xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

1 ปี สำนักงานตำรวจแห่งชาติใต้เงา “สมยศ” “เลอะ-เละ” จากวันแรกจนถึงนาทีสุดท้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -หัวข้อข่าว พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. ยอมรับว่าเหตุระเบิด 20 ศพ ที่ศาลท่านท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ มีสาเหตุมาจากขบวนการอุยกูร์ สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั้งประเทศโดยเฉพาะกลุ่มการเมืองซีกตรงข้ามรัฐบาล ต่างยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็น

แน่นอนว่าบุคคลที่รับศึกหนักที่สุดถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดเห็นทีไม่พ้น พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะหลังเหตุการณ์เมื่อค่ำวันที่ 17 ส.ค. เพียงไม่กี่อึดใจ “เสธฯไก่อู” เป็นบุคคลแรกที่ออกมาระบุด้วยความรวดเร็วว่า เป็นฝีมือของคู่ขัดแย้งทางการเมือง

ความอึมครึมกลับมาสว่างวาบภายในวันเดียวจนรู้สึกประหลาดใจที่คนกลุ่มใหญ่ โล่งใจกับความเป็นจริงที่ฝ่ายมีอำนาจยอมรับ ทางกลับกันตัวจริงเสียงจริงของประเทศนี้กลับไม่เอาด้วย

บ่ายวันเดียวกัน (15 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ออกมาปฏิเสธ “สวนทาง” กันอย่างเห็นๆ ซึ่งในส่วนของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อปฏิเสธถึง 2 รอบ โดยให้ความเห็นกว้างๆทำนองว่า ถ้าเป็นเรื่องก่อการร้ายจะต้องมีผู้ออกมาประกาศแสดงความรับผิดชอบ อาจจะเป็นคดีอาชญากรรมทั่วไป หรือขัดแย้งเรื่องขบวนการค้ามนุษย์ก็ได้

ก่อนจะไปถึงการกลับลำของ ผบ.ตร. ในเรื่องเดียวกันขออนุญาตนำคำสัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ที่เป็นแถลงสื่อมวลชนในวันที่ 15 ก.ย. จนเป็นข่าวพาดหัวยอมรับการก่อวินาศกรรมมาจากการส่งตัวอุยกูร์ ให้กับประเทศจีนกันสักนิด โดยบิ๊กตำรวจท่านนี้กล่าวว่า....สาเหตุการณ์ที่สี่แยกราชประสงค์ น่าจะเป็นขบวนการค้ามนุษย์ เป็นขบวนการเคลื่อนย้ายชาวอุยกูร์ จากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่ง เหตุระเบิดแยกราชประสงค์เกิดจากทางการไทยไปทำลาย และขัดขวางขบวนการค้ามนุษย์ หรือพูดง่ายๆ ไปพังธุรกิจของเขา เขาจึงโกรธเพราะได้รับผลกระทบยาวนานต่อเนื่อง นี่คือสิ่งที่เป็น....
 
นักข่าวถามว่า มีผู้ต้องหารายหนึ่งที่เขามาเคลื่อนไหวในประเทศไทยเกี่ยวข้องกับการบุกทำลายสถานทูตไทย ในอีสตันบูล ประเทศตุรกี หรือไม่ ผบ.ตร. ตอบว่า...เขาจะเกี่ยวข้องหรือไม่ ไม่ทราบแต่เหตุที่แยกราชประสงค์ และสถานทูตไทยในตุรกี เป็นสาเหตุเดียวกัน เข้าใจใหมครับ...การเคลื่อนย้ายคนมี ต้นทาง และปลายทางเมื่อต้นทางถูกทำลายประเทศปลายทางก็โกรธแค้น ต้นทางจึงก่อเหตุที่ราชประสงค์ ปลายทางคือ สถานทูตไทย ในตุรกี นี่คือเหตุผล

“ขบวนการค้ามนุษย์ถูกทำลาย กรณีส่งกลับประเทศจีนรัฐบาลไทยทำถูกกฎหมายทุกอย่าง เราส่งไปให้จีนและตุรกี ด้วยเมื่อตรวจพิสูจน์สัญชาติเรียบร้อย คือจีนไปจีน ตุรกีไปตุรกี รัฐบาลไทยทำถูกต้อง”

ชัดเจนขนาดนี้ หากสื่อจะไปพาดหัวข่าวทำนองว่าสาเหตุระเบิดเกิดจากรัฐบาลไทยส่งอุยกูร์ ให้จีน หรือสาเหตุเกิดจากฝีมือขบวนการค้ามนุษย์อุยกูร์ มันจะต่างกันตรงไหน ขอให้กลับไปดูคำพูด ผบ.ตร.ประเด็นการบุกทำลายสถานทูตไทย เมื่อนักข่าวถามว่าเป็นเรื่องเดียวกับเหตุการณ์ระเบิดสี่แยกราชประสงค์ หรือไม่
 
พล.ต.อ.สมยศ ตอบอย่างชัดเจนว่าเป็นสาเหตุเดียวกัน

ถ้าอย่างนั้นถ้าคนไทยไม่สมองเสื่อม หรือท่าน ผบ.ตร.เมาน้ำลายตัวเอง ก็อย่าลืมว่าการบุกพังสถานทูตไทย ในคราวนั้นข่าวทั่วโลกเขาก็ระบุโต้งๆว่า เกิดจากชาวตุรกีกลุ่มนั้นไม่พอใจรับบาลไทยที่ตัดสินใจส่งมอบชาวอุยกูร์ กว่า 100 ชีวิตให้กับทางการจีน

รุ่งขึ้นท่าน ผบ.ตร. เปิดแถลงข่าวอีก เที่ยวนี้ตำหนินักข่าวยกใหญ่ เสียดายที่ไม่มีโอกาสร่วมเข้าฟังการแถลงด้วยไม่งั้นคงถามท่านบ้างว่าแล้ว “แมว” ที่ไหนพูดล่ะครับ ท่านพูดเองทั้งนั้น จากสี่แยกราชประสงค์ ดีๆ ก็เหาะไปอีสตันบูล แถมยังย้ำแบบกลัวไม่เท่ห์ว่า เหตุการณ์สี่แยกราชประสงค์ กับสถานทูตไทยในตุรกี มาจากสาเหตุเดียวกัน
 
จะๆแบบนี้ถ้าท่านไม่เมา (น้ำลาย) นักข่าวภาคสนาม-หัวหน้าข่าว-คนพาดหัวก็คงบ้ากันล่ะ

ที่จริงแล้ววันแรกของการยอมรับเรื่องอุยกูร์ หรือวันที่ท่าน ผบ.ตร.”หลุด” ออกมานั้น หลายฝ่ายรู้สึกชื่นชมท่าน ไม่ว่าจะเป็นในโลกโซเชียลมีเดีย หรือวงสนทนาทั่วๆไป ต่างคิดคล้ายๆกันว่า เมื่อท่านใก้ลหมดวาระ อะไรที่เคยแบกรับ ยอมเละเทะแต่เพียงผู้เดียวคงถึงคราวแสดงตัวตน แสดงความเป็นผู้นำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคนไทยได้ประจักษ์สักครั้งหนึ่ง

แต่แล้วความรู้สึกดีๆผ่านไปเพียงข้ามคืน วันต่อมาท่านพลิกไปอีกเรื่อง นักข่าวกลายเป็น “แพะเกาะเต่า” หลายฝ่ายต่างผิดหวังแต่ก็พยายามเข้าใจเพราะอาการไม่สู้ดี มันมีสัญญาณอะไรบางอย่างตั้งแต่การแถลงแล้ว สังเกตสีหน้า พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกประจำตัวที่ยืนลุ้นยืนเอาใจช่วยหน้าตาแสดงความอึดอัดราวท้องผูกไม่ได้ถ่ายมาเป็นเดือน
 
สัญญาณต่อไปก็คือ การเห็นแย้งของนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี

ครั้งหนึ่งท่าน ผบ.ตร.เคยพูดเอาไว้เมื่อตอนจุดกระแสเปิดบ่อนกาสิโนเสรี ท่านบอกว่า ใครก็ห้ามท่านแสดงความคิดเห็นไม่ได้ มีแต่เพียง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 คนเท่านั้น จึงจะสั่งท่านได้

แล้วก็เจอจริงๆ เมื่อเห็นว่าเกิดกระแสประชาชนออกมาต่อต้าน บ้างก็ขานรับจนเกิดเป็นเรื่องถกเถียง ที่สำคัญฝ่ายการเมืองคงประเมินแล้วว่า “เปลืองตัว” ได้ไม่คุ้มเสีย นายกรัฐมนตรี จึงสั่งให้ ผบ.ตร.ยุติบทบาทในเรื่องนี้ ผลก็คือท่าน ผบ.สมยศ มีวินัยอย่างสุดยอด เบรกจนตัวโก่ง นอกจากหยุดวิพากษ์วิจารณ์เรื่องบ่อนเสรี แล้วยังยกเลิกโครงการเปิดเว็บให้ประชาชนโหวต เอาหรือไม่เอาบ่อน

กรณีแรกก็เหมือนเรื่องกุยอูร์ !?

“นกรู้” อย่างพล.ต.อ.สมยศ คงไม่ต้องรอให้นายกฯ มาตำหนิ แค่กระแอมไปอีกทางท่าน ผบ.ตร.คนเก่งก็ขนลุกขนชัน ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
 
เมื่อรู้ว่า “นอกบท” เพราะที่ตกลงกันไว้เขาให้โยงว่าสาเหตุเกิดจากขบวนการค้ามนุษย์เมื่อลากเข้ามาเป็นประเด็นอย่างเต็มตัว “ผลร้าย” อาจส่ง “ผลดี” ให้พวกฝรั่งหัวแดงมันเลิกรังเกียจรังงอนเราเสียที

นักข่าว หรือคนสนิทกับท่านอาจพอเข้าใจได้ แต่กับประชาชน กับสังคม เครดิตความเชื่อถือที่จะติดตัวไปก่อนเกษียณฯ พังทลายไปทันที

หมดแล้วล่ะไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร หรือแม้แต่ “ใหญ่แค่ไหนยุคผม ถ้าผิดต้องจับ” ปรากฏการณ์ทะลายห้างเจ้าพ่อสอบสวนกลาง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ ที่เล่นไปตามน้ำแต่กลับนำมาคุยเขื่อง แถมด้วยเรื่องอำนาจบาตรใหญ่ บริหารงานด้วยวิธีการสร้างความหวาดกลัวแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาคือ ย้ายแหลกเมื่อถูกกล่าวหาว่าทำผิดกติกา

แต่กรณีปะทะกับ “ของจริง -เส้นแข็ง” เช่น พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพรมหณกุล ผบช.น. ตั้งแต่เรื่องจับบ่อน มาจนถึงกลเกมคำสั่งศาลปกครองเรื่องการเยียวยาตามสิทธิทวีคูณอายุราชการ คำตอบสุดท้ายท่านทำอะไรเขาได้

ล่าสุดกลายเป็น “มวยล้มต้มคนดู” ไปแล้ว กรณีออกมากระชากลากไส้สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ถึงขนาดฝากให้นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี สะสางปัญหาที่หมักหมมไว้
 
เป็นไงล่ะ โผแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจเที่ยวนี้ พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผบช.สตม. ได้พิจารณาเลื่อนชั้นให้ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. มันเป็นซะแบบนี้ “น้ำยา” จะเหลือให้ท่านสักหน่อยผู้มีอำนาจตัวจริงเสียงจริงเขายังไม่ยอมเลย

เอาเป็นว่าเวลาที่เหลืออีก 10 กว่าวัน หากท่าน ผบ.ตร.เพลาๆลงบ้าง อย่าพยายามพิสูจน์ความเจ๋ง ความแน่อะไรของตัวเองเลย อาจจะเป็นผลดีกับท่าน รวมทั้งญาติมิตร คนใก้ลชิดที่อยากให้ได้ปล่อยวางแล้วเตรียมตัวเตรียมใจไปรับงานใหม่หน้าที่ใหม่หลังจบชีวิตราชการจะดีกว่า

อนาคตเป็นอย่างไร ผบ.สมยศ รู้ดีกว่าใครเพื่อน ที่แน่ๆ ถ้าไม่โลดแล่นบนถนนการเมือง “เซียนหุ้น”อย่างท่านก็คงไม่มีอะไรเหงา เพราะทุกวันนี้ระหว่างการรับราชการตำรวจ และนักธุรกิจ อย่างไหนคืออาชีพ 1 อาชีพ 2

ว่ากันตรงๆ แบบนี้ไม่ได้ดูหมิ่นดูแคลนกันนะ เรื่องความร่ำรวยจนครอบครัวมั่นคงกินสัก 10 ชาติก็ไม่หมดนั้น ท่านจะปฏิเสธหรือว่ามาจากธุรกิจ กับการเล่นหุ้น ส่วนการรับราชการตำรวจ ไม่มีทางสร้างฐานะให้ท่านมีเป็นร้อยเป็นพันล้านแน่ๆ เพียงแต่ว่ามันเป็นเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ท่านอาจจะบอกกับสังคมก็ได้ว่า ข้าพเจ้าคือตำรวจอาชีพ ข้าพเจ้ารักและภูมิใจในอาชีพนี้มากที่สุด แต่ความจริงก็คือความจริง ว่ากันว่าความเก่งกาจในเรื่องธุรกิจ และเล่นหุ้นนั้นสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ครองเมือง ยังเคยเป็นที่ปรึกษา รมว.คลัง ในตอนนั้น พรรคพวกเพื่อนฝูงรวมทั้ง นายเนวิน ชิดชอบ ยังต้องไหว้วานให้ช่วยจัดพอร์ตลงทุนให้...ธรรมดาที่ไหน

สรุปว่าบน 2 ทางเดินระหว่างนักเล่นหุ้นกับรับราชการตำรวจ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร.คนที่ 10 ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม จากเด็กบ้านนอก แห่งพระนครศรีอยุธยา สามารถถีบตัวจนเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ มีโอกาสติดสอยห้อยตาม นายมนตรี พงษ์พานิช อดีตนักการเมืองดัง และวันหนึ่งมีโอกาสก้าวขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของวงการตำรวจไทยในตำแหน่ง “ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ในทางธุรกิจเป็น “ขาใหญ่” ของวงการหุ้นเมืองไทย เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ปิกนิก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และถือหุ้นอีกหลายบริษัท เป็นนายตำรวจและนักธุรกิจที่มีสายสำพันธ์อันดีกับกลุ่มสามารถคอร์ปอเรชั่น และกลุ่มคิงส์พาวเวอร์ 

ผลสำเร็จของ ผบ.สมยศ ในยุทธจักรสีกากี ทำได้เพียงปีนสู่จุดสูงสุด แต่ไม่อาจบรรลุสู่ปณิธานที่วางไว้ นั่นคือ ให้ตำรวจเป็นที่รัก และยอมรับจากประชาชน...หรือแม้แต่ผู้ใต้บังคับบัญชา...ไปดีเถิดคุณสมยศ 1 ปีใต้เงาของท่าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สับสนวุ่นวายและบอบช้ำเกินพอแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น