ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เริ่มจะทานกระแสไม่ไหว หนักๆ เข้า จะเอาไม่อยู่เหมือนกัน สำหรับปมร้อนความไม่ชอบมาพากลในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ประเด็นที่สังคมเคลือบแคลงสงสัย ณ วันนี้ยังไม่ได้รับคำตอบ
การสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กระทรวงกลาโหมที่มี “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ยังมะงุมมะงาหราจนดูเป็นการพิธีกรรมเตะถ่วงกันเสียมากกว่า ไม่ค่อยจริงจังเร่งรีบไขคำตอบที่ประชาชนคาใจสักเท่าไหร่
ทำมาทำไป ยังมีความพยายามจะนำเรื่องร้อนๆ ไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สังกัดกระทรวงยุติธรรม ที่มีอำนาจสอบสวนแค่ข้าราชการระดับล่างๆ หากเป็นทหารสอยได้แค่ยศพลตรีลงไป อำนาจหน้าที่จำกัดกว่าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เยอะ โดยเฉพาะความศักดิ์สิทธิ์ต่างกันสุดขั้ว
กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาฉันใดก็ฉันนั้น ดูเหมือนเป็นความพยายามในการตัดตอนไม่สอบสวนสาวลึกไปถึงพวกใหญ่ ระดับ“บิ๊ก” คล้ายตั้งใจจะเล่นแค่ปลาซิวปลาสร้อย โดยเฉพาะพวกที่เตลิดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น “เสธ.โต” พล.ต.สุชาติ พรมใหม่ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และ “เสธ.โจ้” พ.อ.คชาชาต บุญดี ที่ส่อแววจะโดนโอนความผิดทุกอย่างไปให้ทั้งหมดแบบไม่เต็มใจ เพราะถึงอย่างไรเสียก็คงไม่มีทางออกมาแก้ตัวแก้ต่างแล้ว
ในสายตาคนเสื้อแดง ปมร้อนราชภักดิ์หากเปรียบเทียบกับคดีรับจำนำข้าวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรแล้ว เขาบอกว่า เกิดความเหลื่อมล้ำกันอย่างชัดเจน คดีของยิ่งลักษณ์โดนจัดหนัก กระทืบกันสุดแรงเกิด ทั้งที่คดียังไม่ถึงที่สุด ยังค้างเติ่งอยู่ในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขณะที่กรณีราชภักดิ์ป่านฉะนี้ยังสอบไม่เสร็จเฉกเช่นเดียวกัน แต่กลับห้ามใครแตะต้อง ท่องสูตรให้รอผลสอบอย่างเดียว
เจออย่างนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ใบ้กิน พูดไม่ออกเหมือนกัน ระวังคนนินทาเหอะว่า พอเรื่องคนอื่น ถล่มแหลก เล่นกันสุดซอย แต่พอเรื่องตัวเองกลับทำเกี้ยเซี้ยะ ทำประหนึ่งว่าธุระไม่ใช่
ทำเป็นเล่นไป เรื่องนี้ซัดเรือแป๊ะแตกกระจายกลางมหาสมุทรได้แน่นอน เพราะเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นรัฐบาลไหนก็อยู่ไม่ได้ พังทุกชุด แล้ววันนี้ฉาวโฉ่สุดกู่ คนรู้คนเชื่อทั่วบ้านทั่วเมืองว่ามีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นแล้ว หากปล่อยให้อึมครึม หวังว่าเรื่องจะเงียบหายไปเอง หรือหวังว่าจะมีทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์อื่นมากลบแย่งซีน ถือว่าคิดผิดถนัด
วันนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนก็ช่วยไม่ได้ นอกจากการจัดการที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด หากบอกสะอาดโปร่งใสต้องควักไส้ออกมาโชว์ให้เห็นทุกขด เปิดเผยกันให้จะๆ รายรับ - รายจ่ายเป็นอย่างไร เงินทองไปตกหล่นตรงไหนบ้าง ที่สำคัญอย่าเอาทหารมาตรวจสอบ เพราะคนไม่เชื่อถือเรื่องทฤษฎีแมลงวันตอมแมลงวัน ตรวจสอบกันเอง มันดูเป็นการลูบหน้าปะจมูก เล่นละครตบตาประชาชนเสียมากกว่า
