ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กตู่"โยน "บิ๊กโด่ง" คิดเองออกไม่ออกกรณีพบทุจริตอุทยานราชภักดิ์ พร้อมเรียก "บิ๊กหมู" พบด่วน เผย "อุดมเดช-เจ้ากรมการเงิน ทบ." เข้าให้ข้อมูลคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว คาดสรุปผลได้ก่อนสิ้นปี ป.ป.ช. ยันถ้าเข้าหลักเกณฑ์ไม่มียั้งมือ "เต้น"โวยถูกทหารคุกคาม ตำรวจออกหมายจับ "พ.ต.ท.ธนบัตร" แก๊ง สว.เอี๊ยดแล้ว พบ 3 นายทหาร-ตำรวจเผ่นหนีออกนอกประเทศ ศาลฎีกานักการเมืองไม่อนุญาต "ปู" ไปนอก ตามคำอ้างรัฐสภายุโรปเชิญให้ไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสถานการณ์ในไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 05.45 น. วานนี้ (2ธ.ค.) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากประเทศฝรั่งเศส กรณีมีการเรียกร้องให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่มีกระแสข่าวการทุจริตว่า ก็ไปบอกเขาซิ ทุกอย่างต้องว่าไปตามขั้นตอน เขาคิดเป็น แต่บางคนคิดไม่เป็น กฎหมายยังไม่รับเลย อันนี้เขาคิดเองได้ ให้เขาตรวจสอบ ผมไม่ได้ไปห้ามซักอัน การตรวจสอบมีขั้นมีตอน แล้วไปเปรียบเทียบกับอีกคดี คดีนั้นมีขั้นตอนหรือไม่ เมื่อมีขั้นตอน แล้วทำไมไม่ให้เรื่องนี้มีขั้นตอนบ้าง
เมื่อถามว่า แสดงว่า ควรรอให้ผลสอบออกมาก่อน ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วแต่เขา มันอยู่ที่การพิจารณาของเขา
ถามอีกว่า หากพล.อ.อุดมเดช ลาออกจะกระทบรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กระทบอะไรล่ะ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามจ้องจะเขย่า คสช. นายกฯ กล่าวว่า แล้วสื่อจะไปเขย่าให้เขาทำไม ไม่มีปัญหา คสช. มีทั้งกองทัพ 4 กองทัพ พอหรือไม่
ต่อมาเวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล และได้เรียกพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. เข้าพบเป็นการด่วน ใช้เวลาหารือประมาณ 25 นาที ก่อนที่ขบวนรถของพล.อ.ธีระชัย จะเดินทางกลับออกจากทำเนียบฯ ไปอย่างเร่งรีบ โดยไม่ได้สัมภาษณ ซึ่งมีการคาดหมายกันว่าน่าจะมีการหารือเกี่ยวกับปัญหาอุทยานราชภักดิ์ ที่พล.อ.อุดมเดช เป็นประธานคณะกรรมการก่อสร้าง
**สรุปผลสอบราชภักดิ์ก่อนปีใหม่
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการดำเนินโครงการอุทยานราชภักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการฯ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเริ่มทยอยเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลแล้ว ซึ่งทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และคณะกรรมการฯ ตั้งเป้าที่จะดำเนินการสอบสวนให้เรียบร้อยก่อนสิ้นปีนี้
มีรายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 30 พ.ย. คณะกรรมการฯ ได้เชิญ พล.อ.อุดมเดช มาสอบถามข้อมูลรายละเอียดการดำเนินการแล้ว และเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ได้เชิญ พล.ต.ชูชาติ สุกใส เจ้ากรมการเงินทหารบก มาสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเลขทางการเงินแล้วเช่นกัน
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก ทบ. กล่าวว่า ทบ. ยืนยันในความโปร่งใสในการดำเนินโครงการอุทยานราชภักดิ์ แต่ก็พร้อมสนับสนุนกระบวนการไขข้อสงสัยของสังคม ซึ่งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการประสานในเรื่องของข้อมูลมาได้ตามช่องทางของทางราชการ เพื่อให้กระบวนการคลี่คลายข้อสงสัยเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น แต่อยากขอความร่วมมือในการนำเสนอข้อมูลใดๆควรอยู่ในกรอบแบบธรรมเนียมมารยาทที่เหมาะสม ไม่อยากให้มีการนำเสนอข้อมูลในลักษณะเป็นการชี้นำด้านความรู้สึก ควรใช้สติรับฟังข้อมูลอย่างมีเหตุผลรอบด้าน เชื่อว่าใช้เวลาสักระยะหนึ่งข้อสงสัยต่างๆ ก็จะได้รับการคลี่คลายอย่างแน่นอน
**ยัน"อุดมเดช-ธีรชัย"ไม่เกาเหลา
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า รัฐบาล คสช. และกองทัพ ยังมีความเป็นเอกภาพ ความสัมพันธ์ยังดี ไม่มีใครโกรธใคร ส่วนความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.อุดมเดช กับ พล.อ.ธีรชัย ตนคิดว่าไม่มีอะไร ทั้งสองคนไม่ได้ขัดแย้งกัน
เมื่อถามว่า ได้ให้กำลังใจ พล.อ.อุดมเดช หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ต้องให้กำลังใจ เขาก็รู้ว่าเป็นอย่างไร และสามารถตัดสินใจเองได้ ซึ่งท่านก็ให้กำลังใจตนเองได้ ซึ่งผมคิดว่าหนังสือพิมพ์ชอบไปพาดหัวข่าว เขียนเอง เออเองทั้งนั้น
สำหรับกรณีที่แกนนำมวลชนพยายามออกมาเคลื่อนไหว ได้อธิบายพูดคุยไปแล้ว ทุกคนก็เข้าใจ และขอให้เวลารัฐบาล และ คสช. ทำงานก่อน ส่วนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ออกคลิปผ่านยูทูปอวยพรปีใหม่ โดยเนื้อหาระบุว่า ขอให้คืนประชาธิปไตย เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะคาดว่าปีหน้า ภาวะเศรษฐกิจจะหนักขึ้นนั้น ยังไม่ได้ดูคลิปดังกล่าว แต่ประชาธิปไตย เราก็คืนให้อยู่แล้ว และที่ว่าเศรษฐกิจไม่ดี ก็ไม่เป็นไร เพราะรัฐบาลและ คสช. ได้ช่วยกันดูอยู่แล้ว
**ป.ป.ช.โต้ครหาไม่กล้าตรวจสอบทหาร
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่ มีหลายฝ่ายปรามาส ป.ป.ช. ไม่กล้าเข้าไปตรวจสอบทหารในเรื่องนี้ว่า ไม่เลย เพราะทุกเรื่องที่ ป.ป.ช. ทำ มีหลักเกณฑ์อยู่ หากยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ ก็ไม่สามารถเข้าไปทำได้ ทุกเรื่องเป็นแบบนี้หมด ไม่ว่าจะเป็นยุคไหน หรือรัฐบาลไหน เป็นแบบนี้มาตลอด แต่ต่อไป หากผลสอบสรุปว่าเข้าข่ายทุจริต ก็จะทำตามหน้าที่แน่นอน
**"เต้น" โวยถูกทหารคุกคามหนัก
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า เกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา มีทหารในเครื่องแบบขับรถฮัมวี่ มาถ่ายรูปที่บ้านตนทุกวัน แต่หลังจากตนประกาศว่าจะเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา แล้วถูกควบคุมตัว และเมื่อถูกนำตัวมาส่งที่บ้าน ก็พบว่าฝ่ายความมั่นคงยกระดับการใช้อำนาจมากขึ้น มีการคุกคามกันอย่างชัดเจน มีรถหลายยี่ห้อมาจอดตลอด 24 ชั่วโมง จอดสลับกัน มีชายฉกรรจ์ไม่แต่งเครื่องแบบ 2 คนนั่งประจำการ ทุกคนที่เข้าออกบ้าน ไม่เว้นกระทั่งลูกๆ ก็จะถูกคนกลุ่มนี้ออกมาถ่ายรูป และล่าสุด ภรรยาออกไปส่งลูกไปโรงเรียน ก็มีรถขับตามไป ไม่อยากเชื่อว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นโดยผู้มีอำนาจ
** "ราชภักดิ์"เทียบเคียงจำนำข้าวไม่ได้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีโครงการราชภักดิ์ว่า จะนำไปเทียบเคียงกับคดีรับจำนำข้าวไม่ได้ เพราะตรงนั้น ไม่มีเงินอื่นมาเจือปน แต่เรื่องนี้ซับซ้อน จึงอยากให้มีการชี้แจงว่าส่วนใหญ่เป็นเงินส่วนอะไรบ้าง ความบกพร่องเกิดขึ้นส่วนไหน อะไรบ้าง เชื่อว่าในไม่ช้า จะมีการชี้แจง เขากำลังตรวจสอบกันอยู่ ซึ่งคนตรวจก็คงงง ขอเวลาให้เขาหน่อย ตนเห็นใจ แต่สุดท้ายต้องมีคำตอบให้กับคนที่สงสัย จะผิดหรือไม่ผิด ไม่สำคัญ ต้องมีคำตอบออกมาให้คนเห็น และได้รับทราบ
***ออกหมายจับ "พ.ต.ท.ธนบัตร"
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ10) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับขบวนการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์ ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้อนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.