“บัญชีกลาง” ยอมรับ “รบ.” กำลังศึกษาปรับโครงสร้างเงินเดือน “ขรก.” ระบุ ต้องดูอย่างรอบด้านเพื่อให้สอดคล้องต่อภาวะเศรษฐกิจ และให้บุคลากรของรัฐได้รับฐานเงินเดือนที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เนื่องจากปัจจุบันยังมีความเหลื่อมล้ำกันอยู่ ขณะเดียวกัน ระบบราชการก็ยังมีปัญหาสมองไหล คนเก่งหนีออกไปทำงานให้แก่องค์กรอื่น คาดจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า หลังจากตัวแทนสมาพันธ์เครือข่ายสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมไทย รวม 32 องค์กร และเครือข่ายสมาชิกจากชมรมนักวิชาการสาธารณสุข (ประเทศไทย) (ชวส.), ชมรมเจ้าพนักงานอาวุโส (ประเทศไทย) (ชอส.), ชมรมเจ้าพนักงานสาธารณสุข, ชมรมทันตาภิบาล 77 จังหวัด และหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ได้ยื่นหนังสือถึง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เสนอปรับโครงสร้างเงินเดือนราชการ จากนั้นจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาปรับโครงสร้างเงินเดือน และค่าตอบแทนใหม่ พร้อมมอบให้เลขาธิการสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นเลขานุการคณะกรรมการ
โดยการปรับเงินเดือนราชการในปัจจุบันมีทั้งการปรับเพิ่มตามผลงานของแต่ละคนภายในหน่วยงานแต่ละปี ประมาณร้อยละ 5-6 และอีกส่วนหนึ่ง คือ การปรับโครงสร้างทั้งระบบ โดยจะปรับขึ้น 3-4 ปีต่อครั้ง ในขณะนี้คณะกรรมการกำลังพิจารณาปรับโครงสร้างเงินเดือนฯ จึงต้องศึกษาข้อมูลในหลายด้านเพื่อให้สอดคล้องต่อภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากระบบราชการยังปัญหาสมองไหล คนเก่งหนีออกไปทำงานให้แก่องค์กรอื่น เพราะหากเงินเดือนไม่พอใช้คงไม่มีใครอยากมาทำงานกับส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องศึกษาการโครงสร้างเงินเดือนร่วมกันในหลายด้านให้รอบคอบ
นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า หลังจาก ครม.มอบหมายให้ทำการศึกษาปรับโครงสร้างเงินเดือน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องร่วมกันศึกษาเพื่อให้บุคลากรของรัฐได้รับฐานเงินเดือนที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เนื่องจากปัจจุบันยังมีความเหลื่อมล้ำกันอยู่ระหว่างส่วนราชการกับองค์การมหาชน
ขณะที่องค์การมหาชน ระดับผู้บริหารได้รับเงินเดือนสูงสุด 1.5-3.0 แสนบาทต่อเดือน แต่ส่วนราชการได้รับแค่ 76,000 บาท บางครั้งผู้บริหารส่วนราชการไปดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดองค์การมหาชนยังได้รับเงินเดือนน้อยกว่าผู้อำนวยการองค์การมหาชน แม้จะมีความรับผิดชอบสูงกว่า
ดังนั้น คณะทำงานจะศึกษาให้รอบคอบเพื่อสร้างมาตรฐานเดียวกันทั้งระบบราชการ ตั้งแต่ข้าราชการระดับล่างไปจนถึงระบบบริหาร ส่วนกระทบต่องบประมาณต่อปีจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงขึ้นอยู่กับผลการศึกษา และการตัดสินใจของรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้