รองผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบช.ภ. 2 และ พล.ต.ต.เรวัช กลิ่นเกษร รองจเรตำรวจ (สบ 7) รักษาราชการแทนในตำแหน่งผบช.ส. โดยให้ขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม ยกเว้น พล.ต.ท.จักรทิพย์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (หน.คสช.) มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร และรอง คสช. ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และ ให้ พล.ต.อ.วัชรพล รรท.ผบ.ตร. ว่าทาง คสช.ยังไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ ตำรวจมีหน้าที่สนับสนุนทหารในการดูแลความสงบเรียบร้อย ทำหน้าที่ตำรวจตามที่ พล.ต.อ.อดุลย์กำชับสั่งการไว้ ทุกอย่างเดินไปตามปกติ ตำรวจมีหน้าที่ดูแลประชาชนในพื้นที่ ให้ความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามได้คุยกับ พล.ต.อ.อดุลย์แล้ว ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็สนับสนุนในงานฝ่ายกิจการพิเศษ คสช.ที่ พล.ต.อ.อดุลย์ รองหัวหน้า คสช.กำกับอยู่
ในบ่ายวันเดียวกัน ที่ห้องประชุม 2อาคาร 1สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ในที่ประชุมตนได้เน้นย้ำเรื่องความสามัคคี เพราะขณะนี้ประเทศไทยต้องการความสามัคคี จึงได้กำชับให้ทุกคนมุ่งมั่นที่จะทำงานช่วยกันแก้ปัญหา ตนเชื่อว่าหากทำได้สังคมก็จะเกิดความเชื่อถือต่อตำรวจ หลังจากนี้จะเดินหน้าการปฏิรูปตำรวจ ตามที่สังคมคาดหวังที่จะเห็นระบบตำรวจมีการเปลี่ยนแปลง อยากให้มีการกระจายอำนาจ ซึ่งหากต้องการกระจายอำนาจก็ต้องเข้ามาหารือกันว่า จะนำเรื่องใดเสนอให้แก่รัฐบาล และผู้มีอำนาจในปัจจุบันได้ทราบเพื่อให้ตำรวจ ก้าวไปสู่ความเป็นมืออาชีพได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าคณะรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) ได้ไฟเขียวให้คิดว่าจะปฏิรูปตำรวจอย่างไร พล.ต.อ. วัชรพล กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ตนคิดอยู่แล้ว แต่ต้องดูว่าในช่วงที่ผ่านมาว่าเราเห็นสิ่งที่ทางมวลชนต้องการ อยากเห็นการกระจายอำนาจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมีโอกาสแล้ว สังคมก็คาดหวัง และเราก็ต้องคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ต้องคิดถึงในเรื่องที่จะทำให้เรามีคุณภาพ และประสิทธิภาพที่สุด ทั้งนี้ในช่วง 4 เดือนที่เหลือจะทำให้เกิดเป็นรูปธรรมในหลาย ๆ เรื่อง อย่างเช่นในการประชุมครั้งนี้ มีความเห็นที่ตรงกันว่า จะมีการแบ่งชั้นสถานีตำรวจ ซึ่งจะทำให้ทิศทางเจริญเติบโตเป็นระบบมากขึ้น มีการประเมินผลงานในรอบ 6 เดือน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราจะทำให้เกิดเป็นรูปธรรม เพื่อให้ทุกคนเชื่อมั่นในระบบคุณธรรม เพราะถ้าเกิดตำรวจความเชื่อมั่นในคุณธรรม เชื่อว่า เป้าหมายที่จะทำให้ประชาชนยอมรับก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไป ซึ่งเราก็ต้องช่วยกัน
