ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
ช่วงนี้ชาวนา เกษตรกร ผู้ปลูกยางพารา ข้าว มันสำปะหลัง และสินค้าพืชผลอย่างอื่นอยู่ในสภาวะอกไหม้ไส้ขม อยู่ไปแต่ละวันไม่เห็นอนาคต เรียกร้องให้รัฐบาลให้ช่วยเหลือก็ได้ยินแต่คำพูดบาดหัวใจ ว่าไม่มีเงินผสมคำขู่จากท่านผู้มีอำนาจอยู่ดีมีสุขว่าถ้าชุมนุมเรียกร้อง จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
เหมือนโดนเยี่ยวราดหัวใจเมื่อได้เห็นผู้มีอำนาจบุญหนักศักดิ์ใหญ่หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เอ่ยมธุรสวาจากับพวกเจ้าสัว ผู้ประกอบธุรกิจ สวมสูทใส่เสื้อนอก กลิ่นน้ำหอมฟุ้งในห้องแอร์ นั่งวางแผนว่าจะระดมเงินจากไหนมาโอมอุ้ม ธุรกิจเอสเอ็มอี จนถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษระดับข้ามชาติ
กลิ่นสาบชาวนา เสื้อผ้ามีกลิ่นเหงื่อไคล สายตามีแต่แววทุกข์ระทม เสียงคร่ำครวญ ย่อมไม่เป็นที่สบอารมณ์น่าพิสมัยของคุณท่าน ด้วยเหตุนี้คำขอเข้าพบ ผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่อำนาจเต็มเป้าเพื่อเล่าให้ฟังถึงทุกข์ยากจึงได้รับการปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย เสียงครวญของคนยากไร้ย่อมไม่เสนาะโสต
แม้แต่จะร้องทุกข์ คนจนยังไม่มีโอกาส ไฉนจึงถูกปฏิบัติเยี่ยงพลเมืองชั้นปลายแถว ในสังคมอุบาทว์ ผู้กุมอำนาจรัฐมองไม่เห็นหัวประชาชน ชมชอบแต่เสวนากับคนมีเงิน หน้าตาผ่องใส เพื่ออวยผลประโยชน์ร่วมกัน อย่างที่เค้าว่า คนนั่งร้องไห้บนรถเก๋งก็ยังดูดีกว่าคนหัวเราะบนรถสามล้อ
คุยกับเศรษฐีมีเงิน ทุกอย่างย่อมต่อรองได้โดยหวังผลประโยชน์ร่วมกันแบบหมูไปไก่มา คุยกับชาวนาเกษตรกรมีแต่เสียงเรียกร้อง ถูกมองว่าเอาแต่ได้ บรรยากาศไม่น่าอภิรมย์ อารมณ์ขุ่นมัว
เกิดเป็นพลเมืองด้อยโอกาสยุคนี้ ได้ยินแต่เสียงตะคอกคำราม เมื่อถามเพียงแต่ว่าพวกกุมอำนาจจะพาบ้านเมืองไปทิศทางไหน หลังจากถูกป้อนด้วยคำมั่นสัญญาลมๆ แล้งๆ มาหลายครั้ง และความล้มเหลวไม่เคยมีคำอธิบายประกอบ มีแต่ข้ออ้าง แก้ตัวโบ้ยความผิดให้ดินฟ้าอากาศ
ผู้นำรัฐบาลไทยในแต่ละยุคไม่เคยมีความจริงใจกับชาวนา ชาวไร่ เกษตรกร มุ่งแก้ปัญหาปลายเหตุ มิใช่เป็นเพราะโง่เขลาเบาปัญญาหรือบัดซบ แต่เป็นเพราะไม่ได้ผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงิน
สู้จ้องฟันค่าโควตา เก็บค่าต๋งจากพ่อค้าดีกว่า เห็นหน้าเห็นหลังเป็นกอบเป็นกำทันใจ อ้างบุญคุณต่อเนื่อง อวยประโยชน์กันถึงการว่าจ้างงานให้รุ่นทายาท ตัวพ่อได้นั่งเก้าอี้ที่ปรึกษาเงินเดือนงาม ด้วยเหตุนี้พวกกุมอำนาจรัฐจึงนิยมเป็นที่ปรึกษาบริษัทเจ้าสัว ได้ทั้งเงิน ทั้งกล่อง จนวันตาย
เคยมีอดีตผู้นำรัฐบาล เสนาบดี ผู้กุมอำนาจ เคยนั่งตำแหน่งประธานที่ปรึกษาสมาคมชาวนา ชาวไร่ เกษตรกร บ้างหรือไม่ เว้นแต่พวกพ่อค้าได้ทุ่มเงินซื้อเก้าอี้รัฐมนตรี ดังเช่นพวกโรงงานน้ำตาล โรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ พ่อค้าพืชผล เพื่อปกป้องผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มตัวเอวและพวกพ้อง
ชาวนา เกษตรกร จึงไม่ควรหวังว่าจะมีความจริงใจจากผู้กุมอำนาจรัฐ เว้นแต่วันที่ประชาชนได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน จะนานอีกเท่าไหร่ก็รอได้ เพราะทนรอมานาน เห็นความสามานย์จนชินชา
คงไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปมากกว่านี้ ถึงจะมี ก็ต้องพร้อมทนรับ เพราะไม่มีทางเลือก!
