นับวันประเทศไทยน่าสงสารมากขึ้น มองไปข้างหน้ามองไม่เห็นว่าอนาคตจะสดใสยั่งยืนได้อย่างไร ถ้าโครงสร้างโดยรวมยังเป็นแบบปัจจุบัน เว้นแต่พวกมองโลกสวยด้วยตาที่มองภาพพวกนักต้มตุ๋น 18 มงกุฎวาดให้ดู 3 เวลาหลังอาหาร แหกตาคุยโม้คำโตสารพัด
ที่น่าสมเพชเวทนา เป็นเครื่องมือเพื่อแอบอ้างหากินทุกยุค คือชาวนา เกษตรกร ซึ่งโดนสูบเลือดเนื้อมายาวนานหลายทศวรรษ กระดูกสันหลังผุกร่อน ไขสันหลังแทบไม่เหลือ
เป็นระดับคนในสังคมซึ่งต้องเสียอะไรก่อนชนชั้นอื่นๆ ถ้าจะได้อะไรดีบ้างต่อชีวิตลมหายใจก็จะได้ภายหลังคนอื่นๆ เสมอ ทั้งขึ้นทั้งล่อง ทั้งๆ ที่เป็นกลุ่มคนปลูกข้าวเลี้ยงคนร่วมแผ่นดินขายให้ในราคาถูก และเหลือส่งไปขายให้ชาวโลกบริโภคมากกว่า 10 ล้านตัน
เป็นแบบนี้มาหลายชั่วอายุคนชาวนาแท้จริงแทบไม่เหลือแผ่นดินทำกินเป็นของตัวเอง เป็นเหยื่อของธรรมชาติและการเอารัดเอาเปรียบของพ่อค้าคนกลาง ข้าราชการ โดยสภาพแล้วชาวนาเป็นผู้ไม่เคยได้รับการเหลียวแลอย่างจริงจัง กินแค่คำหวานจนเอียน
น้ำแล้ง ไม่มีน้ำสำหรับทุกฝ่ายทั่วประเทศ ชาวนาถูกสั่งให้เว้นการทำนาปรัง นาปีไม่ได้ผลเต็มที่ เมื่อน้ำหลาก ชาวนาต้องบีบให้สละพื้นที่นาข้าวรับน้ำท่วมแทนคนในเมือง ชาวนาจึงมีแต่น้ำใจ และน้ำตา พ่อค้า นักลงทุนสะสมความมั่งคั่งเพื่อกว้านซื้อที่นาผืนใหญ่
กว่าจะรู้ตัวโฉนดที่ดินก็โดนยึดไปเรียบร้อยแล้ว เพราะแรงกดดันจากภาระหนี้สิน ถ้าผู้บริหารบ้านเมืองคอหยักหน้าไหนมาเถียงว่าไม่จริง ยกตัวอย่างให้ดูหน่อยซิว่าทุกวันนี้ชาวนาลืมตาอ้าปากกินอิ่มนอนหลับสบายหรือไม่ มีแต่อ้าปากพะงาบๆ รอวันตายทั้งนั้น
ยิ่งเจอยุคโฉมสะคราญเห็ดบานหวานเยิ้มฉ่ำด้วยแล้ว เงินได้มาก้อนโตชั่วคราวแลกกับการเสื่อมโทรมของโครงสร้างเกษตรกรรมข้าวโดยรวม ไม่คุ้มค่ากับการสูญเสียสายพันธุ์ข้าว ส่วนแบ่งการตลาด ต้นทุนสูงสารพัดยังดีที่แม่นางเผชิญชะตากรรมจนรำพันไม่เลิก
ถ้ายังนั่งยิ้มเยิ้มหวานโชว์เห็ดบานไม่ยอมหุบ ป่านนี้นาข้าวล่มสลายต้องส่งเสริมแกมบังคับให้ชาวนาปลูกเห็ดเอาอย่างแม่นางระบาดไปทั่วประเทศแล้ว แม้จะมาระยะสั้น แต่ความเสียหายเป็นเงินกว่า 7 แสนล้านบาท และยังมีพวกหน้าโง่ทำน้ำท่วมเกือบทั้งประเทศ
ชาวนาไทยได้แต่โดนป้อนคำหวานสามานย์ทุกยุค ทุกวันนี้ยังรอว่าเมื่อไหร่นโยบายที่อ้างว่าจะส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษตกค้าง ระบบเศรษฐกิจพอเพียงจะเป็นจริง มีแต่ข่าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ ส่งเสริมการลงทุน เงินทุนส่งเสริมอุตสาหกรรม เมกะโปรเจกต์
สังคมประเทศไทยคนมีอำนาจ มหาเศรษฐี หาคนดีรักชาติบ้านเมืองแทบไม่มีให้เห็นในประวัติศาสตร์ พวกมีอำนาจ ไม่ว่าจะมาจากการซื้อเสียงซื้ออำนาจ หรือยึดอำนาจ มุ่งแต่การรักษาและเสริมฐานอำนาจ มหาเศรษฐีมุ่งเอาเปรียบกอบโกยทรัพย์สินแผ่นดิน