เมื่อถามว่า การปฏิรูปตำรวจจะมีการเมืองเข้ามาอยู่ในการบริหารเหมือนเมื่อก่อนหรือไม่นั้น พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราก็ต้องคิด ซึ่งข้อเรียกร้องก็คือ ต้องการให้ปลอดการเมือง โดยที่จริงแล้วการเมืองกับตำรวจมีเป้าหมายเรื่องเดียวกันคือ สังคมปลอดภัย ประชาชนมีความสงบสุข และมีรายได้พอเพียง ซึ่งจะทำให้ปัญหาสังคมลดน้อยลง แต่อยู่ที่ว่า เราจะทำกติกาอย่างไรให้ประชาชนมั่นใจ หากกติกา และเส้นทางชัดเจน มีระบบคุณธรรม ตนเชื่อว่า การเมืองก็ไม่สามารถจะมาสั่งซ้ายหันหรือขวาหันได้ โดยเราก็ต้องมีการเปิดตัวของเราเอง และผู้บัญชาการระดับสูงก็ต้องยอมสละอำนาจ สละดุลพินิจ เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชามั่นใจ เมื่อทำเรื่องดังกล่าวได้ทุกอย่างก็จะสำเร็จ
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวต่อว่า ตนขอเน้นย้ำแนวนโยบายสานต่อพล.ต.อ.อดุลย์ ทุกอย่าง ต้องให้ขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะตำรวจก็รักศักดิ์ศรี ทำงานด้วยความทุ่มเท และเสียสละ ส่วนการเปลี่ยนแปลงต้องมีบ้าง เพื่อบริหารจัดการขึ้นอยู่กับสถานภาพ และช่วงจังหวะ แต่ขณะนี้เราต้องการความมั่นคง ความสามัคคี จึงทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนกันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของชีวิตข้าราชการ ทั้งนี้ยืนยันว่า จะไม่มีการกลั่นแกล้งใคร ซึ่งขณะนี้เป็นโอกาสพิเศษที่มีเงื่อนไขพิเศษ ที่สามารถแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ ได้มากขึ้น จากที่เราต้องนำเสนอผู้มีอำนาจ ถ้าเราสามารถปรับเปลี่ยนอะไรแล้ว จะทำให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะทำให้เราโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
เมื่อถามว่า อาจจะมีการแก้พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 หรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า แน่นอน ต้องมีการแก้ไข การมีคณะกรรมการ ถึง 2 คณะ(ก.ตร และ ก.ต.ช.)นั้น อาจจะไม่มีความจำเป็น เพราะที่จริงแล้ว มีเพียงคณะกรรมเดียวก็ได้ แต่กลไกทางกฎหมายเป็นเรื่องที่ยาก ก็ต้องค่อย ๆ ทำไป อย่างเช่นเรื่องที่ข้าราชการมียศ และไม่มียศ ให้ฝ่ายอำนวยการไม่มียศ และเป็นการสร้างทัศนคติว่าทุกคนมีส่วนในการดูแลประชาชน และความสงบเรียบร้อยในสังคม การผลักดันพ.ร.บ.ไกล่เกลี่ยชั้นพนักงานสอบสวน พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ร.บ.รักษาความปลอดภัยเอกชน เป็นต้น ซี่งสิ่งเหล่านี้ก็ต้องเกิดขึ้น
ขณะที่มีรายงานว่า ในที่ประชุม พล.ต.อ.วัชรพล ได้ พูดถึงการปฏิรูปตำรวจ ที่ต้องทำให้แล้วเสร็จในช่วง 4 เดือนนี้ โดยมีแนวคิดจะให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปลี่ยนเป็นกระทรวง มี 17 กรมในสังกัด ผบ.ตร.เป็นปลัดกระทรวง ชื่อเรียก กระทรวงการรักษาความปลอดภัยภายใน มีรัฐมนตรีดูแล โดยมีการเตรียมโครงสร้างนี้ไว้แล้ว บางส่วนทำไว้ตั้งแต่สมัยพล.ต.อ.อดุลย์ โดยครั้งนี้จะใช้จังหวะที่ประเทศปกครองบริหารโดย คสช.ผลักดันให้สำเร็จ
สำหรับรายละเอียดการแบ่งงานมี ดังนี้ งานบริหาร 1 พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. พล.ต.ท.นเรศ เทียนกริม ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.สุพร พันธุ์เสือ ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยยง กีรติขจร ผู้ช่วยผบ.ตร. กำกับดูแล สำนักงานส่งกำลังบำรุง(สกบ.) สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สทส.) และกองวินัย
