00 เชื่อว่าหลายคนคงจับประเด็นได้ตรงกันว่า ต้องจับตาไปที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นหลัก โดย คสช.ล็อกชื่อให้ มีชัย ฤชุพันธุ์ นั่งเป็นประธานคุมเกมการยกร่างให้สำเร็จตามโรดแมปใหม่ สูตร 6-4 6-4 และนาทีนี้ เชื่อว่าคงเข้าใจกันแล้วว่า ทำไมต้องจำเพาะเจาะจงมาที่คนๆนี้ ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้ ก็เป็นเรื่องถูกต้องไม่ผิด เพราะไว้ใจได้ ไม่ต้องสะกิด ไม่ต้องสั่ง แค่มองตาก็รู้ทะลุไปถึงลำไส้ เลยทีเดียว
00 ที่สำคัญในสถานการณ์ข้างหน้าจำเป็นต้อง"บริหารความรู้สึก" ของสังคมให้ออกมาแบบ "สมดุล" ทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายอำนาจ กลุ่มการเมืองและประชาชนส่วนใหญ่ เชื่อว่า คงไม่เทไปข้างใดข้างหนึ่ง นั่นคือ ต้องสร้างหลักประกันให้พอดี ตาม 5 กรอบที่ประกาศออกไปแล้วคือ "สากล-ปรองดอง-งดประชานิยม-ล้างโกง-ประชาชนมีส่วนร่วม" ซึ่งหากทำได้ออกมาตามนี้จริงก็น่าจะโอเค ซึ่งเชื่อว่าหากตั้งใจจะให้ออกมาแบบนี้จริง คนอย่าง มีชัย ฤชุพันธุ์ ก็ย่อมทำได้ อย่าลืมว่าเขาผ่านมาทุกแบบทั้งยุคเผด็จการเต็มขั้น จนถึงประชาธิปไตยเลือกตั้ง หรือแม้แต่เหตุการณ์นองเลือด"พฤษภาทมิฬ" ปี 35 ซึ่งจะว่า ไปเขาก็มีส่วนในการ "หมกเม็ด" ประเด็นนายกฯคนนอกในรธน. ปี 34 ที่เขานั่งเป็นประธานยกร่างฯ ในคราวนั้น แต่นั่นเป็นเรื่องเก่าสถานการณ์เก่า ที่สำคัญเป็นยุคที่ช่องทางการสื่อสารยังจำกัด แต่เมื่อมาสู่ยุคโซเชียล ทุกคนก็ต้องปรับตัวใหม่ เหมือนอย่างที่เขาย้ำว่าเป็น "คนเก่าที่ทันสมัย" ดังนั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกเส้นทางไหน
00 ส่วนสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่ประกาศชื่อออกมาพร้อมๆ กันจำนวน 200 คนนั้น เพียงแค่น้ำจิ้มไร้ความหมาย เพราะไม่มีทางเป็นโล้เป็นพายอะไร ไม่มีทางเป็นจริงขึ้นมาได้ ประชุมไปก็เปลืองน้ำ เปลืองไฟ เปล่าๆ แต่ขืนพูดมากไปก็จะเสียน้ำใจกับคนกันเองไปเปล่าๆ เพราะศึกษาไป ปฏิรูปไป ก็เท่านั้นได้ข้อสรุปมาแต่ละเรื่องก็ส่งต่อให้รัฐบาลใหม่ ที่มาจากการเลือกตั้ง ว่า จะเอาหรือเปล่า ซึ่งก็ตามสูตร ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษากันอีก เอาเป็นว่า หากจะให้สำเร็จเป็นมรรคผลจริงๆ ก็เค้นมาก่อนสองสามเรื่องคือ ปฏิรูปตำรวจ อัยการ การกระจายอำนาจ พลังงาน โดยใช้อำนาจพิเศษ ม. 44 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ฟันโชะ โดยอาจหยิบเอาผลการศึกษาที่ผ่านมามาปัดฝุ่นทำได้เลย
00 เอาเป็นว่า หากพูดกันแบบตรงไปตรงมา สำหรับ สปท. นาทีนี้ไร้ความหมาย ไร้ประโยชน์ ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากรายชื่อก็เหมือนกับเป็นเวที "รองรับบางกลุ่ม" ทำงานจนสร้างความพอใจจากการคว่ำร่าง รธน.ปี 58 และกลุ่ม ขรก.และ ขรก.เกษียณฯ ทั้งตำรวจ ทหาร และพลเรือนจากกระทรวงต่างๆ แค่นั้นแหละ และขอโทษเถอะ พิจารณาจากรายชื่อแทบทั้งหมดแล้วน่าเป็นห่วงเหมือนกัน อย่างไหนน่าจะต้องปฏิรูปก่อนกัน และหากให้คนพวกนี้ร่วมกันปฏิรูปประเทศ แล้วมันจะไปทิศทางไหนกันแน่ !!
00 ฟังจากปากของ มีชัย ฤชุพันธุ์ แล้วถึงอย่างไรการยกร่าง รธน. ฉบับปี 58/1 ที่กำลังเริ่มเดินกันในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า จะต้องนำฉบับปี 40 ปี 50 และปี 58 มายำรวมเอาข้อดีข้อเด่นเข้ามา ซึ่งจะว่าไปแล้วใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนก็เสร็จแล้ว และที่สำคัญต้องเดินตามกรอบของ ม.35 ในรธน.ชั่วคราวปี 57 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะ "คุณสมบัติต้องห้าม" ของนักการเมือง ที่ห้ามลงสนามตลอดชีวิต และที่น่าจับตาก็คือประเด็นอ่อนไหวคือ "นายกฯคนนอก" และเรื่อง คปป. จะมาในรูปแบบไหนต่างหาก แว่วมาว่า "ต้องมี" เสียด้วย ขึ้นอยู่กับ "เนติบริกรชั้นครู" ว่าจะเลี้ยวลด ทำได้เนียนแค่ไหนต่างหาก อ้อ เกือบลืมไป ในเมื่อยืนยันว่าต้องลงประชามติ ก็เชื่อว่าอีกไม่นานก็คงเสนอแก้ไข รธน.ชั่วคราว เพื่อความชัดเจนว่าใช้ "เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ์" ตามที่มีการยืนยัน ออกมาจากปากของ มีชัย ทันที !!
00 ลางร้ายหนักข้อไปอีก สำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ส่งทนายยื่นฟ้องอัยการสูงสุด กับพวกรวม 4 คน กล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามมาตรา 157 กรณียื่นฟ้องโครงการรับจำนำข้าว ทั้งที่เอกสารและสำนวนยังไม่สมบูรณ์ ปรากฏว่า ล่าสุดศาลอาญายกคำร้อง เนื่องจากศาลเห็นว่าอัยการมีอำนาจตามกฎหมาย และเห็นว่าเธอ "คิดไปเอง" อีกทั้งเธอสามารถไปหักล้างในชี้นศาลได้ นั่นเท่ากับว่าความหวังในการ "ยื้อเพื่อหวังพลิก" เป็นอันต้องวืดดับวูบลงไป แม้ว่าอาจจะอุทธรณ์ได้ แต่ความหวังก็ริบหรี่เต็มทน แต่จะว่าไปแล้ว คนในครอบครัวนี้ก็ไม่เคยจำยังคงใช้วิธีนี้มาแย้งเสมอ เช่น ประเภทฟ้องว่า "ไม่ใช่ขอบเขตอำนาจศาลบ้าง" แย้งว่าหน่วยงานตรวจสอบไม่มีอำนาจบ้างละ หมดอายุความบ้างละ แต่สุดท้ายก็แพ้ตั้งแต่เริ่มทุกที ไม่เคยจำ !!
00 เริ่มออกมาอวดฉลาด สร้างภาพกันตั้งแต่ไก่โห่ จนน่ารำคาญกับพวกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะพวกแกนนำคนเสื้อแดงทั้งหลายแหล่ อย่างน้อยก็ต้องออกมาแสดงความคิดเห็นเพื่อให้มวลชนได้เห็นว่า "กูยังไม่เงียบ" อะไรประมาณนั้น ได้เห็น จตุพร พรหมพันธุ์ ออกมาขู่คว่ำร่างรธน. ในชั้นประชามติก็ได่แต่สมเพช ก็อยากให้รณรงค์ให้ชัดเจนไปเลยว่า ไม่เอา จะได้วัดกัน แต่หากรธน.ผ่าน ก็ต้องเดิมพันเหมือนกันว่า คนพวกนี้ตัองประท้วงด้วยการไม่ลงเลือกตั้งตลอดไปด้วย !!
00 ที่สำคัญในสถานการณ์ข้างหน้าจำเป็นต้อง"บริหารความรู้สึก" ของสังคมให้ออกมาแบบ "สมดุล" ทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายอำนาจ กลุ่มการเมืองและประชาชนส่วนใหญ่ เชื่อว่า คงไม่เทไปข้างใดข้างหนึ่ง นั่นคือ ต้องสร้างหลักประกันให้พอดี ตาม 5 กรอบที่ประกาศออกไปแล้วคือ "สากล-ปรองดอง-งดประชานิยม-ล้างโกง-ประชาชนมีส่วนร่วม" ซึ่งหากทำได้ออกมาตามนี้จริงก็น่าจะโอเค ซึ่งเชื่อว่าหากตั้งใจจะให้ออกมาแบบนี้จริง คนอย่าง มีชัย ฤชุพันธุ์ ก็ย่อมทำได้ อย่าลืมว่าเขาผ่านมาทุกแบบทั้งยุคเผด็จการเต็มขั้น จนถึงประชาธิปไตยเลือกตั้ง หรือแม้แต่เหตุการณ์นองเลือด"พฤษภาทมิฬ" ปี 35 ซึ่งจะว่า ไปเขาก็มีส่วนในการ "หมกเม็ด" ประเด็นนายกฯคนนอกในรธน. ปี 34 ที่เขานั่งเป็นประธานยกร่างฯ ในคราวนั้น แต่นั่นเป็นเรื่องเก่าสถานการณ์เก่า ที่สำคัญเป็นยุคที่ช่องทางการสื่อสารยังจำกัด แต่เมื่อมาสู่ยุคโซเชียล ทุกคนก็ต้องปรับตัวใหม่ เหมือนอย่างที่เขาย้ำว่าเป็น "คนเก่าที่ทันสมัย" ดังนั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกเส้นทางไหน
00 ส่วนสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่ประกาศชื่อออกมาพร้อมๆ กันจำนวน 200 คนนั้น เพียงแค่น้ำจิ้มไร้ความหมาย เพราะไม่มีทางเป็นโล้เป็นพายอะไร ไม่มีทางเป็นจริงขึ้นมาได้ ประชุมไปก็เปลืองน้ำ เปลืองไฟ เปล่าๆ แต่ขืนพูดมากไปก็จะเสียน้ำใจกับคนกันเองไปเปล่าๆ เพราะศึกษาไป ปฏิรูปไป ก็เท่านั้นได้ข้อสรุปมาแต่ละเรื่องก็ส่งต่อให้รัฐบาลใหม่ ที่มาจากการเลือกตั้ง ว่า จะเอาหรือเปล่า ซึ่งก็ตามสูตร ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษากันอีก เอาเป็นว่า หากจะให้สำเร็จเป็นมรรคผลจริงๆ ก็เค้นมาก่อนสองสามเรื่องคือ ปฏิรูปตำรวจ อัยการ การกระจายอำนาจ พลังงาน โดยใช้อำนาจพิเศษ ม. 44 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ฟันโชะ โดยอาจหยิบเอาผลการศึกษาที่ผ่านมามาปัดฝุ่นทำได้เลย
00 เอาเป็นว่า หากพูดกันแบบตรงไปตรงมา สำหรับ สปท. นาทีนี้ไร้ความหมาย ไร้ประโยชน์ ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากรายชื่อก็เหมือนกับเป็นเวที "รองรับบางกลุ่ม" ทำงานจนสร้างความพอใจจากการคว่ำร่าง รธน.ปี 58 และกลุ่ม ขรก.และ ขรก.เกษียณฯ ทั้งตำรวจ ทหาร และพลเรือนจากกระทรวงต่างๆ แค่นั้นแหละ และขอโทษเถอะ พิจารณาจากรายชื่อแทบทั้งหมดแล้วน่าเป็นห่วงเหมือนกัน อย่างไหนน่าจะต้องปฏิรูปก่อนกัน และหากให้คนพวกนี้ร่วมกันปฏิรูปประเทศ แล้วมันจะไปทิศทางไหนกันแน่ !!
00 ฟังจากปากของ มีชัย ฤชุพันธุ์ แล้วถึงอย่างไรการยกร่าง รธน. ฉบับปี 58/1 ที่กำลังเริ่มเดินกันในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า จะต้องนำฉบับปี 40 ปี 50 และปี 58 มายำรวมเอาข้อดีข้อเด่นเข้ามา ซึ่งจะว่าไปแล้วใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนก็เสร็จแล้ว และที่สำคัญต้องเดินตามกรอบของ ม.35 ในรธน.ชั่วคราวปี 57 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะ "คุณสมบัติต้องห้าม" ของนักการเมือง ที่ห้ามลงสนามตลอดชีวิต และที่น่าจับตาก็คือประเด็นอ่อนไหวคือ "นายกฯคนนอก" และเรื่อง คปป. จะมาในรูปแบบไหนต่างหาก แว่วมาว่า "ต้องมี" เสียด้วย ขึ้นอยู่กับ "เนติบริกรชั้นครู" ว่าจะเลี้ยวลด ทำได้เนียนแค่ไหนต่างหาก อ้อ เกือบลืมไป ในเมื่อยืนยันว่าต้องลงประชามติ ก็เชื่อว่าอีกไม่นานก็คงเสนอแก้ไข รธน.ชั่วคราว เพื่อความชัดเจนว่าใช้ "เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ์" ตามที่มีการยืนยัน ออกมาจากปากของ มีชัย ทันที !!
00 ลางร้ายหนักข้อไปอีก สำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ส่งทนายยื่นฟ้องอัยการสูงสุด กับพวกรวม 4 คน กล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามมาตรา 157 กรณียื่นฟ้องโครงการรับจำนำข้าว ทั้งที่เอกสารและสำนวนยังไม่สมบูรณ์ ปรากฏว่า ล่าสุดศาลอาญายกคำร้อง เนื่องจากศาลเห็นว่าอัยการมีอำนาจตามกฎหมาย และเห็นว่าเธอ "คิดไปเอง" อีกทั้งเธอสามารถไปหักล้างในชี้นศาลได้ นั่นเท่ากับว่าความหวังในการ "ยื้อเพื่อหวังพลิก" เป็นอันต้องวืดดับวูบลงไป แม้ว่าอาจจะอุทธรณ์ได้ แต่ความหวังก็ริบหรี่เต็มทน แต่จะว่าไปแล้ว คนในครอบครัวนี้ก็ไม่เคยจำยังคงใช้วิธีนี้มาแย้งเสมอ เช่น ประเภทฟ้องว่า "ไม่ใช่ขอบเขตอำนาจศาลบ้าง" แย้งว่าหน่วยงานตรวจสอบไม่มีอำนาจบ้างละ หมดอายุความบ้างละ แต่สุดท้ายก็แพ้ตั้งแต่เริ่มทุกที ไม่เคยจำ !!
00 เริ่มออกมาอวดฉลาด สร้างภาพกันตั้งแต่ไก่โห่ จนน่ารำคาญกับพวกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะพวกแกนนำคนเสื้อแดงทั้งหลายแหล่ อย่างน้อยก็ต้องออกมาแสดงความคิดเห็นเพื่อให้มวลชนได้เห็นว่า "กูยังไม่เงียบ" อะไรประมาณนั้น ได้เห็น จตุพร พรหมพันธุ์ ออกมาขู่คว่ำร่างรธน. ในชั้นประชามติก็ได่แต่สมเพช ก็อยากให้รณรงค์ให้ชัดเจนไปเลยว่า ไม่เอา จะได้วัดกัน แต่หากรธน.ผ่าน ก็ต้องเดิมพันเหมือนกันว่า คนพวกนี้ตัองประท้วงด้วยการไม่ลงเลือกตั้งตลอดไปด้วย !!