ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -อยู่เฉยๆ ยังดีเสียกว่า คอการเมืองว่างั้น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และบรรดาลิ่วล้อ ออกมาเผยแพร่จดหมายที่อ้างว่า มาจากรัฐสภายุโรปเชิญตัวอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมืองกันที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม หรือที่เมืองสตาสบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส ก็ได้
แรกๆ ทำเอาแตกตื่นกันไปพัก เหมือนเป็นการหักหน้า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กลายๆ เพราะเนื้อหาในจดหมาย เหน็บแนมประเทศไทยเสียสุนัข โดยเฉพาะรัฐบาลทหารที่ล้มเหลว ทั้งที่เป็นแค่ “จดหมายเชิญ”
แต่ตกอกตกใจกันไม่ถึงข้ามคืน จากจดหมายเชิญถูกลดค่าเป็นแค่กระดาษไว้สำหรับแต่งนิทาน 1 แผ่น เมื่อหลายฝ่ายออกมาตั้งข้อสังเกตถึงความพิรุธในจุดต่างๆ ในจดหมาย ตั้งแต่การใช้คำเรียก ยิ่งลักษณ์ว่า “Khun” ที่ส่วนใหญ่จดหมายทางการแบบนี้จะต้องใช้ “Ms” ดูน่าจะเหมาะสมกว่า มันเลยสะท้อนให้เห็นว่า จดหมายฉบับนี้เป็นเหมือนการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างผู้ส่ง และผู้รับ บ่งบอกให้เห็นว่าคนเขียนมีความสนิทสนมกับผู้รับเป็นอย่างดี
ตลกร้ายกว่า ระดับรัฐสภายุโรปจะนัดทั้งที ส่งจดหมายมาแต่ไม่ยอมระบุ วัน เวลา ให้แน่ชัดว่าจะคุยวันไหน ตกลงจะให้ ยิ่งลักษณ์ส่งจดหมายตอบกลับไปไปนัดสถานที่เอง หรืออย่างไร ส่งกันไปกันมา ระดับรัฐสภายุโรปมีสถานะระดับโลก ไม่น่าจะทำงานกันมักง่ายขนาดนี้ ขำไม่ออกตรงเมืองที่จะเชิญให้ไปคือ บรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม กับเมืองสตราสบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส สองประเทศที่กำลังมีเรื่องก่อการร้ายอยู่ ยิ่งลักษณ์กลับไม่ได้เช็กสถานการณ์เลยหรือว่ามันสอดคล้องสมจริงหรือไม่
ไม่นับรวมกรณีที่มีการแฉ ประวัติ “Elmar Brok” บุคคลที่ลงนามในจดหมายเชิญยิ่งลักษณ์ ที่ต่อมามีการไปขุดประวัติพบว่า ฉาวโฉ่มากมาย เป็นเสือผู้หญิงตัวเอ้ หนำซ้ำยังเป็นล็อบบี้ยิสต์ตัวยงคนหนึ่ง จึงพอเห็นที่ไปที่มาของจดหมายฉบับนี้กันแล้วว่ามันน่าจะมีจุดเริ่มต้นมาอย่างไร อย่าลืมว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นหนึ่งในคนที่เลี้ยงล็อบบี้ยิสต์มือดีไว้ทั่วโลก เพื่อไว้ใช้กดดันประเทศไทย ตั้งแต่ระดับรัฐมนตรี คอลัมนิสต์ และอื่นๆ อีกเพียบ
แม้แต่การพูดให้ร้ายประเทศไทยที่เกาหลีใต้ในช่วงที่ผ่าน ยังมีกระแสเลยว่า มีความพยายามในการล็อบบี้เพื่อให้ทักษิณมีเวทีพูด ซึ่งเป็นเวทีที่คนดังของโลกเข้าร่วม
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นของลูกหาบและลิ่วล้อ จึงได้กลายเป็นกระแสตีกลับมาสู่ตัวยิ่งลักษณ์อีกครั้ง กลายเป็นการจุดประเด็นให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปรุมยำ ค่อนแคะ ถากถาง ถึงความอ่อนหัดกันสนุกปาก แล้วยังเป็นการทำลายเครดิตของตัวยิ่งลักษณ์เอง จากก่อนหน้านี้ที่มีการเดากันว่า เธอจะอยู่สู้เหมือนกับอองซาน ซูจี เพื่อให้ปรากฏภาพ ระหว่างอดีตผู้นำผู้หญิงกำลังเดินเข้าคุกต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจนโจษจันไปทั่วโลก
แต่ที่สุดแล้วก็ไม่ต่างจากอีกหลายคนคือ ไอ้เสือเผ่น !