งานบริหาร 2 พล.ต.อ.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ ที่ปรึกษา(สบ10) พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.อุดม ชัยมงคลรัตน์ พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยยง กำกับดูแล สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ(สยศ.ตร.) สำนักงานกำลังพล สำนักงบประมาณและการเงิน(สงป.) รพ.ตำรวจ(รพ.ตร.) ยกเว้นสถาบันนิติเวชวิทยา(นต.) สำนักงานเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองการต่างประเทศ กองสารนิเทศ กองบินตำรวจ และโรงพิมพ์ตำรวจ
งานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง รองผบ.ตร. พล.ต.อ.ชนินทร์ ปรีชาหาญ ที่ปรึกษา(สบ10) พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูจร ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.อุดม พล.ต.ท.อำนาจ พล.ต.ท.ชัยยง พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ และพล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วยผบ.ตร. กำกับดูแล กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ยกเว้นกองบังคับการตำรวจจราจร(บก.จร.) กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน(อคฝ.) กองบัญชาการภาค 1 - 9 ยกเว้นศูนย์ฝึกอบรมภาค 1-8 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ยกเว้นกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว(บก.ทท.) และสยศ.ตร.เฉพาะ ผอ.
งานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา(สบ10) พล.ต.ท.วินัย กำกับดูแล กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
งานมั่นคง1พล.ต.อ.สมยศ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.อำนาจ กำกับดูแล กองบัญชาการตำรวจสันติบาล กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ยกเว้นกองบังคับการฝึกพิเศษ(กฝ.) และสยศ.ตร. ยกเว้นกลุ่มงานกิจการพิเศษ
งานมั่นคง 2 พล.ต.อ.รชต พล.ต.ท.สุพร และพล.ต.ท.อารีย์ อ่อนชิตย์ ผู้ช่วยผบ.ตร. กำกับดูแล สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจเฉพาะกลุ่มงานกอจการพิเศษ งานถวายความปลอดภัย และโครงการพระราชดำริ
งานมั่นคง 3 พล.ต.อ.วุฒิ พล.ต.อ.อุดม รักศิลธรรม ที่ปรึกษา (สบ10) พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ และพล.ต.ท.สันติ กำกับดูแล สำนักงานตำรวจคนเข้าเมือง บช.น. เฉพาะบก.จร.บช.ก. เฉพาะ บก.ทล. บก.ทท. และตท.ยกเว้นการลา
งานศึกษาอบรม พล.ต.อ.อุดม พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ พล.ต.ท.อารีย์ และพล.ต.ท.มล.พันธุ์ศักดิ์ กำกับดูแลโรงเรียนนายร้อยตำรวจ กองบัญชาการศึกษา ภ.1-8 เฉพาะศฝร.ภ.1-8 และตชด.เฉพาะ กฝ.
งานกฎหมาย 1 พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.มล.พันธ์ศักดิ์ กำกับดูแล สำนักงานส่งเสริมการสอบสวน (สบส.) และศูนย์พิทักษ์เด็ก เยาวชนและสตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (พดส.ตร.)
