ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลฎีกานักการเมืองนัดตรวจหลักฐานคดี "ยิ่งลักษณ์" ปล่อยโกงจำนำข้าววันนี้ เผยอดีตนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปศาลด้วยตนเอง พร้อมขอความเป็นธรรม หลัง "ประยุทธ์" ส่งซิกให้สื่อช่วยติดตามคดี
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีรับจำนำข้าว เปิดเผยว่า วันนี้ (29 ต.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามที่ศาลกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐาน ในเวลา 09.30 น. เพื่อสรุปจำนวนพยานบุคคล และพยานเอกสารของฝ่ายอัยการโจทก์ และฝ่ายจำเลย ที่จะนำเข้าไต่สวนว่าแต่ละฝ่ายจะนำสืบเท่าใด ประเด็นอะไรบ้าง พร้อมกำหนดวันนัดไต่สวนพยาน
โดยก่อนหน้านี้ ศาลฎีกาฯ ได้ให้อัยการโจทก์ และทนายความร่วมกันตรวจดูพยานบุคคล และพยานเอกสารกันเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะนำเสนอให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาในวันนี้
"ในการตรวจบัญชีจัดพยานบุคคลที่ผ่านมา ทั้งฝ่ายอัยการโจทก์และฝ่ายจำเลย มีพยานรวมกันกว่า 100 ปาก ส่วนพยานเอกสารมีจำนวนมาก โดยทั้งสองฝ่ายได้จัดทำบัญชีลงหมายเลขเอกสารของแต่ละฝ่ายไว้ โดยวันนี้ ต้องให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาอีกครั้ง เพื่อสรุปว่าให้อัยการโจทก์ และฝ่ายจำเลย นำพยานบุคคลและเอกสาร เข้าไต่สวนฝ่ายละเท่าใด โดยพร้อมไปศาลเพื่อเข้าสู่กระบวนพิจารณาคดี"นายนรวิชญ์ กล่าว
นายนรวิชญ์ กล่าวอีกว่า ตามที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ฝากสื่อมวลชนติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ หวังให้กรรมการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายให้ได้อย่างรวดเร็ว และทันเวลา พร้อมแสดงความไม่สบายใจ กรณีขั้นตอนการเรียกพยานที่ดูแล้วยังไม่ค่อยเรียบร้อย อย่าให้ใครเข้ามามีบทบาทโดยเฉพาะผู้มีส่วนได้เสียในคดีดังกล่าว อย่าให้มาข่มขู่ใคร หรืออะไรนั้นไม่ได้ทั้งสิ้น ในฐานะทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงในคดี ขอเรียนว่า
1.คดีนี้เป็นแรกของประเทศไทย ที่หัวหน้ารัฐบาลถูกดำเนินคดีจากการดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งเป็นไปตาม ม. 84 (8) ของรัฐธรรมนูญ 2550 ที่สำคัญ คือ เป็นหัวหน้ารัฐบาลคนเดียวที่ถูกดำเนินคดี ทั้งที่การช่วยเหลือเกษตรกรก็ทำกันมาทุกรัฐบาล รวมถึงรัฐบาล คสช. ที่เพิ่งอนุมัติเงินงบประมาณไปช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพารา
2.การที่ท่านอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในฐานะจำเลยในคดีอาญาและผู้ที่จะถูกเรียกร้องค่าเสียหายในทางแพ่ง ได้ออกมาใช้สิทธิในการต่อสู้คดี เพียงขอให้ฝ่ายรัฐบาล ได้กระทำตามกฎหมายด้วยความรอบคอบ และให้สิทธิกับอดีตนายกฯ ในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่นั้น ถือเป็นสิทธิโดยชอบธรรม และเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ประการสำคัญท่านไม่เคยไปข่มขู่ หรืออยู่ในฐานะจะไปข่มขู่ใครได้ทั้งสิ้น