แต่ละยุค พลเมืองรักชาติแท้จริงคือชาวบ้านธรรมดา ไม่ใช่ผู้กุมอำนาจหรือเศรษฐี เพราะพวกนี้คือกลุ่มผลประโยชน์ เกรงกลัวว่าประชาชนจะได้โอกาสกุมอำนาจรัฐ ดังนั้นจึงพยายามเขียนรัฐธรรมนูญฉบับร้อยเล่ห์ แฝงกลเกมสารเลวต่างๆ เพื่อสกัดกั้นมิให้ประชาชนได้เป็นใหญ่
ถ้ามีความจริงใจแท้จริง ไม่ใช่หมาจิ้งจอกสวมหน้ากากนักบุญ ย่อมคิดช่วยเหลือชาวนา เกษตรกรจนได้ ยิ่งมีอำนาจตามกฎหมายอุปโลกน์ขึ้นมากดหัวประชาชน ก็ยิ่งทำได้ง่าย
ที่ไม่ยอมทำ เพราะไม่ได้อะไร เหนื่อย เจ้าสัว พ่อค้าไม่ชอบ ยิ่งพวกที่ชอบคุยว่าไม่ต้องการคะแนนเสียง ไม่ต้องการความนิยม ยิ่งร้ายหนัก เพราะเป็นพวกชอบป้อนคำลวงให้คนบ้องตื้นหลงคารม คนรู้ทันจำต้องรอให้ความเสื่อมบังเกิด ชาวบ้านส่วนใหญ่หูตาสว่าง จะเห็นความชั่วร้ายชัดๆ
เอาละ! ไหนๆ ก็พูดเรื่องปัญหาชาวนาเกษตรกร อยากเสนอแนะทางออกดังนี้ จะอ้างว่าทำไม่ได้ ขัดกับกฎการค้าโลก หรือองค์กรห่าเหวอะไรก็แล้วแต่ เราอ้างความมั่นคงหักล้างได้เสมอ ถ้าจะทำ จริง ประกาศให้โลกรู้ไปเลยว่าทำเพื่อผลประโยชน์ของชาวนา เกษตรกร ความยั่งยืนของชาติ
ถ้าจะตั้ง “บริษัทข้าวแห่งชาติ จำกัด” ทำได้มั้ย หรือจะเลือกชื่ออื่นอะไรก็สุดแล้วแต่
บริษัทที่ว่านี้คือบริษัทร่วมค้า โดยมีชาวนาข้าว โรงสี ผู้ส่งออก สถาบันการเงิน ถือหุ้นร่วมกัน โดยมีชาวนาถือหุ้นสัดส่วนที่มากกว่า รัฐบาลอาจมีหุ้นเพียง 1 หุ้น เพื่อให้มีตัวแทนกำกับ
บริษัทข้าวแห่งชาติ จำกัด มีหน้าที่วางแผนยุทธศาสตร์เรื่องข้าว เช่นกำหนดพื้นที่แต่ละแห่ง ประเภทข้าว ปริมาณ ในแต่ละปี แผนการเก็บเกี่ยว รักษา สีข้าว การส่งออก ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รายได้และผลกำไรแบ่งกันด้วย ความยุติธรรม เหมือนกรณีชาวไร่อ้อยกับโรงงานน้ำตาล
ถ้าจะมีรายย่อย ให้เพาะปลูกเพื่อการบริโภคในครอบครัว การขายทั้งในประเทศ ต่างประเทศ ต้องผ่านบริษัทแต่เพียงรายเดียวเท่านั้น ตัวแทนผู้บริโภคอาจมีส่วนพิจารณาราคาขายด้วย
แน่นอน อุปสรรคตามขั้นตอนย่อมมี แต่บ้านนี้เมืองนี้มีคนเก่ง นักวางแผน นักเศรษฐศาสตร์ ดอกเตอร์เดินแทบจะชนกันตาย ย่อมเค้นสมองหาทางออกจนได้ ถ้ามีความจริงใจต่อประชาชน
ขาดแต่ว่าจะมีผู้มีอำนาจคนไหนใส่ใจ เอาเรื่องนี้ไปคิดถึงความเป็นไปได้ ถ้ามีเจตนาช่วยเหลือชาวนา เกษตรอย่างแท้จริง และต้องระวังไม่ให้ถูกเจ้าสัว พ่อค้า เสนอผลประโยชน์ให้เลิกคิด
