00 ความคิดเห็นแบบน่ารำคาญเรื่อง"ปรองดอง" ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และก็ไม่ยอมเลิกเสียด้วย มีทั้งประเภทพวก "โลกสวย" และพวก "เจตนาแฝงเร้น" ซึ่งก็ล้วนเป็นพวกเดียวกัน ล่าสุดก็มาอีกแล้ว หลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) อย่าง นายสมพงษ์ สระกวี อะไรนั่น มาถึงก็เสนอ "ปรองดอง" ออก กม.นิรโทษกรรม ให้กับพวกทำผิดคดีเผาเมือง โดยเน้นเฉพาะพวกชาวบ้านไม่นำรวมพวกแกนนำ ไม่รวมพวกคดีทุจริต คดี มาตรา 112 อะไรประมาณนี้ ฟังดูดีมีเมตตา เพื่อให้บ้านเมืองสงบ อภัยต่อกัน พร้อมกับยกตัวอย่างกรณีที่ผ่านมาแทบทุกยุคมีการนิรโทษฯแบบนี้มาแล้วในหลายยุค ตั้งแต่ 14 ตุลา 16 เรื่อยมาจนถึง พฤษภาทมิฬ 35 ก็อาจจะใช่ หากมองในมุมเดียว แต่ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่ารูปแบบการกระทำผิดหรือ "แรงจูงใจ" ในการกระทำผิดและเป้าหมายในการกระทำผิดนั้นต่างกันกับในยุคก่อนอย่างสิ้นเชิง
00 ถามว่าการต่อสู้ของนักศึกษาในยุค 14 ตุลา หรือ 6 ตุลา รวมถึงเหตุการณ์พฤษภาปี 35 มันต่างกับการออกมาของ คนเสื้อแดงในชื่อ นปช.หรือไม่ ก็ต้องยืนยันว่าต่างกันลิบลับ หรือแม้แต่ตัวแกนนำที่เคยร่วมต่อสู้ในแต่ละยุค เช่น จตุพร พรหมพันธุ์ ที่เคยเป็นนักศึกษารามฯ ที่ร่วมปราศรัยต่อสู้กับเผด็จการ รสช. เมื่อปี 35 กับ สภาพของจตุพร ที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เมื่อปี 51 ปี 53 ก็ต้องยืนยันว่า เจตนามันต่างกันอย่างสิ้นเชิง มาเทียบกันไม่ได้เลย เพราะนั่นคือการต่อสู้เพื่อทวงอำนาจให้กับคนในครอบครัวของ ทักษิณ ชินวัตร โดยอ้างการเลือกตั้ง อ้างตำว่าประชาธิปตยบังหน้าเท่านั้น รวม ไปถึงมวลชนคนเสื้อแดง ที่ออกมาส่วนใหญ่ก็รู้ถึงเจตนาว่า "สู้เพื่อใคร"
00 หากบอกว่า ในจำนวนนั้นย่อมมีชาวบ้านที่ถูกชักชวนมาแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ มีคดีความ แต่ถึงอย่างไรเวลาก็ล่วงเลยมานานพอสมควร ประเภทฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ความมั่นคง อะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่ศาลก็รอลงอาญาครบกำหนดกันไปแล้ว ที่เหลือก็มีประเภทเผาศาลกลาง ครอบครองอาวุธสงคราม ยิงวัดพระแก้ว ฆ่าเจ้าหน้าที่ แบบนี้ถึงจะเป็นชาวบ้านมันก็ต้องรับโทษ ดังนั้นทางที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุดก็คือ ปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามกระบวนการยุติธรรมจนสุดทาง เสียก่อน จากนั้นค่อยมาว่ากัน ว่าจะทำอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาก็เข้าที่เข้าทางดีอยู่แล้ว บางทีถ้าไม่พูด หรือ"หุบปาก" บ้าง ก็ได้มันก็ไม่มีใครตำหนิว่าไม่มีผลงานโชว์หรอก
00 ที่น่าอุ่นใจก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ไม่ได้บ้าจี้ไปกับเรื่องแบบนี้ เพราะคำยืนยันล่าสุดยังย้ำว่าทุกเรื่องต้องไปว่ากันในศาล ตามกระบวนการยุติธรรม หลังจากคดีสิ้นสุดแล้ว ค่อยมาว่ากัน และที่สำคัญไม่ปรองดองกับคนที่"หนีคดี"อย่างแน่นอน ก็ชัดเจน
00 ดูรูปการณ์แล้วยังเชื่อว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังคงต้องใช้วิธียื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ให้รับฟ้องคดีที่ฟ้องอัยการสูงสุดและพวกรวม 4 คนที่กล่าวหาว่าฟ้องคดีรับจำนำข้าวโดยมิชอบ หลังจากก่อนหน้านี้ศาลยกฟ้องไปแล้ว ก็ว่ากันไป เพราะนี่เป็นสิทธิ์ที่เธอสามารถทำได้ อย่างน้อยเมื่อมีช่องทางดิ้นรนได้ก็ดิ้นกันไป อีกทั้งก็ต้องเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ เสี่ยงคุก เสี่ยงถูกยึดทรัพย์ก็ต้องเห็นใจ แม้ว่าพิจารณาจากแนวโน้มแล้วมันจะยากก็ตาม !!
00 ถามว่าการต่อสู้ของนักศึกษาในยุค 14 ตุลา หรือ 6 ตุลา รวมถึงเหตุการณ์พฤษภาปี 35 มันต่างกับการออกมาของ คนเสื้อแดงในชื่อ นปช.หรือไม่ ก็ต้องยืนยันว่าต่างกันลิบลับ หรือแม้แต่ตัวแกนนำที่เคยร่วมต่อสู้ในแต่ละยุค เช่น จตุพร พรหมพันธุ์ ที่เคยเป็นนักศึกษารามฯ ที่ร่วมปราศรัยต่อสู้กับเผด็จการ รสช. เมื่อปี 35 กับ สภาพของจตุพร ที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เมื่อปี 51 ปี 53 ก็ต้องยืนยันว่า เจตนามันต่างกันอย่างสิ้นเชิง มาเทียบกันไม่ได้เลย เพราะนั่นคือการต่อสู้เพื่อทวงอำนาจให้กับคนในครอบครัวของ ทักษิณ ชินวัตร โดยอ้างการเลือกตั้ง อ้างตำว่าประชาธิปตยบังหน้าเท่านั้น รวม ไปถึงมวลชนคนเสื้อแดง ที่ออกมาส่วนใหญ่ก็รู้ถึงเจตนาว่า "สู้เพื่อใคร"
00 หากบอกว่า ในจำนวนนั้นย่อมมีชาวบ้านที่ถูกชักชวนมาแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ มีคดีความ แต่ถึงอย่างไรเวลาก็ล่วงเลยมานานพอสมควร ประเภทฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ความมั่นคง อะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่ศาลก็รอลงอาญาครบกำหนดกันไปแล้ว ที่เหลือก็มีประเภทเผาศาลกลาง ครอบครองอาวุธสงคราม ยิงวัดพระแก้ว ฆ่าเจ้าหน้าที่ แบบนี้ถึงจะเป็นชาวบ้านมันก็ต้องรับโทษ ดังนั้นทางที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุดก็คือ ปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามกระบวนการยุติธรรมจนสุดทาง เสียก่อน จากนั้นค่อยมาว่ากัน ว่าจะทำอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาก็เข้าที่เข้าทางดีอยู่แล้ว บางทีถ้าไม่พูด หรือ"หุบปาก" บ้าง ก็ได้มันก็ไม่มีใครตำหนิว่าไม่มีผลงานโชว์หรอก
00 ที่น่าอุ่นใจก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ไม่ได้บ้าจี้ไปกับเรื่องแบบนี้ เพราะคำยืนยันล่าสุดยังย้ำว่าทุกเรื่องต้องไปว่ากันในศาล ตามกระบวนการยุติธรรม หลังจากคดีสิ้นสุดแล้ว ค่อยมาว่ากัน และที่สำคัญไม่ปรองดองกับคนที่"หนีคดี"อย่างแน่นอน ก็ชัดเจน
00 ดูรูปการณ์แล้วยังเชื่อว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังคงต้องใช้วิธียื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ให้รับฟ้องคดีที่ฟ้องอัยการสูงสุดและพวกรวม 4 คนที่กล่าวหาว่าฟ้องคดีรับจำนำข้าวโดยมิชอบ หลังจากก่อนหน้านี้ศาลยกฟ้องไปแล้ว ก็ว่ากันไป เพราะนี่เป็นสิทธิ์ที่เธอสามารถทำได้ อย่างน้อยเมื่อมีช่องทางดิ้นรนได้ก็ดิ้นกันไป อีกทั้งก็ต้องเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ เสี่ยงคุก เสี่ยงถูกยึดทรัพย์ก็ต้องเห็นใจ แม้ว่าพิจารณาจากแนวโน้มแล้วมันจะยากก็ตาม !!