3.คดีรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ นอกจากเป็นคดีที่มีความผิดปกติหลายประการ แต่ยังถูกดำเนินการด้วยความรวดเร็วมากที่สุดคดีหนึ่ง เร็วขนาดแซงคดีของ อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ถูกกล่าวหาเรื่องการประกันราคาข้าว ที่เกิดก่อนหน้าคดีนี้หลายปี เร็วขนาดในชั้นอัยการสูงสุด มีการสั่งฟ้องโดยไม่ต้องไต่สวนเพิ่มเติมในประเด็นที่คณะทำงานอัยการสูงสุดเคยมีความเห็นว่าสำนวนมีข้อไม่สมบูรณ์ ที่เร็วมากกว่านั้น คือ เร็วกว่า คดีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ที่ ป.ป.ช. กล่าวหาว่าทุจริต โดยอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ เป็นคนปล่อยปละละเลย ที่แปลก คือ คดีทุจริตยังไม่มีการชี้มูลความผิด แต่คดีที่อ้างว่ามีการปล่อยให้มีการทุจริต กลับชี้มูล และนำไปใช้ถอดถอนก่อนจนผิดปกติ และเร็วขนาดนี้ ท่านนายกฯ ยังไม่พอใจอีกหรือ
4.คดีนี้เป็นคดีสำคัญมีประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกี่ยวข้องมากมาย สมควรที่จะกระทำด้วยความรอบคอบ การที่ท่านนายกฯ ต้องการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างรวดเร็วและทันเวลา แต่จำต้องคำนึงถึงเรื่องความเป็นธรรม และความยุติธรรมด้วย
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ตนเห็นอาการของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พรรประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอีกหลายคนที่เคยโจมตีโครงการจำนำข้าว ที่พากันวิพากษ์วิจารณ์การประกวดเรียงความหัวข้อ "ครอบครัวของฉัน ในวันที่ไม่มีจำนำข้าว" แล้วแปลกใจว่า ทำไมคนกลุ่มนี้ถึงกลัวความจริงจากเด็กๆ ลูกหลานชาวนา ทั้งนี้ เมื่อนักการเมืองแต่ละฝ่าย รวมทั้งผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ต่างอธิบายในมุมของตัวเอง เรียงความเหล่านี้ น่าจะเป็นแหล่งข้อมูลที่ตรงที่สุด ชัดที่สุดว่าจำนำข้าวส่งผลอย่างไรต่อชีวิตชาวนา
"ขอปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า ผมทำเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะหลักการข้อใหญ่ในการพิจารณา คือ ต้องเป็นเรื่องจริงจากลูกหลานชาวนาตัวจริง โดยผมจะลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตัวเอง เชื่อว่า ความจริงที่ได้จะเป็นข้อมูลสำคัญประกอบการพิจารณาของสังคม และช่วยป้องกันไม่ให้คนบางกลุ่มใช้ชั้นเชิงทางการเมือง ทำลายฝ่ายตรงข้ามเหมือนที่ผ่านมา ผมยืนยันว่าไม่มีเจตนาให้เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมที่กำลังดำเนินคดี และไม่เคยคิดปิดกั้นสาระในเรียงความ ถ้าตั้งแต่วันที่ไม่มีจำนำข้าวแล้วชาวนาเป็นสุข กินอิ่มนอนหลับ นับเงินนับทอง ลูกหลานก็เขียนมา ตรวจสอบแล้วว่าเป็นจริง ก็จะเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบ หรือกลุ่มที่วิจารณ์รู้อยู่แก่ใจว่า ชาวนาอกไหม้ไส้ขม จึงพยายามตัดไฟแต่ต้นลม โดยการทำลายความชอบธรรมของกิจกรรมนี้"นายณัฐวุฒิกล่าว
ทั้งนี้ หากรักชาวนาจริงอย่างปากพูด ก็ควรควบคุมอคติ แล้วฟังความจริงจากพวกเขาบ้าง แม้ชาวนาไม่มีอำนาจ แต่ก็มีหัวใจ อย่าให้ต้องเจ็บซ้ำ เพราะเห็นตำตาว่า คนที่ไปกดดันธนาคารไม่ให้เอาเงินให้รัฐบาลจ่ายค่าข้าวในวันนั้น ยังตามมาขัดแข้งขัดขาไม่ให้ลูกหลานมีโอกาสรับรางวัลในวันนี้
