xs
xsm
sm
md
lg

"สมยศ"โบ้ยสื่อ!ปัดพูดบึ้มโยงอุยกูร์ ชายเสื้อเหลืองเผ่น ส่งจเรตำรวจถกมาเลย์อีกวันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-"สมยศ"แก้เกี้ยว สื่อเสนอข่าวคลาดเคลื่อน ยันไม่เคยพูดบึ้มราชประสงค์โยงส่งอุยกูร์กลับจีน แต่เกิดจากรัฐบาลทำลายเครือข่ายค้ามนุษย์ ยังไม่ฟันธง 3 ผู้ต้องสงสัยมีเอี่ยวหรือไม่ โต้แฉ ตม. ไม่เกี่ยวจัดซื้อเครื่องตรวจสอบใบหน้า "จักรทิพย์" เผยถกสันติบาลมาเลเซียยังไม่ชัดเกี่ยวบึ้ม เตรียมส่งจเรตำรวจหารืออีกครั้งวันนี้ คาดชายเสื้อเหลือง เสื้อฟ้า เผ่นหนีออกจากมาเลเซียไปแล้ว สถานทูตตุรกีร่วมตรวจสอบหนังสือเดินทาง 251 เล่มที่ยึดได้ พบปลอมทั้งหมด เผยบางเล่มอาจถูกใช้เป็นหลักฐานซื้อเบอร์โทรศัพท์ สน.หนองจอกเตรียมขอหมายจับอีก 2 ราย

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยถึงกรณีสื่อมวลชนเสนอข่าวเกี่ยวกับเหตุระเบิดราชประสงค์ว่าเกี่ยวพันกับการส่งผู้อพยพชาวอุยกูร์ 109 ไปยังประเทศจีน ว่า ขอตำหนิการเสนอข่าวของสื่อมวลชน เพราะตนให้สัมภาษณ์ว่ากรณีเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์นั้น สาเหตุเกิดจากที่ทางการไทยไปทำลายเครือข่าย หรือขบวนการค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์ ส่วนนี้คือเนื้อหาสาระที่ตนให้สัมภาษณ์ ตนไม่เคยให้สัมภาษณ์ว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น มีสาเหตุจากการที่รัฐบาลไทยส่งชาวอุยกูร์ 109 คนกลับไปยังประเทศจีน

"ผมให้สัมภาษณ์ว่าการกระทำของรัฐบาลไทย หรือการปฏิบัติของรัฐบาลไทยนั้น ทำถูกต้องตามกฎหมาย หรือหลักสากลแล้ว เมื่อมีการพิสูจน์ทราบสัญชาติชาวอุยกูร์เป็นเชื้อชาติใดสัญชาติใด ก็ส่งไปยังประเทศนั้น ถ้าเป็นชาวจีนก็ส่งไปประเทศจีน เป็นชาวตุรกี ก็ส่งไปที่ประเทศตุรกี มีการส่งไปทั้งประเทศตุรกีและประเทศจีน เพราะฉะนั้นการปฏิบัติของรัฐบาลไทยหรือการกระทำของรัฐบาลไทย ทำตามหลักกฎหมายสากล เป็นไปตามกฎหมายหรือสนธิสัญญาที่แต่ละประเทศมีต่อกัน ไม่ใช่เกิดจากการที่ผมให้สัมภาษณ์ว่าเป็นการส่งชาวอุยกูร์ 109 คนไปประเทศจีน ผมบอกว่าเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์เป็นสาเหตุอันสืบเนื่องมาจากการที่ทางการไทยหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลของประเทศไทย ได้ไปทำลายเครือข่ายโครงสร้างขบวนการการค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์ที่มีมาอย่างยาวนานให้หมดสิ้นไป เขาจึงเกิดความโกรธแค้นที่ธุรกิจหรือสิ่งที่เขาทำผิดกฎหมาย จะต้องถูกยุติลง หรือไม่สามารถทำต่อไปได้ส่วน นี่คือสิ่งที่ผมให้สัมภาษณ์” พล.ต.อ.สมยศกล่าว