ต้องเอาคนภายนอกเข้ามาเพื่อให้เกิดความสบายใจ ป.ป.ช.ต้องกระโดดเข้ามาในฐานะองค์กรปราบโกง อย่ามัวพินอบพิเทา เกรงใจทหาร สั่งแสวงหาข้อเท็จจริง ตั้งอนุกรรมการไต่สวนให้มันรู้ดำรู้แรงกันไปเลย ถ้าไม่มีความอิสระจริงตามสังกัดหน่วยงานที่ระบุ ทำงานตามกระแส ทำงานตามบริบทการเมือง ก็ยุบทิ้งไปเถอะ ไม้หลักปักขี้เลนใครก็เป็นได้ ไม่ต้องไปเสียเวลาสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ทรงเกียรติ ที่ไหนมาเป็นหรอก เอาไอ้อู๊ด กับ ไอ้แอ๊ด มาเป็นก็เหมือนกัน
และในเมื่อคสช.ประกาศตัวตั้งแต่เข้ามาแล้วว่า เป็นคนดี เข้ามาปฏิรูป กวาดล้างคนโกง เมื่อถึงคราวเจอเข้ากับตัวเอง ก็ต้องแอ่นอกสามศอกให้ความร่วมมือเช่นเดียวกัน หากเป็นทองแท้จะไปกลัวทำไมกับแค่ไฟลน
สำหรับรัฐบาลยุคปฏิรูป ที่มีการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นวาระแห่งชาติ ไม่ว่าโครงการไหนต้องถอนรากถอนโคนให้หมด ขึ้นชื่อว่า โกง ไม่ว่าโครงการไหน บาทเดียว ร้อยล้านบาท สิบล้านบาท ก็ชั่วเหมือนกัน
ตอนนี้รัฐบาลเหมือนคลำหาทางออกไม่เจอ กลับไม่ได้ไปไม่ถึง ยุ่งเหยิงเป็นลิงแก้แหกันอยู่ ทั้งหลายทั้งปวงล้วนมาจากการเคลียร์ไม่ชัด อธิบายไม่หมดจด ปล่อยอย่างนี้ถึงอย่างไรก็ไม่จบ เท่านั้นยังไม่พอ ยังมาโดนข้อครหาว่าปิดกั้นการตรวจสอบ เหมือนวัวสันหลังหวะระแวงไปหมดทุกด้าน
แค่นักศึกษาจัดอีเวนต์นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ยังอุตส่าห์ตามไปบล็อก ไปตัดโบกี้ ก็ยิ่งทำให้คนคิดว่า ตกลงไม่ให้ไป เพราะเป็นกลัวคนจะรู้ความจริงหรือไม่อย่างไร แทนที่จะปล่อยๆ ไป ประเด็นจะไม่ใหญ่โตขนาดนี้เลย
น่าสนใจว่ากลุ่มประชาชนที่ออกไปต่อต้านนักศึกษา ตะโกนเย้วๆ กันอยู่จนเกือบปะทะก็โดนตั้งข้อสังเกตว่า เป็นทหารจำแลงมาหรือไม่ เดินแถวตรงเป็นระเบียบเรียบร้อยดีเหลือเกิน เอ้า ซ้าย..หัน!!!
การตัดสินใจแก้ปัญหาหลายครั้งพลาดมหันต์ ขยับแต่ละครั้งเข้าเนื้อตลอด อย่างหนนี้ไปล็อกตัวนักศึกษา แต่กลับกลายเป็นว่า ภาพออกมาโดนประจานเรื่องสองมาตรฐานแทน ขนาดเอกอัครราชทูตอังกฤษที่ไม่ค่อยทำตัวแสบเหมือนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ยังออกมาเหน็บแนมซะแสบไปถึงง่ามขา บริหารจัดการปัญหาแบบนี้รับรองถ้าไม่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมีแต่เสื่อมและอ่วมอรทัย เพราะโครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ เป็นสิ่งที่ประชาชนชาวไทยเทิดทูน แต่กลับปล่อยให้มามีเรื่องอื้อฉาวในยุคทหาร
ไม่รีบแก้ ไม่รีบสะสาง กลิ่นคาวยิ่งจะเหม็นคลุ้งขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีการแฉกันออกมาว่า เงินบริจาคส่วนหนึ่งเป็นผลงานของกรมรักษาดินแดนผ่านการเรี่ยไรจากนักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) คนละ 100 บาท หรือจะเรียกว่าเป็นแกมบังคับก็ไม่ผิดเพราะมีโปรชั่นให้นศท.คนนั้นๆ แรกๆ ให้กันอุ่นหนาฝาคั่ง เพราะงานใหญ่ได้บุญ แต่พอรู้มีแอบแฝงเอาเงินไปเขมือบ เสียความรู้สึกกันระงมเขาชนไก่
วิธีแก้ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถ นั่นคือ ต้องรีบจัดการให้ทุกอย่างชัดเจน อธิบายสังคมได้ทุกแง่มุม ใครผิดต้องฟันให้หมด ไม่ต้องสนญาติโกโหติกา รีบผ่าเนื้อร้าย แม้เสียแขนขาก็เพื่อรักษาร่างกายเอาไว้ ถ้ายังคิดแต่ในมิติปกครองโดยใช้ระบบยักษ์ถือกระบองแบบทหาร ต่อให้ปกครองได้จริง แล้วรัฐบาลจะอยู่อย่างไร
อย่าปล่อยให้กงล้อประวัติศาสตร์หมุนไปเหมือน 6 ตุลา 19 ที่คนรู้สึกรับไม่ไหว เมื่อรัฐบาลไม่ยอมก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายเข้าสู่กลียุค เพียงแต่งวดนี้ไม่ต้องหนีเข้าป่า แต่เหินฟ้าไปต่างประเทศแทน