สำหรับคดีจำนำข้าวดังกล่าว นายตระกูล วินิจนัยภาค ขณะดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ต่อศาลฎีกาฯ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2558 ซึ่งศาลฎีกาฯ ประทับรับฟ้องเป็นหมายเลขดำ อม.22/2558 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฎิบัติ หรือละเว้นการปฎิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 และ 123/1 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลให้รัฐได้รับความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีรับจำนำข้าว เปิดเผยว่า วันนี้ (29 ต.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามที่ศาลกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐาน ในเวลา 09.30 น. เพื่อสรุปจำนวนพยานบุคคล และพยานเอกสารของฝ่ายอัยการโจทก์ และฝ่ายจำเลย ที่จะนำเข้าไต่สวนว่าแต่ละฝ่ายจะนำสืบเท่าใด ประเด็นอะไรบ้าง พร้อมกำหนดวันนัดไต่สวนพยาน
โดยก่อนหน้านี้ ศาลฎีกาฯ ได้ให้อัยการโจทก์ และทนายความร่วมกันตรวจดูพยานบุคคล และพยานเอกสารกันเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะนำเสนอให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาในวันนี้
"ในการตรวจบัญชีจัดพยานบุคคลที่ผ่านมา ทั้งฝ่ายอัยการโจทก์และฝ่ายจำเลย มีพยานรวมกันกว่า 100 ปาก ส่วนพยานเอกสารมีจำนวนมาก โดยทั้งสองฝ่ายได้จัดทำบัญชีลงหมายเลขเอกสารของแต่ละฝ่ายไว้ โดยวันนี้ ต้องให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาอีกครั้ง เพื่อสรุปว่าให้อัยการโจทก์ และฝ่ายจำเลย นำพยานบุคคลและเอกสาร เข้าไต่สวนฝ่ายละเท่าใด โดยพร้อมไปศาลเพื่อเข้าสู่กระบวนพิจารณาคดี"นายนรวิชญ์ กล่าว
นายนรวิชญ์ กล่าวอีกว่า ตามที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ฝากสื่อมวลชนติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ หวังให้กรรมการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายให้ได้อย่างรวดเร็ว และทันเวลา พร้อมแสดงความไม่สบายใจ กรณีขั้นตอนการเรียกพยานที่ดูแล้วยังไม่ค่อยเรียบร้อย อย่าให้ใครเข้ามามีบทบาทโดยเฉพาะผู้มีส่วนได้เสียในคดีดังกล่าว อย่าให้มาข่มขู่ใคร หรืออะไรนั้นไม่ได้ทั้งสิ้น ในฐานะทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงในคดี ขอเรียนว่า
1.คดีนี้เป็นแรกของประเทศไทย ที่หัวหน้ารัฐบาลถูกดำเนินคดีจากการดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งเป็นไปตาม ม. 84 (8) ของรัฐธรรมนูญ 2550 ที่สำคัญ คือ เป็นหัวหน้ารัฐบาลคนเดียวที่ถูกดำเนินคดี ทั้งที่การช่วยเหลือเกษตรกรก็ทำกันมาทุกรัฐบาล รวมถึงรัฐบาล คสช. ที่เพิ่งอนุมัติเงินงบประมาณไปช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพารา
2.การที่ท่านอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในฐานะจำเลยในคดีอาญาและผู้ที่จะถูกเรียกร้องค่าเสียหายในทางแพ่ง ได้ออกมาใช้สิทธิในการต่อสู้คดี เพียงขอให้ฝ่ายรัฐบาล ได้กระทำตามกฎหมายด้วยความรอบคอบ และให้สิทธิกับอดีตนายกฯ ในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่นั้น ถือเป็นสิทธิโดยชอบธรรม และเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ประการสำคัญท่านไม่เคยไปข่มขู่ หรืออยู่ในฐานะจะไปข่มขู่ใครได้ทั้งสิ้น
3.คดีรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ นอกจากเป็นคดีที่มีความผิดปกติหลายประการ แต่ยังถูกดำเนินการด้วยความรวดเร็วมากที่สุดคดีหนึ่ง เร็วขนาดแซงคดีของ อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ถูกกล่าวหาเรื่องการประกันราคาข้าว ที่เกิดก่อนหน้าคดีนี้หลายปี เร็วขนาดในชั้นอัยการสูงสุด มีการสั่งฟ้องโดยไม่ต้องไต่สวนเพิ่มเติมในประเด็นที่คณะทำงานอัยการสูงสุดเคยมีความเห็นว่าสำนวนมีข้อไม่สมบูรณ์ ที่เร็วมากกว่านั้น คือ เร็วกว่า คดีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ที่ ป.ป.ช. กล่าวหาว่าทุจริต โดยอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ เป็นคนปล่อยปละละเลย ที่แปลก คือ คดีทุจริตยังไม่มีการชี้มูลความผิด แต่คดีที่อ้างว่ามีการปล่อยให้มีการทุจริต กลับชี้มูล และนำไปใช้ถอดถอนก่อนจนผิดปกติ และเร็วขนาดนี้ ท่านนายกฯ ยังไม่พอใจอีกหรือ
