นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต.ในฐานะรักษาการเลขาธิการกกต. กล่าวถึงกรณีสำนักงานกกต. มีปัญหาเรื่องงบประมาณว่า ที่ผ่านมา กกต.ได้นำเงินสะสมที่เหลือจากการเลือกตั้งไปใช้ในภารกิจต่างๆ ทั้งการปรับเงินเดือนพนักงาน การก่อสร้างอาคารสำนักงาน และการจัดทำโครงการต่างๆ โดยกกต.ไม่เคยได้รับการจัดสรรงบเหล่านี้จากสำนักงบประมาณเลย ทำให้งบสะสมของกกต. ร่อยหรอ ซึ่งในปีงบประมาณ 2560 ถ้า กกต.ไม่ได้รับการจัดสรรงบในจำนวนที่เพียงพอ ก็จะเกิดผลกระทบกับการทำงานของสำนักงานกกต. รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าตอบแทนต่างๆ ของพนักงานด้วย เพราะในส่วนค่าตอบแทนของพนักงาน เช่น เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สำนักงบฯ ก็ไม่เคยจัดสรรให้กับกกต.
เมื่อถามว่า สำนักงบฯไม่จัดสรรให้เพราะมองว่า ระเบียบการเบิกจ่ายที่กกต.ออกมานั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย นายบุณยเกียรติ กล่าวยืนยันว่า ระเบียบการจ่ายเงินดังกล่าว กกต.ทำอย่างถูกต้อง เพราะกฎหมายให้อำนาจ กกต. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระสามารถออกระเบียบเองได้อยู่แล้ว อีกทั้งองค์กรอื่น ก็มีการออกระเบียบให้เงินค่าตอบแทนกับพนักงาน เช่นเดียวกัน ซึ่งในส่วนของสำนักงานกกต. ผู้บริหารเห็นว่า พนักงานทุกคนถ้าเกีษยณอายุราชการไปแล้ว จะไม่ได้รับสวัสดิการอะไรเลย นอกจากเงินบำเหน็จเพียงก้อนเดียว แม้แต่ค่ารักษาพยาบาล ก็เบิกไมได้ จึงจำเป็นที่จะต้องให้พนักงาน กกต. มีความมั่นคงในส่วนนี้ จึงได้มีการสมทบให้กับพนักงานในรูปของเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งหน่วยงานอื่นเขาก็มี แต่อาจจะเรียกชื่อเป็นอย่างอื่น และเขากำหนดไว้ในตัวระเบียบที่เขาสามารถขอรับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณได้โดยตรง แต่ในส่วนของ กกต. สำนักงบฯจะจัดสรรงบให้มาเป็นแบบเป็นก้อน โดยบอกว่าส่วนนี้เป็นค่าเงินเดือน ค่าบริหารองค์กร ซึ่งโดยหลักแล้วก็จะมีหนึ่งถึงสองส่วนเท่านั้น แต่ในส่วนงบลงทุน หรืองบก่อสร้างสำนักงาน กกต.จว. ต่างๆ ประมาณ 1,000 ล้าน ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 49 แล้ว กกต.ก็ไม่เคยได้รับการจัดสรรเลย
"เรามีเงินสำรองจ่ายในปีงบประมาณ2559 เหลืออยู่ประมาณ 72 ล้าน ฉะนั้นถ้าหากว่าจำเป็นต้องใช้เงินสำรองนี้ไปในส่วนใดส่วนหนึ่งอีกที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ก็เท่ากับว่าเงินสำรองเราก็จะน้อยลงไปอีก และถ้าไม่ได้รับการจัดสรร มาในปีงบประมาณ 2560 ให้เพียงพอกับการเป็นค่าเงินเดือน หรือค่าตอบแทนพนักงานอีก ก็จะทำให้มีปัญหาไม่เฉพาะกับแค่นี้ด้วยซ้ำไป แต่ในส่วนแผนงานโครงการอื่นๆ ที่เราเตรียมไว้ ก็จะมีผลกระทบไปด้วย ซึ่งตอนนี้ทางสำนักงาน ก็กำลังเร่งทำแผนคำของบประมาณปี 2560 อยู่ เพื่อเสนอต่อที่ประชุม กกต.พิจารณา เพราะรัฐบาลกำหนดให้ กกต.ต้องเสนอไปยังครม. ภายในวันที่ 4 มี.ค. แต่ตัวเลขที่ขอยังไม่ชัดเจน ซึ่งน่าจะไม่ต่างจากที่ขอทุกปี คือประมาณ 5,000 ล้าน และก็ไม่รู้ว่าสำนักงบจะจัดสรรให้เหมือนทุกปีหรือเปล่าคือประมาณไม่เกิน 2 พันล้าน เพราะขณะนี้ กกต.เกิดงบประมาณไม่เพียงพอขึ้นแล้ว"