ระบบนี้ ถ้าได้ผล ย่อมใช้ได้กับพืชผลทุกประเภท โดยตั้งบริษัทร่วมค้าเพื่อต่อรองกับผู้ซื้อต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นช่วงตลาดของผู้ซื้อ หรือผู้ขาย ทุกฝ่ายมีผลประโยชน์ร่วมกัน เมื่ออ้อยใช้ได้ พืชอื่นๆ เช่นข้าวโพด ยางพารา มันสำปะหลัง ฯลฯ ย่อมต้องใช้ได้เช่นกัน
นี่ไม่ใช่การฝันเฟื่อง ใครมีอำนาจหน้าที่ลองนำไปคิดพิจารณาดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ เพราะเหตุใด หรือมีวิธีทางเลือกอื่นดีกว่าก็ว่ามา หรือเดินหน้าทำให้ชาวนาเห็นผลลืมตาอ้าปากได้ในชาตินี้
ยังดีกว่าบ้าน้ำลาย โม้ไปวันๆ ถ้ามีอำนาจแล้วไม่ใช้อำนาจเพื่อจัดการกำจัดทุกข์ สร้างสุข ให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีกว่าแล้วจะอยู่ยาวไปเพื่ออะไร หรือให้ชาวบ้านสงสัยว่าต้องการผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
ผู้นำรัฐบาลมาแล้วก็ไปด้วยความมั่งคั่ง ประชาชนยังต้องทนทุกข์อยู่อีกนาน
โดย โสภณ องค์การณ์
ช่วงนี้ชาวนา เกษตรกร ผู้ปลูกยางพารา ข้าว มันสำปะหลัง และสินค้าพืชผลอย่างอื่นอยู่ในสภาวะอกไหม้ไส้ขม อยู่ไปแต่ละวันไม่เห็นอนาคต เรียกร้องให้รัฐบาลให้ช่วยเหลือก็ได้ยินแต่คำพูดบาดหัวใจ ว่าไม่มีเงินผสมคำขู่จากท่านผู้มีอำนาจอยู่ดีมีสุขว่าถ้าชุมนุมเรียกร้อง จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
เหมือนโดนเยี่ยวราดหัวใจเมื่อได้เห็นผู้มีอำนาจบุญหนักศักดิ์ใหญ่หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เอ่ยมธุรสวาจากับพวกเจ้าสัว ผู้ประกอบธุรกิจ สวมสูทใส่เสื้อนอก กลิ่นน้ำหอมฟุ้งในห้องแอร์ นั่งวางแผนว่าจะระดมเงินจากไหนมาโอมอุ้ม ธุรกิจเอสเอ็มอี จนถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษระดับข้ามชาติ
กลิ่นสาบชาวนา เสื้อผ้ามีกลิ่นเหงื่อไคล สายตามีแต่แววทุกข์ระทม เสียงคร่ำครวญ ย่อมไม่เป็นที่สบอารมณ์น่าพิสมัยของคุณท่าน ด้วยเหตุนี้คำขอเข้าพบ ผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่อำนาจเต็มเป้าเพื่อเล่าให้ฟังถึงทุกข์ยากจึงได้รับการปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย เสียงครวญของคนยากไร้ย่อมไม่เสนาะโสต
แม้แต่จะร้องทุกข์ คนจนยังไม่มีโอกาส ไฉนจึงถูกปฏิบัติเยี่ยงพลเมืองชั้นปลายแถว ในสังคมอุบาทว์ ผู้กุมอำนาจรัฐมองไม่เห็นหัวประชาชน ชมชอบแต่เสวนากับคนมีเงิน หน้าตาผ่องใส เพื่ออวยผลประโยชน์ร่วมกัน อย่างที่เค้าว่า คนนั่งร้องไห้บนรถเก๋งก็ยังดูดีกว่าคนหัวเราะบนรถสามล้อ
คุยกับเศรษฐีมีเงิน ทุกอย่างย่อมต่อรองได้โดยหวังผลประโยชน์ร่วมกันแบบหมูไปไก่มา คุยกับชาวนาเกษตรกรมีแต่เสียงเรียกร้อง ถูกมองว่าเอาแต่ได้ บรรยากาศไม่น่าอภิรมย์ อารมณ์ขุ่นมัว