4.คดีนี้เป็นคดีสำคัญมีประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกี่ยวข้องมากมาย สมควรที่จะกระทำด้วยความรอบคอบ การที่ท่านนายกฯ ต้องการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างรวดเร็วและทันเวลา แต่จำต้องคำนึงถึงเรื่องความเป็นธรรม และความยุติธรรมด้วย
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ตนเห็นอาการของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พรรประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอีกหลายคนที่เคยโจมตีโครงการจำนำข้าว ที่พากันวิพากษ์วิจารณ์การประกวดเรียงความหัวข้อ "ครอบครัวของฉัน ในวันที่ไม่มีจำนำข้าว" แล้วแปลกใจว่า ทำไมคนกลุ่มนี้ถึงกลัวความจริงจากเด็กๆ ลูกหลานชาวนา ทั้งนี้ เมื่อนักการเมืองแต่ละฝ่าย รวมทั้งผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ต่างอธิบายในมุมของตัวเอง เรียงความเหล่านี้ น่าจะเป็นแหล่งข้อมูลที่ตรงที่สุด ชัดที่สุดว่าจำนำข้าวส่งผลอย่างไรต่อชีวิตชาวนา
"ขอปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า ผมทำเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะหลักการข้อใหญ่ในการพิจารณา คือ ต้องเป็นเรื่องจริงจากลูกหลานชาวนาตัวจริง โดยผมจะลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตัวเอง เชื่อว่า ความจริงที่ได้จะเป็นข้อมูลสำคัญประกอบการพิจารณาของสังคม และช่วยป้องกันไม่ให้คนบางกลุ่มใช้ชั้นเชิงทางการเมือง ทำลายฝ่ายตรงข้ามเหมือนที่ผ่านมา ผมยืนยันว่าไม่มีเจตนาให้เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมที่กำลังดำเนินคดี และไม่เคยคิดปิดกั้นสาระในเรียงความ ถ้าตั้งแต่วันที่ไม่มีจำนำข้าวแล้วชาวนาเป็นสุข กินอิ่มนอนหลับ นับเงินนับทอง ลูกหลานก็เขียนมา ตรวจสอบแล้วว่าเป็นจริง ก็จะเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบ หรือกลุ่มที่วิจารณ์รู้อยู่แก่ใจว่า ชาวนาอกไหม้ไส้ขม จึงพยายามตัดไฟแต่ต้นลม โดยการทำลายความชอบธรรมของกิจกรรมนี้"นายณัฐวุฒิกล่าว
ทั้งนี้ หากรักชาวนาจริงอย่างปากพูด ก็ควรควบคุมอคติ แล้วฟังความจริงจากพวกเขาบ้าง แม้ชาวนาไม่มีอำนาจ แต่ก็มีหัวใจ อย่าให้ต้องเจ็บซ้ำ เพราะเห็นตำตาว่า คนที่ไปกดดันธนาคารไม่ให้เอาเงินให้รัฐบาลจ่ายค่าข้าวในวันนั้น ยังตามมาขัดแข้งขัดขาไม่ให้ลูกหลานมีโอกาสรับรางวัลในวันนี้
สำหรับคดีจำนำข้าวดังกล่าว นายตระกูล วินิจนัยภาค ขณะดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ต่อศาลฎีกาฯ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2558 ซึ่งศาลฎีกาฯ ประทับรับฟ้องเป็นหมายเลขดำ อม.22/2558 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฎิบัติ หรือละเว้นการปฎิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 และ 123/1 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลให้รัฐได้รับความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท