โดย...อภินันท์ สิริรัตนจิตต์
คณะศึกษาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่
คาลิล ยิบราน กล่าวไว้ในหนังสือปรัชญาชีวิตว่า การงาน คือ ความรักปรากฏตนเป็นรูปร่าง และถ้าเธอไม่ประกอบการงานได้ โดยมีความรัก แต่ด้วยความจำเจเบื่อหน่าย เธอก็ควรวางมือ และไปนั่งตามประตูโบสถ์ขอทาน ท่านผู้ทำงานด้วยความชื่นชมจะดีกว่า
เพราะถ้าเธอปิ้งขนมอย่างไม่แยแส เธอก็จะได้ขนมอันมีรสขม และบรรเทาความหิวโหยของมนุษย์ได้เพียงครึ่งเดียว
และถ้าเธอบ่นขณะบีบบดองุ่นการบ่นของเธอ คือ ยาพิษ ซึ่งซึมลงไปในน้ำองุ่นนั้น ถึงแม้เธอจะร้องเพลงได้ด้วยเสียงดุจเทพธิดา
แต่ถ้าเธอมิได้รักการร้องเพลงนั้นแล้ว เธอจะทำให้หูของมนุษย์หนวกต่อสำเนียงของวันและคืน
เธอมักจะได้รับคำบอกเล่าบ่อยๆ ว่า การทำงาน คือคำสาปแช่ง และการงานคือเคราะห์ร้าย แต่เราขอบอกเธอว่า เมื่อเธอทำงานนั้น เธอได้ยังความฝันอันไกลยิ่งของโลกให้สมบูรณ์ในส่วนที่ได้จัดไว้เฉพาะเธอ ในเมื่อความฝันนั้นอุบัติขึ้น และในการประกอบการงานนั้น ก็คือ การที่เธอรักชีวิตอย่างแท้จริง และการรักชีวิตโดยการงานนั้นก็คือ การเข้าถึงความลับอันลึกล้ำที่สุดของชีวิต
...ก็การทำงานด้วยความรักนี้ คืออย่างไรเล่า คือการทอผ้าด้วยเส้นด้ายที่ดึงจากดวงใจของเธอราวกับว่าผืนผ้านั้นจะเป็นเครื่องนุ่งห่มของคนรักของเธอ คือการสร้างบ้านขึ้นด้วยดวงใจเอิบอิ่มในความรัก ประหนึ่งว่า สร้างบ้านนั้น เพื่อคนรักของเธออยู่ คือ หว่านเมล็ดพันธุ์ด้วยความละมุนละไม และเก็บเกี่ยวผลอันผุดขึ้นด้วยความปราโมทย์ ดุจดังว่า ที่รักของเธอจะเป็นผู้บริโภคผลนั้น
ท่านพุทธทาสภิกขุ พระอริยสงฆ์แห่งสวนโมกข์มีคำสอนเกี่ยวกับการทำงานว่า งานคือชีวิต ชีวิตคืองานบันดาลสุข ทำงานให้สนุก เป็นสุขเมื่อทำงาน
สตีฟ จอบส์ ก็เช่นกัน เขากล่าวว่า จงรักในสิ่งที่ทำ และจงทำในสิ่งที่รัก เช่นเดียวกับโดนัล ทรัมพ์ ที่กล่าวว่า จงหลงใหลในสิ่งที่ทำ
ในเมื่อชีวิตของแต่ละคนมีหน้าที่แตกต่างกันตามอาชีพ ตำแหน่ง เท่าที่โลกนี้จะมอบการงานให้ ไม่ว่าใครจะทำการงานอะไรก็ตาม ความรักในงานที่ทำจะช่วยหล่อเลี้ยงให้ชีวิตและโลกหมุนต่อไปได้ เพราะทุกอาชีพ คือ ฟันเฟืองขับเคลื่อนอีกหลายชีวิต ถ้าไม่มีความสุขในการทำงานแห่งอาชีพนั้น ยังมีอาชีพที่ถูกต้อง เหมาะสมอีกมากมายรอให้เราแต่งตั้งตัวเองอยู่ในตำแหน่งนั้น ไม่มีความแตกต่างระหว่างอาชีพที่แท้จริงหรอก มีแต่เพียงสิ่งสมมติตามตำแหน่งหน้าที่ที่เรียกขานกันไว้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการงาน แม้จะมีรายได้แตกต่างกันไปตามตำแหน่งหน้าที่ แต่สิ่งนั้น ไม่อาจวัดได้ว่า ใครร่ำรวยกว่าใครได้ เพราะว่า ชาวนาอาจไม่ต้องการเงินทองมากมายเท่ากับการได้เห็นท้องทุ่งสีทอง ที่ข้าวผลิรวงละลานตา
...มนุษย์เงินเดือนอาจไม่ต้องการเงินทองมากมายเท่ากับการได้ใช้ความรู้ ความสามารถ ได้รับการยกย่องเคารพในเกียรติศักดิ์ศรี ในการงานที่เขาได้ทำสำเร็จไปชิ้นหนึ่ง