ถ้าคนมีอำนาจมีความจริงใจ ทำงานเพื่อส่วนรวมแท้จริง มหาเศรษฐีเห็นคุณค่าของคนร่วมแผ่นดิน ระดับรายได้ของคนในประเทศคงไม่ถ่างกว้างจนไม่น่าจะมีวันได้เห็นการขยายตัวของฐานชนชั้นกลาง คนระดับล่างในสังคมหมดโอกาสได้มีบ้านแม้เป็นหลังแฝด ล่าสุดชาวนา ชาวสวน ภาคเกษตรและคนไทยผู้บริโภคพืชผลแทบไม่เชื่อเมื่อได้ข่าวว่าคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติร่างพระราชบัญญัติความปลอดภัยทางชีวภาพ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้เสนอ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ไม่ควรเอามาพิจารณาด้วยซ้ำ
น่าแปลก ข้อเสนอไม่ได้มาจากกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งดูแลการเกษตรโดยตรง อ้างว่าเพื่อควบคุมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ ที่เกี่ยวกับการดัดแปลงตัดต่อพันธุกรรม หรือจีเอ็มโอ ทั้งพืชและสัตว์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อความหลากหลายทางชีวภาพและมนุษย์
ข้อเสนอฟังแล้วดูเหมือนดี อ้างว่าเนื่องจากเทคโนโลยีเกี่ยวกับการตัดต่อพันธุกรรม มีความก้าวหน้าไปมาก แต่ไทยยังไม่มีกฎหมายมาควบคุม จึงจำเป็นต้องออกกฎหมายมา สาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าว จะมีคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งคณะ โดยปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เป็นประธาน เพื่อประเมินผลความเสี่ยงก่อนจะปล่อย พืชและสัตว์ที่มีการดัดแปลงพันธุกรรมออกไปสู่สิ่งแวดล้อม! ขอโทษ แบบนี้ไม่ฉิบหายเรอะ
“หากปล่อยไปแล้วมีความเสียหายผู้ประกอบการต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ใครที่ดำเนินการเกี่ยวกับเทคโนโลยี จีเอ็มโอ ก่อน พ.ร.บ.นี้จะประกาศใช้ จะมีเวลา 120 วันในการขออนุญาต ถ้ายังไม่ได้ดำเนินการต้องทำเรื่องขออนุญาตเสียก่อน!” ฉิบหายอีก!
ในร่างกฎหมายดังกล่าว อ้างว่า “ให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ 1 ปี หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการปรับตัว” แบบนี้แสดงว่า “เอาแน่นอน”
ดูโดยตลอดแล้วเป็นการแฝงเล่ห์ชัดๆ กระทรวงเกษตรฯ ไม่ได้มีส่วนรับรู้เรื่องนี้หรืออย่างไร ดูแล้วเหมือนเป็นการเตรียมการโดยข้าราชการ นักวิชาการ โดยอาศัยความใหม่ของรัฐมนตรี ซึ่งอาจไม่ได้รับรู้ภัยร้ายแรงอย่างละเอียด ประชาชนไม่มีส่วนร่วมรู้เห็นด้วย
นี่เป็นผลความพยายามยาวนานของบริษัทข้ามชาติจากสหรัฐฯ นักวิชาการไทยและข้าราชการขายตัว ผสมกับเงินของนายทุนธุรกิจการเกษตรรายใหญ่ ใช้อำนาจรัฐเพื่อขับดันให้มี “พืชและสัตว์ผีดิบ” บนแผ่นดินไทย โดยอาศัยความโลภของผู้มีอำนาจทุกระดับ
นี่เท่ากับยอมรับให้มี “พืชและสัตว์ผีดิบ” เต็มที่ ในประเทศไทยเคยมีคนทำความเสียหายยอมรับและชดใช้ความเสียหายเมื่อไหร่ มีแต่ค่าโง่ซ้ำซาก และนี่เป็นความแกล้งโง่โดยแฝงเล่ห์ชัดๆ ทำไมต้องทดลอง ฝรั่งยุโรปยังไม่เอา เราเก่งกว่าหรือว่าโลภปนชั่วบัดซบ
แทนที่จะพัฒนาพันธุ์พืชไทยให้ดีดันจะให้มี “พืชและสัตว์ผีดิบ” รัฐบาลลืม “เกษตรอินทรีย์ เศรษฐกิจพอเพียง” แล้วหรือ จึงกระสันหนักให้เกษตรกรรมของชาติหายนะเร็วๆ!