นายุบณยเกียรติ กล่าวว่า แม้เรื่องนี้ จะกระทบต่อขวัญกำลังใจของพนักงาน แต่คงไม่ถึงขนาดมีผลต่อการปฏิบัติงานในการออกเสียงประชามติ เพราะในปีงบประมาณ 59 ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่มีการตัดลดอะไร แต่ในปีงบประมาณ 2560 หาก กกต.ได้รับงบฯมาไม่เพียงพอ ก็ต้องมาพิจารณาดูว่าแผนงานโครงการบางส่วน อาจจะเลื่อน หรือชะลอออกไปก่อน แต่ในส่วนของเงินเดือน หรือค่าตอบแทนต่างๆของพนักงาน จะเป็นลำดับสุดท้ายที่จะพิจารณา หากมีความจำเป็นที่ต้องปรับลด
เมื่อถามว่า สำนักงบฯไม่จัดสรรให้เพราะมองว่า ระเบียบการเบิกจ่ายที่กกต.ออกมานั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย นายบุณยเกียรติ กล่าวยืนยันว่า ระเบียบการจ่ายเงินดังกล่าว กกต.ทำอย่างถูกต้อง เพราะกฎหมายให้อำนาจ กกต. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระสามารถออกระเบียบเองได้อยู่แล้ว อีกทั้งองค์กรอื่น ก็มีการออกระเบียบให้เงินค่าตอบแทนกับพนักงาน เช่นเดียวกัน ซึ่งในส่วนของสำนักงานกกต. ผู้บริหารเห็นว่า พนักงานทุกคนถ้าเกีษยณอายุราชการไปแล้ว จะไม่ได้รับสวัสดิการอะไรเลย นอกจากเงินบำเหน็จเพียงก้อนเดียว แม้แต่ค่ารักษาพยาบาล ก็เบิกไมได้ จึงจำเป็นที่จะต้องให้พนักงาน กกต. มีความมั่นคงในส่วนนี้ จึงได้มีการสมทบให้กับพนักงานในรูปของเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งหน่วยงานอื่นเขาก็มี แต่อาจจะเรียกชื่อเป็นอย่างอื่น และเขากำหนดไว้ในตัวระเบียบที่เขาสามารถขอรับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณได้โดยตรง แต่ในส่วนของ กกต. สำนักงบฯจะจัดสรรงบให้มาเป็นแบบเป็นก้อน โดยบอกว่าส่วนนี้เป็นค่าเงินเดือน ค่าบริหารองค์กร ซึ่งโดยหลักแล้วก็จะมีหนึ่งถึงสองส่วนเท่านั้น แต่ในส่วนงบลงทุน หรืองบก่อสร้างสำนักงาน กกต.จว. ต่างๆ ประมาณ 1,000 ล้าน ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 49 แล้ว กกต.ก็ไม่เคยได้รับการจัดสรรเลย
"เรามีเงินสำรองจ่ายในปีงบประมาณ2559 เหลืออยู่ประมาณ 72 ล้าน ฉะนั้นถ้าหากว่าจำเป็นต้องใช้เงินสำรองนี้ไปในส่วนใดส่วนหนึ่งอีกที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ก็เท่ากับว่าเงินสำรองเราก็จะน้อยลงไปอีก และถ้าไม่ได้รับการจัดสรร มาในปีงบประมาณ 2560 ให้เพียงพอกับการเป็นค่าเงินเดือน หรือค่าตอบแทนพนักงานอีก ก็จะทำให้มีปัญหาไม่เฉพาะกับแค่นี้ด้วยซ้ำไป แต่ในส่วนแผนงานโครงการอื่นๆ ที่เราเตรียมไว้ ก็จะมีผลกระทบไปด้วย ซึ่งตอนนี้ทางสำนักงาน ก็กำลังเร่งทำแผนคำของบประมาณปี 2560 อยู่ เพื่อเสนอต่อที่ประชุม กกต.พิจารณา เพราะรัฐบาลกำหนดให้ กกต.ต้องเสนอไปยังครม. ภายในวันที่ 4 มี.ค. แต่ตัวเลขที่ขอยังไม่ชัดเจน ซึ่งน่าจะไม่ต่างจากที่ขอทุกปี คือประมาณ 5,000 ล้าน และก็ไม่รู้ว่าสำนักงบจะจัดสรรให้เหมือนทุกปีหรือเปล่าคือประมาณไม่เกิน 2 พันล้าน เพราะขณะนี้ กกต.เกิดงบประมาณไม่เพียงพอขึ้นแล้ว"
นายุบณยเกียรติ กล่าวว่า แม้เรื่องนี้ จะกระทบต่อขวัญกำลังใจของพนักงาน แต่คงไม่ถึงขนาดมีผลต่อการปฏิบัติงานในการออกเสียงประชามติ เพราะในปีงบประมาณ 59 ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่มีการตัดลดอะไร แต่ในปีงบประมาณ 2560 หาก กกต.ได้รับงบฯมาไม่เพียงพอ ก็ต้องมาพิจารณาดูว่าแผนงานโครงการบางส่วน อาจจะเลื่อน หรือชะลอออกไปก่อน แต่ในส่วนของเงินเดือน หรือค่าตอบแทนต่างๆของพนักงาน จะเป็นลำดับสุดท้ายที่จะพิจารณา หากมีความจำเป็นที่ต้องปรับลด