รอง ผบ.ตร. กลับจากมาเลเซีย รุดรายงาน ผบ.ตร. เผยพบสันติบาลมาเลย์ให้ข้อมูล 3 คนโยงม็อบการเมืองมาเลย์ - ค้ามนุษย์ ยังไม่ชัดโยงระเบิดแยกราชประสงค์ - ท่าเรือสาทร หรือไม่ คาดชายเสื้อเหลืองหนีออกจากมาเลเซียไปแล้ว ส่ง พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ นำทีมคุยอีกพรุ่งนี้
วันนี้ (16 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านความมั่นคง (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) เดินทางกลับจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เข้ารายงาน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ถึงผลการเดินทางไปพูดคุยกับตำรวจมาเลเซีย หลังจากทางการมาเลเซียควบคุม ผู้ต้องสงสัย 3 คน ซึ่งพัวพันขบวนการค้ามนุษย์ และอาจเกี่ยวข้องกับการนำพาขบวนการระเบิด 2 จุดใน กทม. หลบหนี
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า เดินทางไปมาเลเซีย พร้อมกับ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ (สบ 8) พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวส รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ โดยไม่ได้พบกับ ตันศรี ดาโต๊ะ ศรี กาลิด บิน อาบู บาการ์ ผบ.ตร. มาเลเซีย แต่อย่างใด เนื่องจากท่านไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย แต่ได้มอบหมายให้ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลของมาเลเซีย มาพบแทน โดยได้แลกเปลี่ยนข้อมูล พร้อมขอความร่วมมือทางตำรวจมาเลเซียในหลักการว่าจะดำเนินการสืบสวนในคดีนี้ต่ออย่างไร ทั้งนี้ มีการพูดคุยเกี่ยวกับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่ทางการมาเลเซียจับกุมไว้ แต่ตนไม่ได้เข้าพบกับผู้ต้องหาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ได้พูดคุยเกี่ยวกับเส้นทางการขนย้ายชาวต่างชาติโดยผิดกฎหมาย เรื่องการโจรกรรมรถยนต์ที่มาจากประเทศมาเลเซียตามที่เราเคยส่งมอบให้ทุกปี
“การเดินทางครั้งนี้ได้พูดคุยกับทางผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลหลายเรื่องรวมทั้งผู้ต้องหาทั้ง 3 คนด้วย โดยตอนแรกทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของเราคิดว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้เป็นเรื่องเดียวกับเหตุระเบิดที่ประเทศไทย แต่พอไปคุยแล้วพบว่าเป็นผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมประท้วงในมาเลเซีย โดยบุคคลทั้ง 3 เข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะผู้สนับสนุนด้วย อย่างไรก็ตาม จะต้องตรวจสอบต่อไปว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่บ้านเราหรือไม่ โดยผมและเจ้าหน้าที่ของไทยได้นำข้อมูลเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดที่แยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทรที่เกิดขึ้นไปให้ทางเจ้าหน้าที่มาเลเซียช่วยตรวจสอบเช่นกัน” รอง ผบ.ตร. กล่าว
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้จะส่งเจ้าหน้าที่ นำโดย พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ (สบ 8) ลงไปประสานงานพูดคุยกับทางตำรวจมาเลเซียเพิ่มเติมในรายละเอียดเกี่ยวกับคดีระเบิดที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ส่วนการพูดคุยครั้งแรกที่ผ่านมาได้พูดคุยในประเด็นความเกี่ยวข้องของผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่จากการสืบสวนพบว่ามีข้อมูลว่ามีส่วนนำพาผู้ก่อเหตุระเบิดหลบหนี แต่ทางการมาเลเซียยังไม่ยืนยันข้อมูล ต้องตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้ ทั้ง 3 เกี่ยวพันกับขบวนการลักลอบนำคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของมาเลเซีย ซึ่งได้ทราบว่า ในมาเลเซียก็มีคนเหล่านี้ 3,000 - 4,000 คนเช่นกัน และหลังเกิดเหตุระเบิดในบ้านเราทางประเทศเขาก็ได้เฝ้าระวัง มีการปิดล้อมตรวจค้นเช่นกัน
เมื่อถามว่า เป็นชาวอุยกูร์หรือไม่ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตนไม่ได้ระบุเช่นนั้น แต่การเดินทางไปครั้งนี้ก็ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์พอสมควร เพียงแต่ยังไม่ลงลึกในรายละเอียดมากนัก เพราะเราต้องดูทางมาเลเซียก่อน เราก็ไม่กล้าไปถามเขามาก ส่วนข้อมูลที่ได้นั้นจะมีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับการหลบหนีของผู้ก่อเหตุจากไทยไปมาเลเซียหรือไม่นั้น มันก็เกี่ยวข้องในแง่เส้นทางเชื่อมโยงการขนคนผิดกฎหมายทั้งหมด ทั้งเรื่องโรฮีนจาเรื่องเดิมที่ยังดำเนินการอยู่ด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปใด ๆ แต่ตอนนี้เราได้มีการประสานกับตำรวจมาเลเซียและตำรวจสากลอยู่ตลอดอยู่แล้ว
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า การเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่มาเลเซียครั้งที่สองในวันที่ 17 ก.ย. นี้นั้น จะมีการพูดคุยในประเด็นอื่น ๆ ด้วยนอกจากคดีระเบิด อาจจะได้มีการซักถามผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่มาเลเซียจับได้ด้วย ซึ่งตนจะได้ติวเข้มเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางไปอีกครั้งว่าขอบข่าย และขอบเขตของงานมีอะไรบ้าง จากการพูดคุยในหลักการทางมาเลเซียยินดีให้เราเข้าไปหาข้อมูล ที่จะเป็นประโยชน์ต่อคดีนี้ การพูดคุยกับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน จะเป็นการพบโดยตรง หรือส่งคำถามผ่านเจ้าหน้าหน้ามาเลเซียก้ต้องอยู่ที่ทางมาเลเซียจะพิจารณา แต่ยืนยันว่า ตำรวจไทย และตำรวจมาเลเซีย มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทั้งความสัมพันธ์ทางการและส่วนตัว ที่เชื่อว่าจะช่วยให้การคลี่คลายเรื่องนี้สำเร็จได้
ถามว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนมีรายชื่อที่ต้องจับตาอยู่ในบัญชีของมาเลเซียหรือไม่ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า บุคคลเหล่านี้มีประวัติอยู่ในรายชื่ออยู่ในกลุ่มผู้สนับสนุนการชุมนุมประท้วงรัฐบาลมาเลเซีย แต่เรื่องอื่นไม่ทราบ ทั้งนี้ จากการรับทราบข้อมูลยังไม่พบคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องในขบวนการที่มาเลเซีย ส่วนชายไทยที่คุมตัวที่ จ.นราธิวาส ก่อนหน้านี้ ก็ไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้เท่าไหร่
เมื่อถามว่า จากการสืบสวนสอบสวนมีความชัดเจนของชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้ามากแค่ไหน พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าหลังจากที่มีสื่อมวลชนเสนอข่าวจำนวนมากนั้น จากที่เรามีข้อมูลว่าเขาอยู่ที่นั่นก็ทำให้ผู้ต้องหาหลบหนีออกจากมาเลเซียไปแล้ว คงหนีไปประเทศอื่นแล้ว
“เพราะเขาก็ฟังและอ่านข้อมูลข่าวสารรู้เรื่อง เป็นผมคงไม่อยู่แล้ว เขาคงไม่อยู่แล้ว แต่ทางตำรวจมาเลเซียก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการช่วยติดตามตัวผู้ก่อเหตุระเบิดในไทยด้วยเช่นกัน เพราะเขาก็ป้องกันปัญหานี้เหมือนกัน” พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว และว่า เดิมเจ้าหน้าที่ไทยมีข้อมูลเชื่อว่าผู้ต้องหาชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้าหลบหนีเข้าไปในมาเลเซีย แต่เมื่อสื่อเสนอข่าวกันมากก็อาจทำให้เขาหลบหนีออกไปแล้ว โดยเขาสามารถหลบหนีออกไปได้หลายเส้นทาง เรื่องนี้ทำให้การทำงานของตำรวจยากมากขึ้น แต่ตนและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องจะทำให้เต็มที่ ไม่ได้ทำเพื่อรัฐบาลหรือองค์กรตำรวจ แต่ทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นความศรัทธากลับคืนมาให้ได้อีกครั้ง ตราบที่ตนยังอยู่ทุกอย่างต้องมีความหวังแน่นอน
“ตามแนวทางการสืบสวนที่เจ้าหน้าที่ทำมาตลอด 20 กว่าวันนั้น ผมเชื่อว่ามาถูกทางแล้ว ข้อมูลมันพอไปได้อยู่แล้ว พบว่าผู้ต้องหาหลบหนีเข้าไปที่นั่นเมื่อ 2 - 3 สัปดาห์ก่อน แต่หลังสื่อเสนอข่าวคนร้ายก็อาจหลบหนีไปแล้ว บางครั้งการเสนอข่าวของสื่อก็ทำให้ตำรวจหนักใจ” รอง ผบ.ตร. กล่าว
เมื่อถามว่า ชายเสื้อเหลืองกับนายอิซานเป็นสัญชาติเดียวกันหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ยังไม่อยากระบุสัญชาติ
“บางทีการให้ข่าวว่าอุยกูร์เร็วไปก็ไม่ดี เพราะยังไม่รู้ว่าเป็นอุยกูร์ อุยผม อุยคุณ ก็ยังไม่รู้ จะอุยกูร์ หรืออุยมึงก็ไม่รู้จริง ๆ ไม่อยากให้ลงข่าวเรื่อยเปื่อย อาจเป็นอุยเอ็ง อุยข้า หรืออุ๊ยตาย ก็ไม่รู้เช่นกัน”
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว และว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วยอมรับว่าการสืบสวนนั้นใกล้ถึงตัวคนร้ายเสื้อเหลืองแล้ว แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไป แต่ก็ต้องเดินหน้าสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีต่อ โดยชายเสื้อเหลืองมีความเชื่อมโยงกับ นายยูซุฟู มีไรลี ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ที่ จ.สระแก้ว แน่นอน ไม่เช่นนั้นตนตัดออกไปแล้ว โดยไปพักเคลื่อนไหวที่พูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ และไมมูณา การ์เด้นโฮม ด้วย เรารู้ชื่อ ตรวจสอบพบว่า โดยเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากกว่า 1 ครั้งแน่นอน มีการใช้พาสปอร์ตชาวซินเจียง เดินทางเข้ามาระยะหนึ่ง แต่ขณะออกจากประเทศไทยไม่พบหลักฐานการเดินทาง 2 - 3 สัปดาห์ก่อน เราพบว่าเขาเคลื่อนไหวแนวชายแดนไทย - มาเลเซีย หนีไปมาเลเซีย แต่ตอนนี้เชื่อว่าออกจากมาเลเซียไปแล้ว ส่วนชายเสื้อฟ้า ทราบว่าชื่อ นายซูแบร์ ส่วนเสื้อเหลือง นั้นยังไม่ขอเปิดเผย และยังไม่มีการประสานกับฝ่ายสอบสวนเพื่อออกหมายจับแบบระบุชื่อ ทั้งนี้ การจะดำเนินการอยู่ที่ฝ่ายสอบสวนจะประสานกับศาล สำหรับมูลเหตุการณ์ก่อเหตุนั้น ตนไม่พูดแน่นอนตราบใดที่ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด ต่อให้เอามีดจ่อคอก็ไม่พูด อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 18 กันยายน ตนจะไปประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีนี้เพื่อติดตามคดี
รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตอนนี้ความสัมพันธ์ในระดับรัฐบาลและกองทัพ ซึ่งใกล้ชิดกับมาเลเซียอย่างมากนั้นมีประโยชน์ต่อการประสานข้อมูลเหล่านี้ แต่ยอมรับว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่พูดยากเหมือนกัน แต่จากการเดินทางไปครั้งนี้มีสัญญาณความร่วมมือที่ดี