***ยังไม่ฟันธง3ผู้ต้องสงสัยมีเอี่ยว

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า กรณีการเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง และคณะ เป็นการเดินทางเพื่อไปประสานงานหรือขอข้อมูล แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร เพื่อที่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลไทยหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยทำงานร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ของมาเลเซีย ไม่ใช่เดินทางไปขอตัวผู้ต้องหา เพราะยังไม่รู้เลยว่ารัฐบาลมาเลเซียเขาจับกุมผู้ต้องหาหรือกลุ่มบุคคลผู้ต้องสงสัยในข้อหาอะไร ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าบุคคลทั้ง 3 คนนั้นเป็นเพียงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรืออยู่ในขบวนการค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์เท่านั้น ในส่วนนี้คือสิ่งที่อยากจะชี้แจง อยากจะบอกสื่อมวลชนด้วยว่าช่วยเสนอข่าวให้ตรงกับที่ตนพูดด้วย

***ต้องสอบต่อหลังตุรกีปัด"อีซาน"เข้าประเทศ

พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงกรณีที่สถานเอกอัครราชทูตตุรกียืนยันว่านายอีซาน ผู้ต้องหาในคดีระเบิด ไม่ได้เดินทางไปยังตุรกี ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลของตำรวจไทยที่ให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ถ้าหลักฐานออกมาปรากฏว่าได้เดินทางออกจากประเทศไทยแล้วไปต่อที่ประเทศไหน เราก็ต้องขอความร่วมมือจากประเทศปลายทางประเทศแรกจากประเทศไทย เช่น ประเทศบังกลาเทศ บอกว่าเดินทางออกจากบังกลาเทศไปแล้ว ไปที่ประเทศตุรกี แต่ทางประเทศตุรกีปฏิเสธ ส่วนนี้ก็เป็นเรื่องที่เราจะทำอะไรได้ เมื่อเขาออกมาปฏิเสธ ทั้งนี้ อีกประเทศก็บอกว่าออกจากประเทศเขาไปแล้ว ปลายทางที่ผู้ต้องสงสัยกรอกข้อมูลแจ้งไว้คือจะเดินทางไปที่ประเทศตุรกี แต่ก็อย่าเชื่อใจการกรอกข้อมูลในเอกสารต่างๆ คนที่ทำผิดมักจะไม่กรอกตรงตามข้อเท็จจริง

เมื่อถามว่าแต่การที่สถานทูตบังกลาเทศมาเข้าพบ มีการนำหลักฐานการเดินทางของผู้ต้องหาไปยังประเทศปลายทาง ผบ.ตร.กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดในตรงนั้น ทูตบังกลาเทศได้มาชี้แจงว่าเดินทางไปบังกลาเทศจริง และเดินทางออกไปแล้ว โดยมีปลายทาง คือ ประเทศตุรกี ซึ่งทางประเทศตุรกีออกมาปฏิเสธก็ได้ เพราะการเข้าประเทศตุรกี ไม่ได้เข้าออกเพียงช่องทางเดียว สามารถเข้าออกได้หลายทาง เพราะฉะนั้นอาจจะเข้าช่องทางที่ไม่ปรากฏหลักฐานการเดินทางเข้าออกจนทำให้รัฐบาลตุรกีไม่สามารถตรวจสอบได้ และไม่มีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาได้เดินทางเข้าประเทศตุรกีไป ก็เป็นสิ่งที่ทางประเทศตุรกีต้องชี้แจงว่าไม่มีหลักฐานปรากฏ ก็เป็นสิ่งที่ชอบธรรม ส่วนทาง ตร.จะมีการทำหนังสือเชิญและประสานไปยังสถานทูตต่างๆ หรือไม่นั้นเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน

***แฉตม.ไม่เกี่ยวซื้อเครื่องตรวจสอบใบหน้า

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตผู้บัญชาการสอบสวนกลางและอดีตรมช.คมนาคม ออกมาโต้ตอบเรื่องตำรวจตรวจคนเข้าเมืองว่า ตนไม่ได้ให้ความสนใจ