...พนักงานเก็บขยะ อาจไม่ต้องการเงินทองมากมายเท่ากับการได้รักษาความสะอาดในพื้นที่ซึ่งเขารับผิดชอบ ซึ่งนั่นหมายความว่า ในหัวใจของเขา มีภาพแห่งความสะอาดเป็นวินัย ร้อยรัดในหน้าที่การงานของเขา
...เด็กตัวเล็กๆ ที่ขยันตื่นเช้าไปโรงเรียนทุกวัน อาจไม่ต้องการความรู้ในหนังสืออะไรมากมายมากไปกว่าการได้เล่นกับเพื่อน และเริงร่าด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์
...และก็นั่นแม่ค้าขายข้าวเหนียวไก่ทอดริมทางเท้า อาจไม่ต้องการเงินทองมากมายเท่ากับการได้พบปะผู้ซื้อ ที่ได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน
ถ้าการทำงานมีความทุกข์ จะต้องหาสาเหตุแห่งความทุกข์ ว่า การงานเป็นทุกข์เพราะเหตุใด เพราะภาระงาน เนื้องาน ผู้ร่วมงาน ผู้บริหารงานหรือเพราะว่า ความไม่รักในงาน ถ้าจะถามหาความสุขจากการทำงานวันละ 8-10 ชั่วโมง ว่า มีความสุขในเวลาใดบ้าง หรือว่ามีความสุขเพียง 14 ชั่วโมงที่นอกเหนือเวลาการงาน
ผู้รักในการงาน การงานก็จะรักเขา ผลของการงาน ก็จะปรากฏรูปร่างเป็นตัวตนให้จับต้องได้ ชีวิตก็จะดำเนินไปอย่างเป็นหนึ่งเดียวกับการงาน ถ้าเริ่มต้นด้วยรัก ความพยายามก็จะตามมา ความรักจะผลักดันให้เกิดความเอาใจใส่ และความรักจะทำให้ปัญญาคิดหาวิธีการในการทำงาน
ถ้าทำงานกับใครแล้วไม่มีความสุข ก็อย่าไปทำกับเขา อย่าไปอยู่กับเขา แต่ถ้าเราคิดได้ว่า ทำงานเพื่องาน ทำงานด้วยความรัก งานทุกอย่างในโลกนี้ก็มีคุณค่า ถ้าผ่านฝีมือและหัวใจของเราไป
คณะศึกษาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่
คาลิล ยิบราน กล่าวไว้ในหนังสือปรัชญาชีวิตว่า การงาน คือ ความรักปรากฏตนเป็นรูปร่าง และถ้าเธอไม่ประกอบการงานได้ โดยมีความรัก แต่ด้วยความจำเจเบื่อหน่าย เธอก็ควรวางมือ และไปนั่งตามประตูโบสถ์ขอทาน ท่านผู้ทำงานด้วยความชื่นชมจะดีกว่า
เพราะถ้าเธอปิ้งขนมอย่างไม่แยแส เธอก็จะได้ขนมอันมีรสขม และบรรเทาความหิวโหยของมนุษย์ได้เพียงครึ่งเดียว
และถ้าเธอบ่นขณะบีบบดองุ่นการบ่นของเธอ คือ ยาพิษ ซึ่งซึมลงไปในน้ำองุ่นนั้น ถึงแม้เธอจะร้องเพลงได้ด้วยเสียงดุจเทพธิดา
แต่ถ้าเธอมิได้รักการร้องเพลงนั้นแล้ว เธอจะทำให้หูของมนุษย์หนวกต่อสำเนียงของวันและคืน
เธอมักจะได้รับคำบอกเล่าบ่อยๆ ว่า การทำงาน คือคำสาปแช่ง และการงานคือเคราะห์ร้าย แต่เราขอบอกเธอว่า เมื่อเธอทำงานนั้น เธอได้ยังความฝันอันไกลยิ่งของโลกให้สมบูรณ์ในส่วนที่ได้จัดไว้เฉพาะเธอ ในเมื่อความฝันนั้นอุบัติขึ้น และในการประกอบการงานนั้น ก็คือ การที่เธอรักชีวิตอย่างแท้จริง และการรักชีวิตโดยการงานนั้นก็คือ การเข้าถึงความลับอันลึกล้ำที่สุดของชีวิต
...ก็การทำงานด้วยความรักนี้ คืออย่างไรเล่า คือการทอผ้าด้วยเส้นด้ายที่ดึงจากดวงใจของเธอราวกับว่าผืนผ้านั้นจะเป็นเครื่องนุ่งห่มของคนรักของเธอ คือการสร้างบ้านขึ้นด้วยดวงใจเอิบอิ่มในความรัก ประหนึ่งว่า สร้างบ้านนั้น เพื่อคนรักของเธออยู่ คือ หว่านเมล็ดพันธุ์ด้วยความละมุนละไม และเก็บเกี่ยวผลอันผุดขึ้นด้วยความปราโมทย์ ดุจดังว่า ที่รักของเธอจะเป็นผู้บริโภคผลนั้น
ท่านพุทธทาสภิกขุ พระอริยสงฆ์แห่งสวนโมกข์มีคำสอนเกี่ยวกับการทำงานว่า งานคือชีวิต ชีวิตคืองานบันดาลสุข ทำงานให้สนุก เป็นสุขเมื่อทำงาน
สตีฟ จอบส์ ก็เช่นกัน เขากล่าวว่า จงรักในสิ่งที่ทำ และจงทำในสิ่งที่รัก เช่นเดียวกับโดนัล ทรัมพ์ ที่กล่าวว่า จงหลงใหลในสิ่งที่ทำ
ในเมื่อชีวิตของแต่ละคนมีหน้าที่แตกต่างกันตามอาชีพ ตำแหน่ง เท่าที่โลกนี้จะมอบการงานให้ ไม่ว่าใครจะทำการงานอะไรก็ตาม ความรักในงานที่ทำจะช่วยหล่อเลี้ยงให้ชีวิตและโลกหมุนต่อไปได้ เพราะทุกอาชีพ คือ ฟันเฟืองขับเคลื่อนอีกหลายชีวิต ถ้าไม่มีความสุขในการทำงานแห่งอาชีพนั้น ยังมีอาชีพที่ถูกต้อง เหมาะสมอีกมากมายรอให้เราแต่งตั้งตัวเองอยู่ในตำแหน่งนั้น ไม่มีความแตกต่างระหว่างอาชีพที่แท้จริงหรอก มีแต่เพียงสิ่งสมมติตามตำแหน่งหน้าที่ที่เรียกขานกันไว้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการงาน แม้จะมีรายได้แตกต่างกันไปตามตำแหน่งหน้าที่ แต่สิ่งนั้น ไม่อาจวัดได้ว่า ใครร่ำรวยกว่าใครได้ เพราะว่า ชาวนาอาจไม่ต้องการเงินทองมากมายเท่ากับการได้เห็นท้องทุ่งสีทอง ที่ข้าวผลิรวงละลานตา
...มนุษย์เงินเดือนอาจไม่ต้องการเงินทองมากมายเท่ากับการได้ใช้ความรู้ ความสามารถ ได้รับการยกย่องเคารพในเกียรติศักดิ์ศรี ในการงานที่เขาได้ทำสำเร็จไปชิ้นหนึ่ง
...พนักงานเก็บขยะ อาจไม่ต้องการเงินทองมากมายเท่ากับการได้รักษาความสะอาดในพื้นที่ซึ่งเขารับผิดชอบ ซึ่งนั่นหมายความว่า ในหัวใจของเขา มีภาพแห่งความสะอาดเป็นวินัย ร้อยรัดในหน้าที่การงานของเขา
...เด็กตัวเล็กๆ ที่ขยันตื่นเช้าไปโรงเรียนทุกวัน อาจไม่ต้องการความรู้ในหนังสืออะไรมากมายมากไปกว่าการได้เล่นกับเพื่อน และเริงร่าด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์
...และก็นั่นแม่ค้าขายข้าวเหนียวไก่ทอดริมทางเท้า อาจไม่ต้องการเงินทองมากมายเท่ากับการได้พบปะผู้ซื้อ ที่ได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน
ถ้าการทำงานมีความทุกข์ จะต้องหาสาเหตุแห่งความทุกข์ ว่า การงานเป็นทุกข์เพราะเหตุใด เพราะภาระงาน เนื้องาน ผู้ร่วมงาน ผู้บริหารงานหรือเพราะว่า ความไม่รักในงาน ถ้าจะถามหาความสุขจากการทำงานวันละ 8-10 ชั่วโมง ว่า มีความสุขในเวลาใดบ้าง หรือว่ามีความสุขเพียง 14 ชั่วโมงที่นอกเหนือเวลาการงาน
ผู้รักในการงาน การงานก็จะรักเขา ผลของการงาน ก็จะปรากฏรูปร่างเป็นตัวตนให้จับต้องได้ ชีวิตก็จะดำเนินไปอย่างเป็นหนึ่งเดียวกับการงาน ถ้าเริ่มต้นด้วยรัก ความพยายามก็จะตามมา ความรักจะผลักดันให้เกิดความเอาใจใส่ และความรักจะทำให้ปัญญาคิดหาวิธีการในการทำงาน
ถ้าทำงานกับใครแล้วไม่มีความสุข ก็อย่าไปทำกับเขา อย่าไปอยู่กับเขา แต่ถ้าเราคิดได้ว่า ทำงานเพื่องาน ทำงานด้วยความรัก งานทุกอย่างในโลกนี้ก็มีคุณค่า ถ้าผ่านฝีมือและหัวใจของเราไป