ธนบัตร ประเสริฐวิทย์ รองผกก.1 บก.ปคม.แล้ว หลังพบว่าได้ร่วมกับพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด อดีต สว.ปอท. กระทำผิดในการแอบอ้างหาผลประโยชน์จากบริษัทเอกชนในการสั่งผลิตสิ่งของต่างๆ ซึ่งขณะนี้ทราบว่ายังไม่มีการควบคุมตัว แต่หลังจากนี้ ผู้บังคับบัญชาต้องพิจารณาโทษทางปกครอง อาจพักราชการหรือให้ออกจากราชการต่อไป โดยจากนี้เมื่อถูกแจ้งข้อกล่าวหาต้องคดีอาญาแล้วทาง พ.ต.ท.ธนบัตร ต้องเข้ารายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชาต่อไป
สำหรับกระแสข่าวที่จะออกหมายจับ พล.ต.ต. รายหนึ่งจากกรณีเคลื่อนย้ายเสาสัญญาณของตำรวจสื่อสารจากพื้นที่ย่านบางชัน มาติดตั้งบนอาคารตึกใบหยก ย่านประตูน้ำ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับเช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ที่มีกระแสข่าวออกมา แต่อาจมีการออกหมายเรียกก่อน ซึ่งแล้วแต่ดุลพินิจของพนักงานสอบสวน แต่ก็เป็นไปได้ที่จะออกหมายจับได้เลย เท่าที่ตนทราบก็เป็นกรณีเกี่ยวกับการติดตั้งเสาสัญญาณวิทยุ สอดคล้องตามที่สื่อมวลชนเสนอข่าวไปแล้ว แต่ไม่ขอพูดในรายละเอียดตราบใดยังไม่มีเอกสาร
***เผยผู้ต้องหาเผ่นหนีออกนอกประเทศ
พล.ต.อ.เดชณรงค์ กล่าวว่า ส่วนการติดตามตัวอดีตตำรวจและทหารที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ มีข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการว่านอกจากนายคชาชาต บุญดี อดีตนายทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 3 ที่เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ยังพบ พล.ต.สุชาติ พรหมใหม่ นายทหารคนสนิทของ พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร รมช.กลาโหม รวมทั้ง พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร อดีต ผกก.2 ป. และ พ.ต.ท.ธรรมวัฒน์ หิรัณเลขา อดีตรอง ผกก.2 ป. ที่ถูกออกหมายจับในความผิดตามมาตรา 112 ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว โดยเชื่อว่าเป็นการเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติ ไม่ได้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและไม่ทราบว่าหนีไปอยู่ด้วยกันหรือไม่ แต่ตำรวจมั่นใจว่าจะติดตามจับกุมตัวมาได้
***ศาลห้าม"ปู"เดินทางไปฝรั่งเศส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีรัฐสภายุโรปส่งหนังสือเชิญถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และจำเลยในคดีโครงการรับจำนำข้าว เพื่อขอให้ไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม หรือเมืองสตราสบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส ตามแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะสะดวก
ล่าสุดวานนี้ (2 ธ.ค.) แหล่งข่าวจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ระบุว่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มอบอำนาจให้ทนายความมายื่นคำร้อง พร้อมหลักฐานเป็นหนังสือเชิญจากรัฐสภายุโรปต่อศาลฎีกาฯ เพื่อขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศตามหนังสือที่ได้รับเชิญ ต่อมาองค์คณะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีนี้ยังไม่มีเหตุอันควร จึงไม่อนุญาตตามคำร้อง
ทั้งนี้ ตามกำหนดในวันที่ 15 ม.ค.2559 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดไต่สวนพยานโจทก์ครั้งแรกในคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด (ในขณะยื่นฟ้อง) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลย ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลให้รัฐได้รับความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท