ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -สุดสายป่านถึงคราวต้องทางใครทางมัน สู่ตอนจบได้เวลาเผยธาตุแท้ ใครตัวร้าย ใครตัวดี และใครตัวโกง!!!! “CTH” ขุดทุกช่องทาง หักหลังเพื่อนร่วมชะตากรรมก็ต้องทำ เพื่อขาดทุนให้น้อยที่สุด หลังหน้ามืดคว้าพรีเมียร์ลีกมาด้วยมูลค่าหมื่นล้านบาท กรรมตกที่เคเบิลทีวีท้องถิ่นอย่างจัง ที่พร้อมซูฮกกว่า 178 ราย งานนี้น้องจะไม่ทน...!!! สู้ตายไม่ยอมให้ใครมาทุบหม้อข้าวแน่นอน
สะเทือนสะท้านไปทุกวงการ เมื่อครั้นนายวิชัย ทองแตง ปักธงรบขอลุยในธุรกิจเพย์ทีวี เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) เมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งเดิมเป็นบริษัทที่รวมตัวกันก่อตั้งขึ้นมาโดยผู้ประกอบการเคเบิลทีภูธรเพื่อซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ต่างๆ ก่อนที่จะได้สิทธิ์พรีเมียร์ลีก เล่นเอารายใหญ่อย่างทรูวิชั่นส์ตั้งป้อมปราการสุดกำลัง
แต่สุดท้ายหลังเสียงนกหวีดดังขึ้น “CTH” คิกออฟตะลุยสนามเพย์ทีวีอย่างคาดไม่ถึง หอบเงินกว่าหมื่นล้านบาท ซื้อคอนเทนต์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ มาเป็นหัวหอกสำคัญ เพื่อก้าวสู่การยกระดับเคเบิลทีวีท้องถิ่นขึ้นไปอีกขั้น ด้วยหวังว่าการออกตัวแรงครั้งนี้จะแซงทุกโค้ง เบียดเจ้าบัลลังก์ตกเก้าอี้ พร้อมขึ้นแท่นเจ้าตลาดเพย์ทีวีอย่างสง่างาม ยกระดับตัวเองมาสู่การเป็นคอนเทนต์โพรไวเดอร์ และใช้ฐานผู้ชมหลักมาจากเคเบิลทีวีท้องถิ่นก่อน ชูการเข้าถึงพรีเมียร์ลีกในราคาที่คนไทยสามารถรับชมได้ทั่วประเทศ
เปิดเกมอย่างสวยหรูแบบนี้ ใครหน้าไหนจะไม่เห็นด้วย สุดท้ายผู้ประกอบการเคเบิลทีวีกว่า 178 ราย ที่กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยในCTH หรือมีหุ้นรวมกันเพียง 50 ล้านบาท หรือแค่ 0.001% ของทุนจดทะเบียนกว่า 5,000 ล้านบาท ในปัจจุบัน ก็ต้องว่ากันไปตามน้ำ ลอยไปตามทิศทางลมที่นายวิชัย ทองแตง เป็นผู้กำหนดชะตาไว้ โดยไม่เคยคิดว่า ค่าตอบแทน ของความไว้เนื้อเชื่อใจครั้งนี้ จะมาถูกทุบหม้อข้าวตัวเองจนได้
นายวิชิต เอื้ออารีวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญยิ่ง (8888) จำกัด ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่นรายใหญ่ในกรุงเทพฯและพื้นที่ใกล้เคียง ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ราย ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของCTHมาตั้งแต่ต้น ได้เปิดเผยถึงปัญหาที่เรื้อรังมานานว่า การจัดตั้งบริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน)ขึ้นมาในปี 2553 เดิมมีชื่อว่า บริษัท เคเบิลไทยโฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) จำกัด หรือ Cable Thai Holding หรือ CTH เพื่อต้องการแก้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ช่องรายการของผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่น ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท รวมถึงทำให้เกิดความแข็งแกร่งและพลังที่เข้มแข็งขึ้น ส่งผลให้มีการทาบทามให้นายวิชัย ทองแตงเข้ามาถือหุ้นในระยะต่อมา
จนท้ายที่สุดนายวิชัย ทองแตงกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นหลัก พร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนมาเป็น 5,000 ล้านบาท
ที่สำคัญปรับบทบาทเดิมมาเป็น คอนเทนต์โพรไวเดอร์ ด้วยการลงทุนซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลอังกฤษพรีเมียร์ลีกมาเป็นหัวหอกสำคัญในการผลักดันให้เคเบิลทีวีท้องถิ่นยกระดับขึ้นไปอีกขั้น โดยใช้วิธีนำเสนอคอนเทนต์ไปยังสมาชิกของแต่ละเคเบิลโอปอเรเตอร์ที่มีอยู่ และปรับวิธีเก็บข้อมูลต่างๆมาสู่รูปแบบดิจิตอล โดยข้อมูลเหล่านั้นขึ้นตรงกับทางซีทีเอชรายเดียว
“ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา รูปแบบการขยายฐานผู้ชมพรีเมียร์ลีก ที่มาจากสมาชิกเคเบิลทีวีของผู้ให้บริการแต่ละราย จะเป็นลักษณะแบ่งรายได้ร่วมกัน จากการที่ซีทีเอชมาเช่าสัญญาณเคเบิลทีวีเพื่อออกอากาศแพกเกจการรับชมจากซีทีเอช ซึ่งหลักๆมีอยู่ 2 แพกเกจ คือ 1.แพกเกจที่มีพรีเมียร์ลีก ราคา 899 บาท/เดือน 2 ไม่มีพรีเมียร์ลีก ราคา 299-399บาท/เดือน โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่า สมาชิกของตนที่รับชมแพกเกจจากซีทีเอชมีจำนวนกี่ราย ยิ่งไม่สามารถรู้ถึงข้อมูลดังกล่าว ก็ยิ่งไม่สามารถรับรู้ได้ว่าจะได้รับเงินส่วนแบ่งจากซีทีเอชเท่าไร ทำให้ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครที่ได้รับส่วนแบ่งรายได้จากตรงนี้เลย หรือจะมีก็แค่บางรายเท่านั้น จะให้เข้าไปพูดคุยนะหรือ ทางนั้นก็ไม่คุยด้วย ไม่มีสิทธิ์มีเสียง เขาไม่มอง เป็นปัญหาที่ผู้ประกอบการเคเบิลรายย่อยได้แต่หวานอมขมกลืนมาตลอด โดยไม่สามารถทำอะไรได้”
แผลเก่ายังไม่ทันได้เยียวยา ทั้งๆที่ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกที่ได้มากำลังจะหมดลงในเดือนพฤษภาคมปีหน้า อีกทั้งCTH ยังขาดหัวเรือในการนำพาก้าวต่อไปหลังจากพรีเมียร์ลีกจบลง แต่ CTH ยังกระหน่ำซัดหมัดฮุกใส่เคเบิลทีวีแบบไม่ให้ตั้งตัว กัน เลยทีเดียว มาแบบพายุจู่โจมโดยไม่ให้เหตุผล เจตนาจะฮุบเอาอู่ข้าวอู่น้ำมา เป็นของตนเลยทีเดียว ก็พี่เล่นร่อนหนังสือแจ้งสมาชิกที่รับชมแพกเกจ CTH ผ่านระบบเคเบิลทีวีทั่วประเทศตลอดเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ว่าจะยกเลิกสัญญาณ ถ้าสนใจรับชมต่อ ติดต่อ CTH โดยตรง จะมีเจ้าหน้าที่นำกล่องจีเอ็มเอ็มแซทไปติดตั้งให้แทน
ส่วนเจ้าของเคเบิลทีวีต่างตกอกตกใจรับรู้ไปพร้อมสมาชิกที่แจ้งเข้ามา และมารับรู้อย่างเป็นทางการ จากหนังสือที่ทาง CTH แจ้งถึงผู้ประกอบการเคเบิลทีวีโดยตรงหลังจากนั้นในช่วงปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา โดยแจ้งให้ทราบแบบเดียวกัน คือจะยกเลิกแพกเกจCTH ในระบบเคเบิลทีวีและไม่ให้เหตุผลว่าเพราะสาเหตุใด โดยจะมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 12 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