ที่น่าสมเพชเวทนา เป็นเครื่องมือเพื่อแอบอ้างหากินทุกยุค คือชาวนา เกษตรกร ซึ่งโดนสูบเลือดเนื้อมายาวนานหลายทศวรรษ กระดูกสันหลังผุกร่อน ไขสันหลังแทบไม่เหลือ
เป็นระดับคนในสังคมซึ่งต้องเสียอะไรก่อนชนชั้นอื่นๆ ถ้าจะได้อะไรดีบ้างต่อชีวิตลมหายใจก็จะได้ภายหลังคนอื่นๆ เสมอ ทั้งขึ้นทั้งล่อง ทั้งๆ ที่เป็นกลุ่มคนปลูกข้าวเลี้ยงคนร่วมแผ่นดินขายให้ในราคาถูก และเหลือส่งไปขายให้ชาวโลกบริโภคมากกว่า 10 ล้านตัน
เป็นแบบนี้มาหลายชั่วอายุคนชาวนาแท้จริงแทบไม่เหลือแผ่นดินทำกินเป็นของตัวเอง เป็นเหยื่อของธรรมชาติและการเอารัดเอาเปรียบของพ่อค้าคนกลาง ข้าราชการ โดยสภาพแล้วชาวนาเป็นผู้ไม่เคยได้รับการเหลียวแลอย่างจริงจัง กินแค่คำหวานจนเอียน
น้ำแล้ง ไม่มีน้ำสำหรับทุกฝ่ายทั่วประเทศ ชาวนาถูกสั่งให้เว้นการทำนาปรัง นาปีไม่ได้ผลเต็มที่ เมื่อน้ำหลาก ชาวนาต้องบีบให้สละพื้นที่นาข้าวรับน้ำท่วมแทนคนในเมือง ชาวนาจึงมีแต่น้ำใจ และน้ำตา พ่อค้า นักลงทุนสะสมความมั่งคั่งเพื่อกว้านซื้อที่นาผืนใหญ่
กว่าจะรู้ตัวโฉนดที่ดินก็โดนยึดไปเรียบร้อยแล้ว เพราะแรงกดดันจากภาระหนี้สิน ถ้าผู้บริหารบ้านเมืองคอหยักหน้าไหนมาเถียงว่าไม่จริง ยกตัวอย่างให้ดูหน่อยซิว่าทุกวันนี้ชาวนาลืมตาอ้าปากกินอิ่มนอนหลับสบายหรือไม่ มีแต่อ้าปากพะงาบๆ รอวันตายทั้งนั้น
ยิ่งเจอยุคโฉมสะคราญเห็ดบานหวานเยิ้มฉ่ำด้วยแล้ว เงินได้มาก้อนโตชั่วคราวแลกกับการเสื่อมโทรมของโครงสร้างเกษตรกรรมข้าวโดยรวม ไม่คุ้มค่ากับการสูญเสียสายพันธุ์ข้าว ส่วนแบ่งการตลาด ต้นทุนสูงสารพัดยังดีที่แม่นางเผชิญชะตากรรมจนรำพันไม่เลิก
ถ้ายังนั่งยิ้มเยิ้มหวานโชว์เห็ดบานไม่ยอมหุบ ป่านนี้นาข้าวล่มสลายต้องส่งเสริมแกมบังคับให้ชาวนาปลูกเห็ดเอาอย่างแม่นางระบาดไปทั่วประเทศแล้ว แม้จะมาระยะสั้น แต่ความเสียหายเป็นเงินกว่า 7 แสนล้านบาท และยังมีพวกหน้าโง่ทำน้ำท่วมเกือบทั้งประเทศ
ชาวนาไทยได้แต่โดนป้อนคำหวานสามานย์ทุกยุค ทุกวันนี้ยังรอว่าเมื่อไหร่นโยบายที่อ้างว่าจะส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษตกค้าง ระบบเศรษฐกิจพอเพียงจะเป็นจริง มีแต่ข่าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ ส่งเสริมการลงทุน เงินทุนส่งเสริมอุตสาหกรรม เมกะโปรเจกต์
สังคมประเทศไทยคนมีอำนาจ มหาเศรษฐี หาคนดีรักชาติบ้านเมืองแทบไม่มีให้เห็นในประวัติศาสตร์ พวกมีอำนาจ ไม่ว่าจะมาจากการซื้อเสียงซื้ออำนาจ หรือยึดอำนาจ มุ่งแต่การรักษาและเสริมฐานอำนาจ มหาเศรษฐีมุ่งเอาเปรียบกอบโกยทรัพย์สินแผ่นดิน