งานกฎหมาย 2 พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา (สบ10) พล.ต.อ.จรัมพร พล.ต.ท.อุดม พล.ต.ท.ก่อเกียรติ กำกับดูแล สำนักงานกฎหมายและคดี ยกเว้น สบส.) สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ(สพฐ.ตร.) และสถาบันนิติเวชวิทยา
ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานำตรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. พล.ต.อ.พีระ พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ พล.ต.ท.นเรศ พล.ต.ท.อำนาจ และพล.ต.ท.วินัย
งานจเรตำรวจ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน จตช. พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันกุล รองจตช. กำกับดูแล สำนักงานจเรตำรวจ
ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) พล.ต.อ.พีระ และพล.ต.ท.อำนาจ กำกับดูแลศชต.และศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) สำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ (นรป.) พล.ต.อ.ไตรรัตน์ อมาตยกุล หน.นรป.(สบ10) และพล.ต.ท.เจษฎา อินทรสถิตย์ รองหน.นรป.(สบ 9).
วานนี้ (25 พ.ค.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงนามในคำสั่ง 2 ฉบับ ได้แก่ คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 256/2557 ให้นายตำรวจ 8 นาย ประกอบด้วย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1, พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2, พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4, พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5, พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7, พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบ.ตร.มอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยให้ไปรายงานตัวช่วงเช้าวานนี้ (25 พ.ค.) เวลา 09.00 น.
ในคำสั่งให้เหตุผลว่า เพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสนับสนุนภารกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพจึงให้ข้าราชการตำรวจ 8 นาย ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวอย่างอารมณ์ดีภายหลังรายงานตัวต่อ พล.ต.อ.วัชรพล ว่ายืนยันไม่ลาออก และระบุกระแสข่าวที่ว่าตนจะเชิญสื่อแถลงข่าวในช่วงเช้านั้น ไม่ใช่เรื่องจริง ส่วนกระแสข่าวที่ว่าจะลาออกจากราชการ ก็ไม่เป็นความจริงอีกเช่นกัน โดยไม่ทราบว่าเป็นการปล่อยข่าวจากที่ไหน
ทั้งนี้ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ได้มีคลิปของอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นภาพจากงานเลี้ยงสังสรรค์ของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งพล.ต.อ.คำรณวิทย์ ระบุว่า การที่ตนไม่จับกุมพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเพราะตนเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในประเทศไทย ไม่ใช่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลของ ดูไบ จึงทำให้ไม่มีอำนาจจับกุมได้ ส่วนวลี “มีวันนี้...เพราะพี่ให้”นั้นนำมาจากเพลง“พี่มีแต่ให้”ซึ่งเป็นเพลงที่ชอบ และร้องได้เพลงเดียว จึงหยิบคำคำนั้นมาเป็นวลีประจำตัว จากนั้นพล.ต.อ.คำรณวิทย์ จึงได้กล่าวอีกว่า ถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เป็นรัฐบาล ตนก็จะลาออกจากตำแหน่งทันที โดยไม่ให้มีใครมาสั่งย้ายใดๆ ทั้งสิ้น
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.วัชรพล ยังได้ลงนามคำสั่งที่ 257/2557 ให้ข้าราชการตำรวจรักษาการแทน ประกอบด้วย พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผชบ.น. พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบช.ภ. 5, พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญปัญญา ผู้บัญชาการสำนักงบประมาณและการเงิน รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบช.ภ.4, พล.ต.ท.สมบูรณ์ ฮวบบางยาง จเรตำรวจ (สบ 8) รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบช.ภ. 7, พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี จเรตำรวจ (สบ 8) รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบช.สอบสวนกลาง รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบช.ภ. 1, พล.ต.ต.ศานิตย์ มหถาวร รองผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบช.ภ. 2 และ พล.ต.ต.เรวัช กลิ่นเกษร รองจเรตำรวจ (สบ 7) รักษาราชการแทนในตำแหน่งผบช.ส. โดยให้ขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม ยกเว้น พล.ต.ท.จักรทิพย์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (หน.คสช.) มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร และรอง คสช. ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และ ให้ พล.ต.อ.วัชรพล รรท.ผบ.ตร. ว่าทาง คสช.ยังไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ ตำรวจมีหน้าที่สนับสนุนทหารในการดูแลความสงบเรียบร้อย ทำหน้าที่ตำรวจตามที่ พล.ต.อ.อดุลย์กำชับสั่งการไว้ ทุกอย่างเดินไปตามปกติ ตำรวจมีหน้าที่ดูแลประชาชนในพื้นที่ ให้ความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามได้คุยกับ พล.ต.อ.อดุลย์แล้ว ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็สนับสนุนในงานฝ่ายกิจการพิเศษ คสช.ที่ พล.ต.อ.อดุลย์ รองหัวหน้า คสช.กำกับอยู่
ในบ่ายวันเดียวกัน ที่ห้องประชุม 2อาคาร 1สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ในที่ประชุมตนได้เน้นย้ำเรื่องความสามัคคี เพราะขณะนี้ประเทศไทยต้องการความสามัคคี จึงได้กำชับให้ทุกคนมุ่งมั่นที่จะทำงานช่วยกันแก้ปัญหา ตนเชื่อว่าหากทำได้สังคมก็จะเกิดความเชื่อถือต่อตำรวจ หลังจากนี้จะเดินหน้าการปฏิรูปตำรวจ ตามที่สังคมคาดหวังที่จะเห็นระบบตำรวจมีการเปลี่ยนแปลง อยากให้มีการกระจายอำนาจ ซึ่งหากต้องการกระจายอำนาจก็ต้องเข้ามาหารือกันว่า จะนำเรื่องใดเสนอให้แก่รัฐบาล และผู้มีอำนาจในปัจจุบันได้ทราบเพื่อให้ตำรวจ ก้าวไปสู่ความเป็นมืออาชีพได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าคณะรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) ได้ไฟเขียวให้คิดว่าจะปฏิรูปตำรวจอย่างไร พล.ต.อ. วัชรพล กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ตนคิดอยู่แล้ว แต่ต้องดูว่าในช่วงที่ผ่านมาว่าเราเห็นสิ่งที่ทางมวลชนต้องการ อยากเห็นการกระจายอำนาจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมีโอกาสแล้ว สังคมก็คาดหวัง และเราก็ต้องคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ต้องคิดถึงในเรื่องที่จะทำให้เรามีคุณภาพ และประสิทธิภาพที่สุด ทั้งนี้ในช่วง 4 เดือนที่เหลือจะทำให้เกิดเป็นรูปธรรมในหลาย ๆ เรื่อง อย่างเช่นในการประชุมครั้งนี้ มีความเห็นที่ตรงกันว่า จะมีการแบ่งชั้นสถานีตำรวจ ซึ่งจะทำให้ทิศทางเจริญเติบโตเป็นระบบมากขึ้น มีการประเมินผลงานในรอบ 6 เดือน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราจะทำให้เกิดเป็นรูปธรรม เพื่อให้ทุกคนเชื่อมั่นในระบบคุณธรรม เพราะถ้าเกิดตำรวจความเชื่อมั่นในคุณธรรม เชื่อว่า เป้าหมายที่จะทำให้ประชาชนยอมรับก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไป ซึ่งเราก็ต้องช่วยกัน
เมื่อถามว่า การปฏิรูปตำรวจจะมีการเมืองเข้ามาอยู่ในการบริหารเหมือนเมื่อก่อนหรือไม่นั้น พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราก็ต้องคิด ซึ่งข้อเรียกร้องก็คือ ต้องการให้ปลอดการเมือง โดยที่จริงแล้วการเมืองกับตำรวจมีเป้าหมายเรื่องเดียวกันคือ สังคมปลอดภัย ประชาชนมีความสงบสุข และมีรายได้พอเพียง ซึ่งจะทำให้ปัญหาสังคมลดน้อยลง แต่อยู่ที่ว่า เราจะทำกติกาอย่างไรให้ประชาชนมั่นใจ หากกติกา และเส้นทางชัดเจน มีระบบคุณธรรม ตนเชื่อว่า การเมืองก็ไม่สามารถจะมาสั่งซ้ายหันหรือขวาหันได้ โดยเราก็ต้องมีการเปิดตัวของเราเอง และผู้บัญชาการระดับสูงก็ต้องยอมสละอำนาจ สละดุลพินิจ เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชามั่นใจ เมื่อทำเรื่องดังกล่าวได้ทุกอย่างก็จะสำเร็จ
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวต่อว่า ตนขอเน้นย้ำแนวนโยบายสานต่อพล.ต.อ.อดุลย์ ทุกอย่าง ต้องให้ขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะตำรวจก็รักศักดิ์ศรี ทำงานด้วยความทุ่มเท และเสียสละ ส่วนการเปลี่ยนแปลงต้องมีบ้าง เพื่อบริหารจัดการขึ้นอยู่กับสถานภาพ และช่วงจังหวะ แต่ขณะนี้เราต้องการความมั่นคง ความสามัคคี จึงทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนกันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของชีวิตข้าราชการ ทั้งนี้ยืนยันว่า จะไม่มีการกลั่นแกล้งใคร ซึ่งขณะนี้เป็นโอกาสพิเศษที่มีเงื่อนไขพิเศษ ที่สามารถแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ ได้มากขึ้น จากที่เราต้องนำเสนอผู้มีอำนาจ ถ้าเราสามารถปรับเปลี่ยนอะไรแล้ว จะทำให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะทำให้เราโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
เมื่อถามว่า อาจจะมีการแก้พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 หรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า แน่นอน ต้องมีการแก้ไข การมีคณะกรรมการ ถึง 2 คณะ(ก.ตร และ ก.ต.ช.)นั้น อาจจะไม่มีความจำเป็น เพราะที่จริงแล้ว มีเพียงคณะกรรมเดียวก็ได้ แต่กลไกทางกฎหมายเป็นเรื่องที่ยาก ก็ต้องค่อย ๆ ทำไป อย่างเช่นเรื่องที่ข้าราชการมียศ และไม่มียศ ให้ฝ่ายอำนวยการไม่มียศ และเป็นการสร้างทัศนคติว่าทุกคนมีส่วนในการดูแลประชาชน และความสงบเรียบร้อยในสังคม การผลักดันพ.ร.บ.ไกล่เกลี่ยชั้นพนักงานสอบสวน พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ร.บ.รักษาความปลอดภัยเอกชน เป็นต้น ซี่งสิ่งเหล่านี้ก็ต้องเกิดขึ้น
ขณะที่มีรายงานว่า ในที่ประชุม พล.ต.อ.วัชรพล ได้ พูดถึงการปฏิรูปตำรวจ ที่ต้องทำให้แล้วเสร็จในช่วง 4 เดือนนี้ โดยมีแนวคิดจะให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปลี่ยนเป็นกระทรวง มี 17 กรมในสังกัด ผบ.ตร.เป็นปลัดกระทรวง ชื่อเรียก กระทรวงการรักษาความปลอดภัยภายใน มีรัฐมนตรีดูแล โดยมีการเตรียมโครงสร้างนี้ไว้แล้ว บางส่วนทำไว้ตั้งแต่สมัยพล.ต.อ.อดุลย์ โดยครั้งนี้จะใช้จังหวะที่ประเทศปกครองบริหารโดย คสช.ผลักดันให้สำเร็จ
สำหรับรายละเอียดการแบ่งงานมี ดังนี้ งานบริหาร 1 พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. พล.ต.ท.นเรศ เทียนกริม ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.สุพร พันธุ์เสือ ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยยง กีรติขจร ผู้ช่วยผบ.ตร. กำกับดูแล สำนักงานส่งกำลังบำรุง(สกบ.) สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สทส.) และกองวินัย
งานบริหาร 2 พล.ต.อ.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ ที่ปรึกษา(สบ10) พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.อุดม ชัยมงคลรัตน์ พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยยง กำกับดูแล สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ(สยศ.ตร.) สำนักงานกำลังพล สำนักงบประมาณและการเงิน(สงป.) รพ.ตำรวจ(รพ.ตร.) ยกเว้นสถาบันนิติเวชวิทยา(นต.) สำนักงานเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองการต่างประเทศ กองสารนิเทศ กองบินตำรวจ และโรงพิมพ์ตำรวจ
งานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง รองผบ.ตร. พล.ต.อ.ชนินทร์ ปรีชาหาญ ที่ปรึกษา(สบ10) พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูจร ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.อุดม พล.ต.ท.อำนาจ พล.ต.ท.ชัยยง พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ และพล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วยผบ.ตร. กำกับดูแล กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ยกเว้นกองบังคับการตำรวจจราจร(บก.จร.) กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน(อคฝ.) กองบัญชาการภาค 1 - 9 ยกเว้นศูนย์ฝึกอบรมภาค 1-8 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ยกเว้นกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว(บก.ทท.) และสยศ.ตร.เฉพาะ ผอ.
งานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา(สบ10) พล.ต.ท.วินัย กำกับดูแล กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
งานมั่นคง1พล.ต.อ.สมยศ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.อำนาจ กำกับดูแล กองบัญชาการตำรวจสันติบาล กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ยกเว้นกองบังคับการฝึกพิเศษ(กฝ.) และสยศ.ตร. ยกเว้นกลุ่มงานกิจการพิเศษ
งานมั่นคง 2 พล.ต.อ.รชต พล.ต.ท.สุพร และพล.ต.ท.อารีย์ อ่อนชิตย์ ผู้ช่วยผบ.ตร. กำกับดูแล สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจเฉพาะกลุ่มงานกอจการพิเศษ งานถวายความปลอดภัย และโครงการพระราชดำริ
งานมั่นคง 3 พล.ต.อ.วุฒิ พล.ต.อ.อุดม รักศิลธรรม ที่ปรึกษา (สบ10) พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ และพล.ต.ท.สันติ กำกับดูแล สำนักงานตำรวจคนเข้าเมือง บช.น. เฉพาะบก.จร.บช.ก. เฉพาะ บก.ทล. บก.ทท. และตท.ยกเว้นการลา
งานศึกษาอบรม พล.ต.อ.อุดม พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ พล.ต.ท.อารีย์ และพล.ต.ท.มล.พันธุ์ศักดิ์ กำกับดูแลโรงเรียนนายร้อยตำรวจ กองบัญชาการศึกษา ภ.1-8 เฉพาะศฝร.ภ.1-8 และตชด.เฉพาะ กฝ.
งานกฎหมาย 1 พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.มล.พันธ์ศักดิ์ กำกับดูแล สำนักงานส่งเสริมการสอบสวน (สบส.) และศูนย์พิทักษ์เด็ก เยาวชนและสตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (พดส.ตร.)
งานกฎหมาย 2 พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา (สบ10) พล.ต.อ.จรัมพร พล.ต.ท.อุดม พล.ต.ท.ก่อเกียรติ กำกับดูแล สำนักงานกฎหมายและคดี ยกเว้น สบส.) สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ(สพฐ.ตร.) และสถาบันนิติเวชวิทยา
ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานำตรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. พล.ต.อ.พีระ พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ พล.ต.ท.นเรศ พล.ต.ท.อำนาจ และพล.ต.ท.วินัย
งานจเรตำรวจ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน จตช. พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันกุล รองจตช. กำกับดูแล สำนักงานจเรตำรวจ
ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) พล.ต.อ.พีระ และพล.ต.ท.อำนาจ กำกับดูแลศชต.และศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) สำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ (นรป.) พล.ต.อ.ไตรรัตน์ อมาตยกุล หน.นรป.(สบ10) และพล.ต.ท.เจษฎา อินทรสถิตย์ รองหน.นรป.(สบ 9).