ปัญญาพลวัตร
โดย พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและทั่วถึงในปัจจุบัน เรื่องราวเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะแก่ฐานะของนักบวชมีปรากฏให้ได้เห็นอย่างต่อเนื่อง เกิดขึ้นจนดูเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา
เมื่อได้ข่าวนักบวชแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ผมได้ยินเพื่อนบางคนพูดว่าเป็นเรื่องธรรมดาเพราะพระก็เฉกเช่นเดียวกับฆราวาสมีอารมณ์ไม่ต่างจากปุถุชนมากนัก ย่อมมีความต้องการและมีความรู้สึกเหมือนคนทั่วไป เขากล่าวว่าอย่าไปคาดหวังอะไรให้มากนักว่าพระทุกรูปจะดำเนินบทบาทนำทางศีลธรรมและจริยธรรมให้แก่สังคมได้
ในท่ามกลางพระนับแสนรูปเราย่อมไม่อาจคาดหวังได้อยู่แล้วว่า พระทุกรูปจะมีพฤติกรรมเยี่ยงผู้ทรงศีลที่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยและเดินไปในมรรคาที่พระพุทธเจ้ากำหนดไว้ทั้งหมด แต่ละรูปมีวัตรปฏิบัติแตกต่างออกไปตามอุปนิสัยดั้งเดิม ตามการตีความคำสอน และตามเป้าหมายของการบวช
หากพิจารณาเรื่องเป้าหมายของการบวชของคนในสังคมไทยมีความหลากหลายมาก บางคนบวชเพื่อเข้าไปเอาบุญมาให้พ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ในครอบครัว การบวชแบบนี้เป็นประเพณีของสังคมไทยที่ดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน การดำรงอยู่ในฐานะพระใช้ระยะเวลาไม่ยาวนานนัก อาจวันเดียว เจ็ดวัน หรือสิบห้าวันก็ได้ พระที่บวชในลักษณะนี้ไม่มีอิทธิพลอะไรทางสังคมมากนัก ส่วนใหญ่ไม่ทันได้แสดงพฤติกรรมอะไรออกมาให้เด่นชัด ก็มักสึกเสียก่อน การบวชแบบนี้อาจทำให้ผู้บวชได้มีโอกาสสวดมนต์พอได้บ้าง แต่คงยากที่จะศึกษาแก่นธรรมให้ลึกซึ้งได้
การบวชแบบที่สองเป็นการบวชเพื่อแสวงหาช่องทางเลื่อนฐานะทางสังคม ผู้มีฐานะยากจนจำนวนไม่น้อยอาศัยการบวชเป็นช่องทางในการศึกษาหาความรู้ เพราะเมื่อบวชแล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องสถานที่ศึกษา (วัดมีโรงเรียนและมหาวิทยาลัยสงฆ์) ที่อยู่และที่กิน (อยู่ที่วัด กินที่วัด) ทั้งยังมีช่องทางในการหารายได้จากการรับสวดในพิธีกรรมต่างๆ ดังนั้นบางคนก็บวชตั้งแต่เป็นเณร และมีโอกาสเรียนจนถึงระดับปริญญาโท แต่เมื่อจบการศึกษาแล้วก็มีแนวโน้มลาสิกขาเสียเป็นส่วนใหญ่
การบวชเพื่อเลื่อนฐานะทางสังคมมีแง่มุมที่ชวนคิดหลายอย่าง หากมองในแง่หนึ่งเราก็อาจตีความได้ว่าวัดและมหาวิทยาลัยสงฆ์เป็นสถาบันทางสังคมที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างหนึ่ง เพราะว่ามีส่วนทำให้คนจนมีโอกาสได้รับการศึกษาทั้งทางธรรมและทางโลก ซึ่งเท่ากับเป็นการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ ดังนั้นแม้ว่าเมื่อจบการศึกษาแล้วผู้บวชจะลาสิกขาก็ยังสามารถทำประโยชน์แก่สังคมได้
แต่ในบางแง่มุมก็ทำให้มองได้ว่า การจัดการศึกษาของรัฐแก่ผู้ที่ยากจนยังไม่ทั่วถึงและไม่เพียงพอ ไม่สามารถผนึกรวมผู้ยากจนทั้งหมดให้เข้ามาใช้ช่องทางการศึกษาที่เป็นทางการได้ ด้วยคนจนบางส่วนยังมีปัญหาเรื่องการกินอยู่ระหว่างการศึกษา บางส่วนก็ต้องหารายได้มาช่วยเหลือครอบครัว ซึ่งเรื่องเหล่านี้ระบบการศึกษาและระบบสวัสดิการของรัฐไทยยังไม่อาจตอบสนองได้ แม้ว่าจะเป็นรัฐยุคใหม่แล้วก็ตาม
เมื่อผู้บวชมีเป้าหมายเพื่อเลื่อนฐานะทางสังคม การให้ความสำคัญต่อมรรคาธรรม และการแสวงหาสัจธรรมเพื่อการหลุดพ้นก็ย่อมหย่อนยานลงไป การอุทิศเวลาและความพยายามย่อมอยู่ที่การทำให้ตนเองจบการศึกษาและการแสวงหาอาชีพที่ก่อให้เกิดรายได้หลังจากสำเร็จการศึกษา สำหรับผู้บวชที่มีเป้าหมายเช่นนี้ สังคมไม่อาจคาดหวังได้มากนักว่าพวกเขาจะแสดงบทบาทในฐานะนักปฏิบัติธรรมและชี้นำศีลธรรม หากทำได้เพียงไม่ยึดติดในลัทธิบริโภคนิยมหรือไม่สร้างปัญหาแก่สังคมก็นับว่าดีโขแล้ว
การบวชอีกแบบหนึ่งคือ การบวชเพื่อหาที่พักพิงหรือหลบหลีกปัญหา เมื่อคนประสบปัญหาชีวิตทั้งในเรื่องการงาน ส่วนตัว และครอบครัว วิธีคิดอย่างหนึ่งของคนไทยคือหาที่พักใจโดยการบวชหรือหลบหลีกปัญหาร้อนๆเข้าไปศึกษาพระธรรม การบวชแบบนี้อาจใช้เวลานานกว่าบวชตามประเพณี แต่โดยทั่วไปผู้บวชแบบหลบปัญหาไม่มีบทบาทหรืออิทธิพลใดๆต่อสังคมมากนัก
ยังมีผู้มีอายุสูงวัยจำนวนหนึ่ง ซึ่งอาจไร้ญาติขาดมิตรหรือฐานะยากจน ตัดสินใจบวชโดยมีเป้าหมายเพื่ออาศัยฐานะของพระและวัดเป็นที่อยู่และที่กินในยามชรา ในแง่นี้วัดจึงเป็นเสมือนสถานที่เลี้ยงดูผู้สูงวัย (แสดงว่าซึ่งรัฐไม่อาจจัดระบบสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุให้อย่างเพียงพอ) ผู้บวชประเภทนี้อาจบวชนาน เรียกว่าอยู่ในฐานะพระจนมรณภาพไป บางรูปอาจอยู่อย่างเงียบๆไปวันๆ ขณะที่บางรูปก็อาจแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมให้ปรากฏแก่ผู้คนออกมาได้ ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยดั้งเดิมก่อนบวช แต่สังคมยากที่จะคาดหวังให้ผู้บวชที่มีเป้าหมายแบบนี้มีบทบาทชี้นำทางศีลธรรมได้
การบวชอีกประเภทหนึ่งที่เห็นปรากฏอยู่เนืองๆคือการบวชเพื่อแสวงหาความมั่งคั่งและอำนาจ คนเหล่านี้อาจมีเป้าหมายของการบวชแบบนี้ตั้งแต่เริ่มต้น หรืออาจปรับเปลี่ยนจากเป้าหมายเดิมดังที่กล่าวมาข้างต้นก็ได้ เช่น เปลี่ยนจากบวชเพื่อเลื่อนฐานะเป็นแสวงหาความมั่งคั่งและอำนาจผู้บวชประเภทนี้จะบวชนาน มีจำนวนไม่น้อยบวชตั้งแต่เป็นสามเณร เมื่อบวชนานก็เห็นช่องทางการประกอบธุรกิจความเชื่อเพื่อสร้างความมั่งคั่งแก่ตนเองและเครือญาติหลากหลายรูปแบบ นักบวชบางคนก็ทำตัวเป็นผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ทางไสยศาสตร์ ดูดวง แก้ดวง สร้างวัตถุความเชื่อ ทำรายได้ สร้างความมั่งคั่งแก่ตนเองและเครือข่ายพวกพ้องอย่างมหาศาล
ในปัจจุบันธุรกิจแบบนี้กลายเป็นสินค้าส่งออกอย่างหนึ่งของประเทศไทย ประเทศที่นำเข้าสินค้าเหล่านี้คือประเทศจีนและกลุ่มอาเซียน ยิ่งกว่านั้นสินค้าความเชื่อยังเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเชื้อสายจีนให้เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยอีกจำนวนไม่น้อย
กล่าวได้ว่าธุรกิจไสยศาสตร์ของบรรดานักบวชและกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องจำนวนไม่น้อยประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เพราะว่าทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมากมีความเชื่อเรื่องเหล่านี้อยู่ภายในจิตใจ
นอกจากประกอบธุรกิจไสยศาสตร์แล้ว นักบวชบางคนทำธุรกิจขายนรก ขายสวรรค์ ขายสมาธิ และขายนิพพาน ซึ่งทำรายได้อย่างมหาศาลจนสามารถสร้างวัดได้ใหญ่โตมหึมาและแผ่อิทธิพลครอบงำวงการสงฆ์ได้เป็นส่วนใหญ่ ยิ่งกว่านั้นยังแผ่อิทธิพลไปยังวงการราชการและการเมืองอีกด้วย จนกลายเป็นชนวนสร้างความขัดแย้วงทางศาสนาขึ้นในสังคมไทย
นอกจากแสวงหาความมั่งคั่งแล้ว นักบวชเหล่านี้ยังแสวงหาตำแหน่งและอำนาจโดยการเข้าไปยึดครององค์การสงฆ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับศาสนา สังคมจึงได้ยินเรื่องราวอื้อฉาวเกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่งในวงการสงฆ์ไม่แพ้องค์การตำรวจมานานแล้ว แต่ได้ยินมากเป็นพิเศษในช่วงที่ระบอบทุนสามานย์ครองอำนาจทางการเมือง
บรรดานักบวชที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่งคั่งต่างก็ไขว่คว้าครอบครองวัตถุที่สะท้อนถึงความมั่งคั่งทางโลก แข่งขันกันสร้างวัดอย่างใหญ่โต มีเครื่องประดับหรูหรายิ่งกว่ามหาเศรษฐีทางโลก สะสมรถยนต์หรูราคาแพง และรถยนต์โบราณเป็นจำนวนมาก และยังอวดยศถาบรรดาศักดิ์ เป็นเจ้าคุณนั่น เจ้าคุณนี่ อยู่เป็นประจำ เมื่อได้เลื่อนสมนะศักดิ์ก็ปิดวัดเลี้ยงฉลองอย่างสิ้นเปลืองยิ่งกว่าบรรดาข้าราชการและนักการเมืองที่ได้เลื่อนตำแหน่งเสียอีก
นักบวชแบบนี้ในสังคมไทยมีมากเกินไปและมีอิทธิพลต่อความคิดและวิธีปฏิบัติของคนไทยจำนวนมาก และเป็นกลุ่มที่บั่นทอนและสร้างความเสื่อมแก่วงการสงฆ์ไทยอย่างรุนแรง ความเสื่อมยิ่งเพิ่มมากเป็นทวีคูณหากคนในกลุ่มนักบวชประเภทนี้ได้ดำรงตำแหน่งประมุขของสงฆ์ไทย
ที่พอจะเป็นความหวังของสงฆ์ไทยและวงการศาสนาพุทธโดยรวมคือ ประเทศไทยยังมีนักบวชที่มีเป้าหมายเพื่อแสวงหาสัจธรรมและเผยแพร่แก่นธรรมอยู่ไม่น้อย นักบวชกลุ่มนี้ถือได้ว่าเป็นพระสงฆ์และเป็นพุทธบุตรอย่างแท้จริง เป็นกลุ่มที่มุ่งมั่นศึกษาทั้งปริยัติและปฏิบัติทางธรรมอย่างเข้มข้น เพื่อเข้าถึงสัจธรรม และนำมาเผยแพร่แก่ผู้คนทั้งหลาย บางรูปนอกจากเผยแพร่ธรรมะแล้วก็ยังอุทิศปัญญาและเวลาในการพัฒนาสังคมโดยผสานธรรมกับการพัฒนาเข้าด้วยกันในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั้งด้านจิตใจและทางกายภาพ
อริยะสงฆ์ทั้งหลายไม่สะสมวัตถุ ไม่แสวงหาตำแหน่ง ไม่แสวงหาอำนาจ สิ่งที่ท่านเหล่านี้ยึดถือเป็นเป้าหมายคือการหลุดพ้นทางโลก และการเกื้อหนุนช่วยเหลือสัตว์โลกทั้งหลายให้เข้าสู่มรรคาธรรมด้วยความเมตตา
การที่กฎหมายของรัฐไทยกำหนดให้การแต่งตั้งประมุขสงฆ์โดยพิจารณาจากสมณะศักดิ์และเป็นไปตามมติของเถรสมาคม ทำให้เกิดความเสี่ยงของการได้นักบวชที่มีกิเลสหนาขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประมุขสงฆ์ได้ ยิ่งในปัจจุบันผู้คนจำนวนมากเห็นว่า สมณะศักดิ์ไม่ใช่สิ่งบ่งบอกถึงระดับความเป็นอริยะสงฆ์ อีกทั้งเถรสมาคมก็ส่อแววว่าอาจถูกครอบงำโดยนักบวชธุรกิจบางกลุ่ม
ดังนั้น หากบังเอิญได้ประมุขสงฆ์ที่สังคมสงสัยในพฤติกรรม ก็อาจทำให้วงการสงฆ์ไทยและศาสนาพุทธมีแนวโน้มประสบวิกฤติศรัทธามากยิ่งขึ้น