ขณะที่ผู้ให้บริการเคเบิลทีวีท้องถิ่นเริ่มแจ้งให้สมาชิกรับทราบและเปลี่ยนสัญญาณรับชมช่องรายการต่างๆมาอยู่ในระบบเคเบิลทีวีแล้วตั้งแต่ต้นเดือนพฤจิกายนที่ผ่านมา
เหตุผลของแผนลับ ลวง หลอก ของ CTH ที่สวมบทบาทตัวร้ายแบบจัดเต็มไม่แคร์ใคร ในวันนี้ ไม่มีใครตอบได้ แต่จากที่ประเมินสถานการณ์แล้ว มีความเป็นไปได้ว่า CTH คงมาถึงทางตันแล้วจริงๆ จากการที่ขาดทุนจากพรีเมียร์ลีก
อีกทั้งหลังจากนี้ยังต้องหาทิศทางลมให้เจอเพื่อที่จะไปต่อให้ได้ ในวันที่ไม่มีพรีเมียร์ลีกแต่ยังมีกล่องจีเอ็มเอ็มแซทในมือ จึงยอมที่จะหักหลังพันธมิตรผู้จุดประกายไฟ จนทำให้มายืนอยู่ในจุดที่สูงสุดในวันนี้ เมื่อไม่มีพรีเมียร์ลีก รายได้ของCTH จึงยิ่งต้องประคับประคองให้ดี และทำให้ดีที่สุด นั่นอาจจะเป็นกุญแจไขความกระจ่างได้ว่า ทำไม CTH จึงยอมปักมีดลงกลางหลังเคเบิลทีวีแบบนี้ นั่นเพราะไม่ต้องการแบ่งรายได้ ทั้งๆที่ก็ไม่เคยแบ่งให้อยู่แล้ว และเพื่อความแน่นอนมากที่สุด ต้องยึดฐานผู้ชมมาอยู่บนแพลตฟอร์มจีเอ็มเอ็มแซทของตนให้มากที่สุด เพื่อเป็นฐานสำคัญของการหารายได้ในอนาคต สู่แผนสองที่ CTH คงจะซุ่มเตรียมไว้มาสักระยะแล้ว อย่างน้อยนั่นอาจจะเป็นส่วนหนึ่งเพื่อนำไปสู่การเป็นพันธมิตรนำพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่มาออกอากาศในอนาคตก็เป็นได้
สุดท้ายเกมนี้ เคเบิลทีวีกลายมาเป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุดอีกตามเคยและกลับมายืนอยู่ในจุดเริ่มต้นอีกครั้ง ซ้ำด้วยการมาพร้อมรอยแผลที่ยังใหม่และสด ที่สำคัญแผลนี้ต้องได้รับการเยียวยา แก้ไขและพร้อมยึดคืนสมาชิกของตน โดยล่าสุดทางกลุ่มผู้ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่น ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อเจรจากับทาง CTH เกี่ยวกับความเสียหายที่ยกเลิกสัญญาณ รวมถึงรายได้ตลอด 3ปีที่ควรพึงได้ ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่ามีมูลค่าสูงถึง 1,000 ล้านบาท จากตัวเลขที่ประมาณการณ์ไว้ว่า ฐานสมาชิกที่รับชมเคเบิลทีวีท้องถิ่นทั่วประเทศน่าจะมีสูงถึง 4-5 ล้านครัวเรือน และกว่า 400,000-500,000 ครัวเรือน ชมแพกเกจ CTH ผ่านเคเบิลทีวี
แต่ทั้งนี้หากCTH ไม่ยอมเจรจา งานนี้กลุ่มเคเบิลทีวีพร้อมดำเนินการจนถึงที่สุด คณะกรรมการทำงาน จะถูกปรับมาเป็น คณะกรรรมการด้านกฎหมายต่อสู้กันจนถึงที่สุด เพื่อรักษาอู่ข้าวอู่น้ำที่ลงแรงมาทั้งชีวิตเอาไว้ให้ได้
ท้ายที่สุด” หัวใจหลักของเรื่องนี้ เกิดจากฟุตบอลอังกฤษพรีเมียร์ลีกเป็นสำคัญ ผู้ถือลิขสิทธิ์เปลี่ยนมือ กลไกลตลาดและทิศทางเพย์ทีวีก็ต้องปรับตัวตาม ใครตั้งรับทัน คือผู้อยู่รอด ใครมองเห็นช่องทาง คือผู้อยู่รอด ส่วนใครไม่มีทั้งสองอย่าง คือ ผู้ที่อยู่ยาก ดังนั้นวันนี้เพย์ทีวีแม้จะเดินเรื่องมาอย่างเข้มข้นแล้ว ปีหน้ายังจะเป็นอีกปีที่ผู้ชมจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบห้ามกระพริบตา เซอร์ไพรส์หักมุมยังมีให้แปลกใจอีกแน่นอน นั่นเพราะทุกวันนี้เรากำลังอยู่ในยุคที่คอนเทนต์คือผู้กำหนดทิศทางอุตสาหกรรมโทรทัศน์ทั้งของไทยและทั่วโลก