เกิดเป็นพลเมืองด้อยโอกาสยุคนี้ ได้ยินแต่เสียงตะคอกคำราม เมื่อถามเพียงแต่ว่าพวกกุมอำนาจจะพาบ้านเมืองไปทิศทางไหน หลังจากถูกป้อนด้วยคำมั่นสัญญาลมๆ แล้งๆ มาหลายครั้ง และความล้มเหลวไม่เคยมีคำอธิบายประกอบ มีแต่ข้ออ้าง แก้ตัวโบ้ยความผิดให้ดินฟ้าอากาศ
ผู้นำรัฐบาลไทยในแต่ละยุคไม่เคยมีความจริงใจกับชาวนา ชาวไร่ เกษตรกร มุ่งแก้ปัญหาปลายเหตุ มิใช่เป็นเพราะโง่เขลาเบาปัญญาหรือบัดซบ แต่เป็นเพราะไม่ได้ผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงิน
สู้จ้องฟันค่าโควตา เก็บค่าต๋งจากพ่อค้าดีกว่า เห็นหน้าเห็นหลังเป็นกอบเป็นกำทันใจ อ้างบุญคุณต่อเนื่อง อวยประโยชน์กันถึงการว่าจ้างงานให้รุ่นทายาท ตัวพ่อได้นั่งเก้าอี้ที่ปรึกษาเงินเดือนงาม ด้วยเหตุนี้พวกกุมอำนาจรัฐจึงนิยมเป็นที่ปรึกษาบริษัทเจ้าสัว ได้ทั้งเงิน ทั้งกล่อง จนวันตาย
เคยมีอดีตผู้นำรัฐบาล เสนาบดี ผู้กุมอำนาจ เคยนั่งตำแหน่งประธานที่ปรึกษาสมาคมชาวนา ชาวไร่ เกษตรกร บ้างหรือไม่ เว้นแต่พวกพ่อค้าได้ทุ่มเงินซื้อเก้าอี้รัฐมนตรี ดังเช่นพวกโรงงานน้ำตาล โรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ พ่อค้าพืชผล เพื่อปกป้องผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มตัวเอวและพวกพ้อง
ชาวนา เกษตรกร จึงไม่ควรหวังว่าจะมีความจริงใจจากผู้กุมอำนาจรัฐ เว้นแต่วันที่ประชาชนได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน จะนานอีกเท่าไหร่ก็รอได้ เพราะทนรอมานาน เห็นความสามานย์จนชินชา
คงไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปมากกว่านี้ ถึงจะมี ก็ต้องพร้อมทนรับ เพราะไม่มีทางเลือก!
แต่ละยุค พลเมืองรักชาติแท้จริงคือชาวบ้านธรรมดา ไม่ใช่ผู้กุมอำนาจหรือเศรษฐี เพราะพวกนี้คือกลุ่มผลประโยชน์ เกรงกลัวว่าประชาชนจะได้โอกาสกุมอำนาจรัฐ ดังนั้นจึงพยายามเขียนรัฐธรรมนูญฉบับร้อยเล่ห์ แฝงกลเกมสารเลวต่างๆ เพื่อสกัดกั้นมิให้ประชาชนได้เป็นใหญ่
ถ้ามีความจริงใจแท้จริง ไม่ใช่หมาจิ้งจอกสวมหน้ากากนักบุญ ย่อมคิดช่วยเหลือชาวนา เกษตรกรจนได้ ยิ่งมีอำนาจตามกฎหมายอุปโลกน์ขึ้นมากดหัวประชาชน ก็ยิ่งทำได้ง่าย
ที่ไม่ยอมทำ เพราะไม่ได้อะไร เหนื่อย เจ้าสัว พ่อค้าไม่ชอบ ยิ่งพวกที่ชอบคุยว่าไม่ต้องการคะแนนเสียง ไม่ต้องการความนิยม ยิ่งร้ายหนัก เพราะเป็นพวกชอบป้อนคำลวงให้คนบ้องตื้นหลงคารม คนรู้ทันจำต้องรอให้ความเสื่อมบังเกิด ชาวบ้านส่วนใหญ่หูตาสว่าง จะเห็นความชั่วร้ายชัดๆ
เอาละ! ไหนๆ ก็พูดเรื่องปัญหาชาวนาเกษตรกร อยากเสนอแนะทางออกดังนี้ จะอ้างว่าทำไม่ได้ ขัดกับกฎการค้าโลก หรือองค์กรห่าเหวอะไรก็แล้วแต่ เราอ้างความมั่นคงหักล้างได้เสมอ ถ้าจะทำ จริง ประกาศให้โลกรู้ไปเลยว่าทำเพื่อผลประโยชน์ของชาวนา เกษตรกร ความยั่งยืนของชาติ
ถ้าจะตั้ง “บริษัทข้าวแห่งชาติ จำกัด” ทำได้มั้ย หรือจะเลือกชื่ออื่นอะไรก็สุดแล้วแต่
บริษัทที่ว่านี้คือบริษัทร่วมค้า โดยมีชาวนาข้าว โรงสี ผู้ส่งออก สถาบันการเงิน ถือหุ้นร่วมกัน โดยมีชาวนาถือหุ้นสัดส่วนที่มากกว่า รัฐบาลอาจมีหุ้นเพียง 1 หุ้น เพื่อให้มีตัวแทนกำกับ
บริษัทข้าวแห่งชาติ จำกัด มีหน้าที่วางแผนยุทธศาสตร์เรื่องข้าว เช่นกำหนดพื้นที่แต่ละแห่ง ประเภทข้าว ปริมาณ ในแต่ละปี แผนการเก็บเกี่ยว รักษา สีข้าว การส่งออก ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รายได้และผลกำไรแบ่งกันด้วย ความยุติธรรม เหมือนกรณีชาวไร่อ้อยกับโรงงานน้ำตาล
ถ้าจะมีรายย่อย ให้เพาะปลูกเพื่อการบริโภคในครอบครัว การขายทั้งในประเทศ ต่างประเทศ ต้องผ่านบริษัทแต่เพียงรายเดียวเท่านั้น ตัวแทนผู้บริโภคอาจมีส่วนพิจารณาราคาขายด้วย
แน่นอน อุปสรรคตามขั้นตอนย่อมมี แต่บ้านนี้เมืองนี้มีคนเก่ง นักวางแผน นักเศรษฐศาสตร์ ดอกเตอร์เดินแทบจะชนกันตาย ย่อมเค้นสมองหาทางออกจนได้ ถ้ามีความจริงใจต่อประชาชน
ขาดแต่ว่าจะมีผู้มีอำนาจคนไหนใส่ใจ เอาเรื่องนี้ไปคิดถึงความเป็นไปได้ ถ้ามีเจตนาช่วยเหลือชาวนา เกษตรอย่างแท้จริง และต้องระวังไม่ให้ถูกเจ้าสัว พ่อค้า เสนอผลประโยชน์ให้เลิกคิด
ระบบนี้ ถ้าได้ผล ย่อมใช้ได้กับพืชผลทุกประเภท โดยตั้งบริษัทร่วมค้าเพื่อต่อรองกับผู้ซื้อต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นช่วงตลาดของผู้ซื้อ หรือผู้ขาย ทุกฝ่ายมีผลประโยชน์ร่วมกัน เมื่ออ้อยใช้ได้ พืชอื่นๆ เช่นข้าวโพด ยางพารา มันสำปะหลัง ฯลฯ ย่อมต้องใช้ได้เช่นกัน
นี่ไม่ใช่การฝันเฟื่อง ใครมีอำนาจหน้าที่ลองนำไปคิดพิจารณาดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ เพราะเหตุใด หรือมีวิธีทางเลือกอื่นดีกว่าก็ว่ามา หรือเดินหน้าทำให้ชาวนาเห็นผลลืมตาอ้าปากได้ในชาตินี้
ยังดีกว่าบ้าน้ำลาย โม้ไปวันๆ ถ้ามีอำนาจแล้วไม่ใช้อำนาจเพื่อจัดการกำจัดทุกข์ สร้างสุข ให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีกว่าแล้วจะอยู่ยาวไปเพื่ออะไร หรือให้ชาวบ้านสงสัยว่าต้องการผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
ผู้นำรัฐบาลมาแล้วก็ไปด้วยความมั่งคั่ง ประชาชนยังต้องทนทุกข์อยู่อีกนาน