ถ้าคนมีอำนาจมีความจริงใจ ทำงานเพื่อส่วนรวมแท้จริง มหาเศรษฐีเห็นคุณค่าของคนร่วมแผ่นดิน ระดับรายได้ของคนในประเทศคงไม่ถ่างกว้างจนไม่น่าจะมีวันได้เห็นการขยายตัวของฐานชนชั้นกลาง คนระดับล่างในสังคมหมดโอกาสได้มีบ้านแม้เป็นหลังแฝด ล่าสุดชาวนา ชาวสวน ภาคเกษตรและคนไทยผู้บริโภคพืชผลแทบไม่เชื่อเมื่อได้ข่าวว่าคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติร่างพระราชบัญญัติความปลอดภัยทางชีวภาพ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้เสนอ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ไม่ควรเอามาพิจารณาด้วยซ้ำ
น่าแปลก ข้อเสนอไม่ได้มาจากกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งดูแลการเกษตรโดยตรง อ้างว่าเพื่อควบคุมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ ที่เกี่ยวกับการดัดแปลงตัดต่อพันธุกรรม หรือจีเอ็มโอ ทั้งพืชและสัตว์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อความหลากหลายทางชีวภาพและมนุษย์
ข้อเสนอฟังแล้วดูเหมือนดี อ้างว่าเนื่องจากเทคโนโลยีเกี่ยวกับการตัดต่อพันธุกรรม มีความก้าวหน้าไปมาก แต่ไทยยังไม่มีกฎหมายมาควบคุม จึงจำเป็นต้องออกกฎหมายมา สาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าว จะมีคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งคณะ โดยปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เป็นประธาน เพื่อประเมินผลความเสี่ยงก่อนจะปล่อย พืชและสัตว์ที่มีการดัดแปลงพันธุกรรมออกไปสู่สิ่งแวดล้อม! ขอโทษ แบบนี้ไม่ฉิบหายเรอะ
“หากปล่อยไปแล้วมีความเสียหายผู้ประกอบการต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ใครที่ดำเนินการเกี่ยวกับเทคโนโลยี จีเอ็มโอ ก่อน พ.ร.บ.นี้จะประกาศใช้ จะมีเวลา 120 วันในการขออนุญาต ถ้ายังไม่ได้ดำเนินการต้องทำเรื่องขออนุญาตเสียก่อน!” ฉิบหายอีก!
ในร่างกฎหมายดังกล่าว อ้างว่า “ให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ 1 ปี หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการปรับตัว” แบบนี้แสดงว่า “เอาแน่นอน”
ดูโดยตลอดแล้วเป็นการแฝงเล่ห์ชัดๆ กระทรวงเกษตรฯ ไม่ได้มีส่วนรับรู้เรื่องนี้หรืออย่างไร ดูแล้วเหมือนเป็นการเตรียมการโดยข้าราชการ นักวิชาการ โดยอาศัยความใหม่ของรัฐมนตรี ซึ่งอาจไม่ได้รับรู้ภัยร้ายแรงอย่างละเอียด ประชาชนไม่มีส่วนร่วมรู้เห็นด้วย
นี่เป็นผลความพยายามยาวนานของบริษัทข้ามชาติจากสหรัฐฯ นักวิชาการไทยและข้าราชการขายตัว ผสมกับเงินของนายทุนธุรกิจการเกษตรรายใหญ่ ใช้อำนาจรัฐเพื่อขับดันให้มี “พืชและสัตว์ผีดิบ” บนแผ่นดินไทย โดยอาศัยความโลภของผู้มีอำนาจทุกระดับ
นี่เท่ากับยอมรับให้มี “พืชและสัตว์ผีดิบ” เต็มที่ ในประเทศไทยเคยมีคนทำความเสียหายยอมรับและชดใช้ความเสียหายเมื่อไหร่ มีแต่ค่าโง่ซ้ำซาก และนี่เป็นความแกล้งโง่โดยแฝงเล่ห์ชัดๆ ทำไมต้องทดลอง ฝรั่งยุโรปยังไม่เอา เราเก่งกว่าหรือว่าโลภปนชั่วบัดซบ
แทนที่จะพัฒนาพันธุ์พืชไทยให้ดีดันจะให้มี “พืชและสัตว์ผีดิบ” รัฐบาลลืม “เกษตรอินทรีย์ เศรษฐกิจพอเพียง” แล้วหรือ จึงกระสันหนักให้เกษตรกรรมของชาติหายนะเร็วๆ!