นาทีนี้มีแต่คนขำมากกว่าสงสาร พร้อมกับสมเพชทีมงานรอบๆ กายเธอที่มักแต่จะสร้างเรื่อง สร้างปัญหาให้เธอไม่หยุดหย่อน หลายยุทธศาสตร์ต้องพังเพราะคนข้างกายไม่รู้เท่าไหร่ สู้เอาเวลาไปทอดผ้าป่า ทอดกฐิน ที่เที่ยวตะลอนตามต่างจังหวัดเสียยังเข้าท่ากว่ามาทำแบบนี้
อย่างไรก็ดี เจตนาในการเอาจดหมายเชิญมาเผยแพร่ในช่วงนี้ เห็นได้ชัดว่า ฝั่งยิ่งลักษณ์ต้องการวัดใจ คสช.ลองของดูว่า จะให้หรือไม่ จะเห็นว่าจั่วหัวจดหมายมาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมแล้ว แต่ลูกหาบยิ่งลักษณ์ เพิ่งเอามาปล่อยในเดือนพฤศจิกายน
นั่นแสดงให้เห็นว่า จงใจปล่อยในช่วงนี้
แน่นอนหนนี้ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ทำขึ้นมาเพื่อต้องการจะหนีในรอบนี้เลย แต่ต้องการหยั่งเชิงคสช.ดูว่าถ้าเป็นระดับรัฐสภายุโรป จะให้หรือไม่ ถ้าไม่ให้ ก็จะมีการเชิญในลักษณะนี้ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเป็นการกดดันคสช. บ่อยครั้งของการไม่ให้ จะกลายเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยว ตัดสิทธิเสรีภาพของยิ่งลักษณ์
ขณะเดียวกัน ยังเป็นการอ่านใจคสช.ว่า ตอนนี้มีท่าทีอย่างไร เพราะการขออนุญาตออกนอกประเทศของยิ่งลักษณ์ อาจเป็นการไปแล้วไปลับเหมือนกับพี่ชาย หากคสช.ให้ นั่นเป็นเหมือนการส่งสัญญาณว่า หลิ่วตาให้หนีได้ เหมือนกับครั้งที่ “อ๊อดถังเช่า” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ใส่ชื่อทักษิณไปร่วมพิธีในงานกีฬาโอลิมปิก แล้วไม่กลับมาอีกเลย
สำหรับยิ่งลักษณ์ แม้ปัจจุบันจะสู้หัวชนฝา สู้ทุกทาง ชนิดเถียงคำไม่ตกฟาก เรียกว่าสู้มากกว่าพี่ชายตัวเองก่อนหนีเสียอีก แต่สุดท้ายก็เชื่อว่า ที่สุดเธอจะต้องระเห็จออกจากประเทศไทยไปอยู่ต่างแดนอยู่ดี มากกว่าจะยอมติดซังเตและกลายเป็นบุคคลล้มละลาย เพียงแต่ช่วงนี้ยังคิดว่ายังมีโอกาสที่จะพลิกเกมกลับมาชนะด้วยมวลชน รอจนกว่าจะแน่ชัดว่า แพ้ราบคาบไม่มีทางชนะแล้ว คอยนั่งเครื่องบินออกทางเชียงราย ที่ว่ากันว่าได้เตรียมหาทางหนีทีไล่กันไว้แล้ว
ยิ่งลักษณ์ จำเป็นต้องสร้างเรื่องในการหาเหตุผลที่จะออกนอกประเทศบ่อยขึ้นแน่ เพื่อกระทุ้งไปเรื่อยๆ ให้คสช.ยอมสักรอบ เพราะคดีรับจำนำข้าวในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็งวดเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งดูแนวโน้มแล้วรอดยาก โอกาสคอขาดสะบั้นมีสูงลิ่ว พอๆ กับการยึดทรัพย์เพื่อเซ่นความพินาศในโครงการรับจำนำข้าว ที่รัฐบาลใส่เกียร์เดินหน้า เตรียมจะออกคำสั่งทางปกครองอยู่อีกไม่กี่วัน สัญญาณจากรัฐบาลค่อนข้างชัดว่า เอาแน่
ส่วนการสร้างเรื่องก็ไม่ยาก เพราะล็อบบี้ยิสต์ของทักษิณพี่ชาย ว่ากันว่าแฝงตัวอยู่ในทุกองค์กร เหมือนที่ ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศ ออกมาให้สัมภาษณ์ฟันเปรี้ยงว่า สมาชิกรัฐสภายุโรปบางคนเล่าให้ฟังว่า ฝั่งนี้ไปล็อบบี้กันหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องจดหมายเชิญ
แต่ต่อไปการขอไม่ง่าย เพราะพวกจับทางได้จากการปล่อยไก่เที่ยวนี้ไปแล้ว!
ทว่ากรณีที่เกิดขึ้น น่าสนใจเหมือนกันว่า ถ้าทางฝั่งยิ่งลักษณ์ ทำได้แนบเนียนกว่านี้ ไม่มีข้อผิดพลาดชนิดให้คนนินทาหมาดูถูกได้อย่างที่ออกมา ฝั่งคสช. จะยอมอนุญาตให้ยิ่งลักษณ์ออกไปนอกประเทศหรือไม่ เพราะเป็นถึงระดับรัฐสภายุโรป เคยออกแถลงการณ์กดดันไทยมาแล้ว แรกๆ หากไม่ให้ คสช.ยังพอแถไปได้ เพื่อความสงบ แต่หลังๆ หากมีการเชิญเรื่อยๆ คสช.ก็อาจเข้าตาจน ต้องยินยอมเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกตราหน้าว่า ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพกันเกินไป
คสช. เลยหัวหมอ โยนให้ศาลฎีกาฯ เป็นผู้ตัดสินใจก่อนว่าจะให้หรือไม่ให้เป็นขั้นแรกก่อน ในฐานะจำเลย ที่มีคดีความสำคัญระดับประเทศ ซึ่งหากศาลไม่ให้โดยมีเหตุผลเรื่องคดี คสช.ก็เบาตัว สบายใจ ไม่ต้องปวดกบาล
แต่หากศาลให้ คสช.ก็ลำบากเหมือนกันหากจะไม่ให้ !