ทั้งนี้ มีเฟซบุ๊กหนึ่งได้ออกมาโพสต์กรณีการจัดหาจัดซื้อเครื่องตรวจสอบใบหน้าระบบ Face Recognition (เฟซ รีคอกนิชัน) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ว่าตนไม่พอใจ สตม. จึงมีการนำข้อมูลต่างๆ ของ สตม.มาเปิดเผย โดยขอยืนยันว่าไม่ใช่เลย เพราะเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดูแลเอง เรื่องการจัดหาเครื่องมือที่ทันสมัยไม่ว่าจะเป็นระบบไบโอแมทริกซ์ หรือเครื่องตรวจสอบใบหน้าระบบเฟซรีคอกนิชัน นายกฯ ได้มอบหมายให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีเข้ามาดูแลเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนเลย เรื่องที่ปรากฏในเฟซบุ๊กว่าตนไม่พอใจตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ไม่พอใจ พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผบช.สตม. ที่มาขัดขวางเรื่องการจัดหาเครื่องมือดังกล่าว ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกันเลย อาจมีการเข้าใจผิดกันหรือไม่ ตนไม่ทราบ ตนทำตามคำสั่งนายกฯ ทุกอย่าง และเรื่องนี้นายกฯ ได้ให้ความสำคัญจึงลงมาดูเอง และได้มีคำสั่งเรื่องการจัดหาเครื่องมือเหล่านี้ให้ได้เร็วที่สุด

***โยงม็อบมาเลย์แต่ไม่ชัวร์เอี่ยวบึ้มไทย

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. กล่าวภายหลังเดินทางกลับจากมาเลเซียว่า ไม่ได้พบกับ ตันศรี ดาโต๊ะ ศรี กาลิด บิน อาบู บาการ์ ผบ.ตร. มาเลเซีย แต่อย่างใด เนื่องจากท่านไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย แต่ได้มอบหมายให้ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลของมาเลเซีย มาพบแทน โดยได้พูดคุยกับทางผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลหลายเรื่องรวมทั้งผู้ต้องหาทั้ง 3 คนด้วย โดยตอนแรกทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของเราคิดว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้เป็นเรื่องเดียวกับเหตุระเบิดที่ประเทศไทย แต่พอไปคุยแล้วพบว่าเป็นผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมประท้วงในมาเลเซีย โดยบุคคลทั้ง 3 เข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะผู้สนับสนุน และยังเกี่ยวพันกับกระบวนการลักลอบนำคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งจะต้องตรวจสอบต่อไปว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่บ้านเราหรือไม่ โดยผมและเจ้าหน้าที่ของไทยได้นำข้อมูลเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าน้ำสาทรที่เกิดขึ้นไปให้ทางเจ้าหน้าที่มาเลเซียช่วยตรวจสอบเช่นกัน

***ส่ง"สุชาติ"ถกตำรวจมาเลย์อีกครั้ง

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ในวันนี้จะส่งเจ้าหน้าที่ นำโดย พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ (สบ8) ลงไปประสานงานพูดคุยกับทางตำรวจมาเลเซียเพิ่มเติมในรายละเอียดเกี่ยวกับคดีระเบิดที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะจากการสืบสวนพบว่ามีข้อมูลว่ามีส่วนนำพาผู้ก่อเหตุระเบิดหลบหนี แต่ทางการมาเลเซียยังไม่ยืนยันข้อมูล ต้องตรวจสอบต่อไป

ทั้งนี้ การเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่มาเลเซียครั้งที่สองในวันที่ 17 ก.ย.นี้ จะมีการพูดคุยในประเด็นอื่นๆ นอกจากคดีระเบิด อาจจะได้มีการซักถามผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่มาเลเซียจับได้ด้วย ซึ่งตนจะได้ติวเข้มเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางไปอีกครั้งว่าขอบข่ายและขอบเขตของงานมีอะไรบ้าง จากการพูดคุยในหลักการทางมาเลเซียยินดีให้เราเข้าไปหาข้อมูล ที่จะเป็นประโยชน์ต่อคดีนี้ การพูดคุยกับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน จะเป็นการพบโดยตรงหรือส่งคำถามผ่านเจ้าหน้าหน้ามาเลเซียก็ต้องอยู่ที่ทางมาเลเซียจะพิจารณา แต่ยืนยันว่าตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซียมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทั้งความสัมพันธ์ทางการและส่วนตัว ที่เชื่อว่าจะช่วยให้การคลี่คลายเรื่องนี้สำเร็จได้

***คาดเสื้อเหลือง-ฟ้าเผ่นจากมาเลย์แล้ว

เมื่อถามว่าจากการสืบสวนสอบสวนมีความชัดเจนของชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้ามากแค่ไหน พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าหลังจากที่มีสื่อมวลชนเสนอข่าวจำนวนมากนั้น จากที่เรามีข้อมูลว่าเขาอยู่ที่นั่นก็ทำให้ผู้ต้องหาหลบหนีออกจากมาเลเซียไปแล้ว คงหนีไปประเทศอื่นแล้ว เพราะเขาก็ฟังและอ่านข้อมูลข่าวสารรู้เรื่อง เป็นตนคงไม่อยู่แล้ว เขาคงไม่อยู่แล้ว แต่ทางตำรวจมาเลเซียก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการช่วยติดตามตัวผู้ก่อเหตุระเบิดในไทยด้วยเช่นกัน เพราะเขาก็ป้องกันปัญหานี้เหมือนกัน

เมื่อถามว่าชายเสื้อเหลืองกับนายอิซานเป็นสัญชาติเดียวกันหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ยังไม่อยากระบุสัญชาติ

"บางทีการให้ข่าวว่าอุยกูร์เร็วไปก็ไม่ดี เพราะยังไม่รู้ว่าเป็นอุยกูร์ อุยผม อุยคุณ ก็ยังไม่รู้ จะอุยกูร์ หรืออุยมึงก็ไม่รู้จริงๆ ไม่อยากให้ลงข่าวเรื่อยเปื่อย อาจเป็นอุยเอ็ง อุยข้า หรืออุ๊ยตายก็ไม่รู้เช่นกัน" พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว

***ยันผู้ต้องหาเชื่อมโยง "ยูซุฟู"แน่นอน

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตำรวจต้องเดินหน้าสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีต่อ โดยชายเสื้อเหลืองมีความเชื่อมโยงกับนาย ยูซุฟู มีไรลี ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ที่ จ.สระแก้ว แน่นอน ไม่เช่นนั้นตนตัดออกไปแล้ว โดยไปพักเคลื่อนไหวที่พูลอนันต์ อพาร์ตเม้นท์ และไมมูณา การ์เด้นโฮมด้วย เรารู้ชื่อ ตรวจสอบพบว่า เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากกว่า 1 ครั้งแน่นอน มีการใช้พาสปอร์ตชาวซินเจียง เดินทางเข้ามาระยะหนึ่ง แต่ขณะออกจากประเทศไทยไม่พบหลักฐานการเดินทาง 2-3 สัปดาห์ก่อน เราพบว่าเขาเคลื่อนไหวแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย หนีไปมาเลเซีย แต่ตอนนี้เชื่อว่าออกจากมาเลเซียไปแล้ว

ส่วนชายเสื้อฟ้า ทราบว่าชื่อ นายซูแบร์ ส่วนเสื้อเหลืองนั้น ยังไม่ขอเปิดเผย และยังไม่มีการประสานกับฝ่ายสอบสวนเพื่อออกหมายจับแบบระบุชื่อ ทั้งนี้ การจะดำเนินการอยู่ที่ฝ่ายสอบสวนจะประสานกับศาล

สำหรับมูลเหตุการณ์ก่อเหตุนั้น ตนไม่พูดแน่นอน ตราบใดที่ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด ต่อให้เอามีดจ่อคอก็ไม่พูด โดยในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 18 ก.ย.2558 ตนจะไปประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีนี้ เพื่อติดตามคดีอีกครั้ง

***"ประวิตร" ชี้เหตุบึ้มกรุงถือเป็นภัยคุกคาม

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ว่า ถือเป็นภัยคุกคามที่มาในหลายรูปแบบ แต่ยังไม่สามารถจำกัดได้หมด สาเหตุอาจจะเป็นการเมือง การค้ามนุษย์ หรือการแก้แค้นก็ได้ ต้องหาว่าตัวละครเป็นใคร อยู่ที่ไหนบ้าง เชื่อมโยงกับใครบ้าง ตอนนี้ข้อมูลยังมีอยู่น้อย หากจับได้ ก็ต้องมาสอบสวน การดำเนินการต้องมีคนสั่งการ จะทำแบบนี้ต้องใช้เงินจำนวนมาก ไม่ใช่ใครก็ทำได้ อาจจะเป็นอาชญากรข้ามชาติ ต้องขอเวลา อย่าเพิ่งไปกำหนดว่าเป็นเพราะอะไร คนที่เสียประโยชน์ต้องเป็นคนทำ

***สถานทูตตุรกีร่วมตรวจพาสปอร์ตเก๊

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่สถานทูตตุรกี ประจำประเทศไทย เดินทางมาตรวจสอบหนังสือเดินทางกว่า 251 เล่มที่เจ้าหน้าที่ทหารสามารถตรวจยึดได้ที่พูลอนันต์อพาร์ทเมนต์ ย่านหนองจอกว่า หนังสือเดินทางทั้ง 251 เล่มนั้น เจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้ตรวจยึดและส่งให้กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เพื่อตรวจสอบและส่งคืนมายังเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานไปยังกองทัพว่าหากสามารถตรวจสอบหนังสือทั้งหมดได้ ก็สมควรที่จะตรวจสอบ หากจะต้องนำหนังสือเดินทางทั้งหมดไปตรวจสอบที่ประเทศกตุรกี ทางทหารจะต้องรายงานผู้บังคับบัญชาก่อน ส่วนหนังสือเดินทางทั้งหมดเป็นของจริงหรือปลอมนั้น อยู่ระหว่างดำเนินการระหว่างทหาร พนักงานสอบสวน และทางสถานทูต โดยมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ประสาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบหนังสือทั้งหมด ยังไม่ถึงขั้นตอนของการประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ว่าให้ตรวจสอบหนังสือเดินทางว่าของจริงหรือของปลอม

ส่วนระยะเวลาการตรวจสอบหนังสือเดินทางนั้น จะต้องประสานไปยังหน่วยงาน และรัฐ จึงไม่ทราบว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไร เชื่อว่ามีวิธีพิสูจน์หลายทาง เพราะในเล่มมีทั้งวีซ่า และตราของ สตม. เบื้องต้นคาดว่าจะมีบางเล่มที่กลุ่มผู้ต้องหาคดีระเบิดนำไปเป็นหลักฐานซื้อเบอร์โทรศัพท์ เพื่อติดต่อกันในวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นของกลางในคดีอาญาที่ชัดเจนอยู่แล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า การร่วมตรวจสอบพาสปอตครั้งนี้ ตัวแทนสถานทูตตุรกีกำชับกับตำรวจว่าของดให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน และงดถ่ายภาพ ส่วนการให้ข้อมูลกับตำรวจ ตอบเพียงว่าไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเอกสิทธิ์ของทางสถานทูต อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้นพาสปอร์ตของกลางทั้งหมดเป็นของปลอม

***จ่อหมายจับ 2 หัวหน้าแก๊งค้ามนุษย์

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ได้นำสำนวนคดีการตรวจค้นห้องพักนายอับดุล ตาวับ อายุ 40 ปี และนายบาร์กัต ไบก์ หรือ อาลี อายุ 40 ปี ชาวปากีสถาน ที่จุฑาแมนชั่น ริมถนนอ่อนนุชซอย 44-46 ย่านพระโขนง ซึ่งมีส่วนเชื่อมโยงในคดีระเบิด โดยเป็นหัวหน้าขบวนการค้ามนุษย์และพาคนร้ายหลบหนีออกนอกประเทศ มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สน.หนองจอก เพื่อเตรียมอนุมัติ ออกหมายจับ

ส่วนการออกหมายจับ น.ส.ปณิฐ์สรา ชาลีรัฐรมย์ อายุ 39 ปี ภรรยานายอับดุล ตำรวจได้ประสานขอตัว น.ส.ปณิฐ์สรา จากทหารแล้ว เพราะจากการสอบสวนเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับคดีระเบิด แต่ยังไม่ระบุวันเวลาส่งมอบตัวที่ชัดเจน โดยขั้นตอนต่อไปพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ต้องมอบสำนวนส่งให้ พนักงานสอบสวน สน.หนองจอก รวมสำนวน จากนั้นจึงจะขออนุมัติศาลออกหมายจับได้ต่อไป

ทั้งนี้ ชุดสอบสวน บช.น. เตรียมเดินทางไปที่อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อสอบปากคำคนขับรถโดยสารประจำทางที่คาดว่าเป็นคนพาชายเสื้อฟ้าหลบหนีไปที่ชายแดนประเทศมาเลเซีย
กำลังโหลดความคิดเห็น