xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ต้อง “ใช้ธรรม” มิใช่ “ใช้อธรรม” (ตอนสอง)

เผยแพร่:   โดย: ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

หนังสือ “ใช้ธรรมะกับการเมือง” นั้น มี “โมทนพจน์” ของ “พระธรรมโกศาจารย์” (ปัญญา นันทภิกขุ) เขียนไว้เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2544 ระบุว่า

“ท่านเจ้าคุณพุทธทาสเกิดมาในโลก ได้ศึกษาค้นคว้าหลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา ให้คนได้อ่าน ได้ทำความเข้าใจเป็นจำนวนมากมาย เรียกว่า ‘ชุดธรรมโฆษณ์’ ...ที่เล่มใหญ่ๆ ...พอเห็นเล่มใหญ่ก็เหนื่อยเสียแล้ว ไม่อยากจะอ่าน จึงได้คิดย่อให้เป็นเล่มน้อยๆ เช่น ‘ตุลาการิกธรรม’ คุณปุ่น จงประเสริฐ ย่อมาเป็น ‘คู่มือมนุษย์’ แล้วก็มีคนทำกันหลายคนด้วยกัน

“ท่านปัญญา นันทภิกขุ” ระบุว่า คุณอโณทัย อาตมา และคณะ ร่วมมือร่วมแรงกันอ่านหนังสือเล่มใหญ่ แล้วย่อมาเป็นเล่มเล็ก...เป็นการกระทำที่ช่วยให้ธรรมะเข้าถึงคน ให้คนเข้าถึงธรรมะ...

ที่ต้องเขียนถึง “คณะผู้เรียบเรียง” ไว้ ณ ที่นี้ เพราะ “คณะผู้เรียบเรียง” เข้าใจในธรรม และยกรูปธรรมทางการเมืองมาอ้างอิง จนธรรมของ “ท่านพุทธทาส” เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น

หนังสือ “ใช้ธรรมะกับการเมือง” พิมพ์ในเดือนมิถุนายน 2546 แต่ผมเพิ่งได้อ่านในเดือนมกราคม 2559 ผ่านเวลาไปเกือบ 13 ปีโน่น! แต่ “ได้อ่านช้า-ดีกว่า-ไม่ได้อ่านเลย” ส่วน “บิ๊กตู่” จะได้อ่านหรือไม่...บ่ฮู้...?

อย่างไรก็ตาม...ขอแนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้ด้วยตนเอง เพราะเนื้อที่บทความนี้น้อย จึงเสนอความลุ่มลึกแห่งธรรมได้ไม่ครบทุกแง่มุมแน่นอน

งานนี้...ต้องขอบพระคุณ “คณะผู้เรียบเรียง” ไว้ ณ ที่นี้ทุกท่าน แต่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ “ท่านปัญญา นันทภิกขุ” ได้สิ้นไปเสียแล้ว...!

อย่างที่บอก...หนังสือเล่มนี้พิมพ์เผยแพร่ช่วง “ทักษิณ ชินวัตร” กำลังเป็น “ขวัญใจประชาชน” เพราะ “คนไทยยังโง่อยู่” หรือ “ทักษิณ” ยังปกปิดตัวตนในด้านร้ายๆ ได้อยู่

“ทักษิณ” ชอบอ้างธรรมของ “ท่านพุทธทาส” แต่กลับกระทำตรงข้ามกับคำสอนเสมอ ดังนายกฯ “ทักษิณ” คิดและพูด เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2542 ว่า

“ต้องขอเลียนคำพูดที่ท่านพุทธทาส ได้ใช้หลายครั้งในหลายๆ เรื่อง เพราะวันนี้เป็นวันที่เรากำลังพูดถึงธรรมะกับการเมือง... ท่านพูดว่า เมื่อสังคมเครียด ปั่นป่วน วุ่นวาย ก็เป็นโอกาสที่ธรรมะจะเป็นที่พอใจของสังคมที่ต้องการความสงบเย็น เพราะฉะนั้นผมคิดว่า ในช่วงเวลาตรงนี้ น่าจะเหมาะที่ธรรมะจะได้ไปมีบทบาทให้เราแก้ไขปัญหาบ้านเมือง...”

มีเรื่องหนึ่งที่ท่าน (พุทธทาส) เคยพูด คือ เรื่องลูกเสือกับลูกหมา ซึ่งสะท้อนถึงวิธีการแก้ปัญหา เพราะลูกหมาเวลาคนเอาไม้ไปแหย่มัน มันจะกัดไม้ แต่ลูกเสือจะกัดคนที่เอาไม้ไปแหย่ คือ กัดที่ต้นเหตุ นั่นคือ ปรัชญาของการแก้ปัญหา คือ แก้ต้นเหตุ มิใช่ปลายเหตุ

ทักษิณยังทำตัวเป็น “ผู้ตื่นแล้ว” ว่า วันนี้ประเทศไทยแก้ปัญหาปลายเหตุแทบทุกเรื่อง เราเลยกลายเป็นนักย้ายปัญหามากกว่านักแก้ปัญหา เพราะฉะนั้นเราต้องใช้ปรัชญาของท่านที่ว่า อยากเป็นลูกเสือหรืออยากเป็นลูกหมา เป็นคำพูดที่มีความหมายมาก แล้วก็สอนสังคมได้จับใจที่สุด

“ท่านพุทธทาส” มีลูกศิษย์ดีๆ เยอะมาก แต่ก็มี “ลูกศิษย์” ชนิด “พูดอย่างทำอย่าง” มิใช่น้อย ถ้าทักษิณเป็นศิษย์ก็เป็น “ศิษย์กำมะลอ” แบบนี้แหละ

เรื่องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุนั้น ทักษิณเป็น “ลูกหมา” โดยแท้ เพราะนอกจากไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุดัง “ลูกเสือ” แล้ว ยังกลับสร้างปัญหาร้ายแรงให้ชาติไทยเพิ่มขึ้นอย่างมากมายอีกด้วย

ยิ่งความโลภหลงในเงินทอง-อำนาจ-ลาภยศและวัตถุนิยมนั้น “ท่านพุทธทาส” สอนให้ละเลิก เพราะมันเป็นต้นเหตุที่ทำให้มนุษย์ทำความชั่วได้ทุกรูปแบบ

แต่ทักษิณกลับเป็นผู้นำชาติที่หลงเงินตรา-อำนาจ-ลาภยศ ฯลฯ ที่ทำให้สังคมเสื่อมคุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรม ฯลฯ จนเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวง ต่อความมั่นคงของชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ และประชาชน สืบเนื่องมาจนทุกวันนี้

ดังทักษิณได้ประกาศก่อนหาเสียงว่า ให้คนไทยนับเงินในกระเป๋าไว้เลย ว่าอีกหกเดือนเงินจะเพิ่มขึ้นแน่นอน! อีกทั้งทักษิณยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า คนที่อยากมีเศรษฐกิจดี...อยากรวยต้องกล้าเป็นหนี้!! เมื่อได้เป็นนายกฯ ทักษิณก็ประกาศว่า ภายใต้การบริหารของรัฐบาลนี้ในหกปี จะไม่มี “คนจน” อีกต่อไป!!!

“คณะผู้เรียบเรียง” สรุปไว้ว่า “ท่านพุทธทาส” สอนว่า “ความจนมิใช่สิ่งน่าเกลียด” และไม่ใช่สิ่งกีดกั้นการบรรลุความสุข...แต่การเป็นหนี้ต่างหากล่ะ ที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสห้ามไว้ว่า “การเป็นหนี้ เป็นหนทางนำทุกข์มาสู่ตนและครอบครัว”

“คณะผู้เรียบเรียง” ยังเผยว่า จากการฟังธรรม และศึกษาแนวคิดของ “ท่านพุทธทาส” ทั้งจากปากคำของท่านเองโดยตรง และค้นคว้าจากหนังสือจำนวนมหึมาของท่าน ตั้งแต่ พ.ศ. 2519 ชัดเจนในหลักการความคิดของท่านว่า

ความเจริญทางวัตถุ ทำให้คนเห็นแก่ตัว, การกินดีอยู่ดี ทำให้คนบริโภคเกิน ไม่รู้จักพอ

ท่าน (พุทธทาส) จึงสอนวิธีแก้ความยากจน ด้วยการ “กินอยู่แต่พอดี” สอนชาวโลกทั้งมวลให้พยายามใช้ชีวิตให้พอดี...ให้พ้นอำนาจวัตถุที่กำลังทำลายโลก!

ที่แน่ๆ การคิด-การพูด-การทำ-การบริหารชาติ ของ “ทักษิณ” นั้นใช้แต่ “อธรรม” นำหน้า มิได้ “ใช้ธรรมะกับการเมือง” ดังที่ “ท่านพุทธทาส” สอนสั่งแม้แต่น้อย

ส่วนการบริหารชาติไทย ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงต้นปี 2559 ของ “บิ๊กตู่” นั้น ยังไม่ได้ “ใช้ธรรมะกับการเมือง” เท่าที่ควร

เฮ้อ!...เสียของ...เอ๊ย!...เสียดายเวลา และโอกาสทองว่ะ...? (อ่านต่อพุธหน้า)
กำลังโหลดความคิดเห็น