ASTV ผู้จัดการ - โฆษก ตร.เผย"ยูซุฟู" อ้างไม่รู้จักชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้า แต่ จนท.ยังไม่เชื่อคำให้การทั้งหมด ยันพาสปอร์ตของแท้ แต่ของ"คาราดัก"ปลอมแน่นอน เชื่อขบวนการมีมากกว่า 10 คน และมีคนไทยร่วมมืออีก จุดประสงค์ก่อเหตุยังไม่ชัด วิธีทำระเบิดเลียนแบบกันได้ ยอมรับ"ยูซุฟู" เปิดบัญชีที่แบงก์กรุงเทพ หัวหมาก แต่ขอไม่เผยรายละเอียด ตร.มีข้อมูล"อีซาน"แต่เป็นมุมอื่น ยังระบุไม่ได้ว่าทำหน้าที่อะไร ภาพทางสื่อไม่ยืนยันตัวตน
วันนี้(9 ก.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเหตุระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ควบคุมตัวนายเมียไรลี ยูซุฟู อายุ 26 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาในคดีนี้มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดแรกที่ห้องพัก 414 พูลอนันต์อพาร์ตเม้นท์ ย่านหนองจอก เป็นจุดที่ผู้ต้องหานำสารเคมีที่ซื้อมาจากร้านเคมีภัณฑ์ ย่านบึงกุ่มมาเก็บไว้ ก่อนจะไปพบเพื่อน คือ นายอาเด็ม คาราดัก ที่ห้อง 412 ซึ่งอยู่ใกล้กัน จากนั้นพาไปชี้จุดที่ ไมมูณา การ์เด้น โฮม ซึ่งเป็นที่พัก ก่อนนำตัวไปทำแผนที่ร้านเคมีภัณฑ์ โดยทางเจ้าของร้านระบุว่าผู้ต้องหามาซื้อสารเคมีไป 4 อย่าง แต่ขอไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่เชื่อว่าเป็นสารประกอบที่นำมาทำระเบิด และช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ไปชี้ที่เกิดเหตุ ที่ผู้ต้องหาให้การว่าเดินทางมาโดยรถสามล้อมาลงข้างวัดปทุมวนาราม ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ชม. จากนั้นเดินเท้ามาตามถนนพระราม 1 ด้านข้างศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มายังแยกราชประสงค์ ก่อนกลับมานั่งสังเกตการณ์บริเวณลานน้ำพุหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมองไปยังศาลท้าวพรหมจากบริเวณลานเซ็นทรัลเวิลด์ จากนั้นเดินไปทางประตูน้ำเพื่อขึ้นรถกลับไปที่หนองจอกต่อไป ทั้งนี้ ผู้ต้องหาสามารถชี้จุดได้ถูกต้องเเม่นยำตามข้อมูลการสืบสวนของตำรวจ
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวต่อไปว่า สำหรับนายเมียไรลี พักที่ไมมูณา การ์เด้นโฮม ส่วนที่พูลอนันต์อพาร์ตเม้นท์ เขามาพบเพื่อน และนำสารประกอบระเบิดมาไว้ที่นั่น ซึ่งผู้ต้องหาไม่ได้รับว่าเป็นผู้ประกอบระเบิด แต่เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับห้องเลขที่ 414 เพราะได้นำระเบิดมาไว้ที่นั่น ส่วนความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิด นายเมียไรลี ยอมรับว่าเป็นผู้นำกระเป๋าเป้ ซึ่งเชื่อว่าข้างในมีระเบิดไปให้ชายเสื้อเหลืองที่สถานีรถไฟหัวลำโพง โดยวางไว้ที่ม้านั่ง และรับคำสั่งจากโปรแกรมวอตซ์แอปจากบุคคลคนหนึ่งว่าจะมีคนเดินมารับเป้ดังกล่าว เมื่อมีคนมารับผู้ต้องหาก็เดินออกไป และมีการเปลี่ยนกระเป๋าเป้กับชายเสื้อเหลืองที่เดินมารับระเบิดด้วย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพาสปอร์ตของนายเมียไรลี น่าจะเป็นของจริงแต่ของนายคาราดัก ที่จับกุมได้ที่พูลอนันต์พาร์ทเม้นท์ไม่ใช่ของจริงแน่นอน
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า จากการสอบสวนนายเมียไรลี อ้างว่าไม่รู้จักกับชายเสื้อฟ้า ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีระเบิดที่ท่าเรือสาทร และไม่ยอมรับว่าเป็นผู้ประกอบระเบิด รับเพียงว่าได้ร่วมก่อเหตุที่จุดนี้เพียงจุดเดียว ส่วนเหตุระเบิดที่ท่าเรือสาทร เขาอ้างว่าไม่รู้เรื่อง ส่วนชายเสื้อเหลืองที่เป็นผู้นำระเบิดมาวางเขาก็อ้างเช่นเดียวกันว่าไม่รู้จักกัน ซึ่งในความเป็นจริงเขาอาจจะรู้จักหรือไม่รู้จักกันก็ได้ ซึ่งในชั้นนี้เขาให้การว่าไม่รู้จัก แต่เราก็ไม่ปักใจเชื่อคำให้การของเขาทั้งหมด ทั้งนี้ สำหรับเหตุระเบิดทั้ง 2 จุด มีการโยงใยเป็นกลุ่มเดียวกัน มีการทำงานเป็นทีม มีการแบ่งหน้าที่กันทำ แต่ขณะนี้เรายังไม่สามารถวิเคราะห์ด้วยพยานหลักฐานได้ว่าใครทำหน้าที่อะไร สำหรับขบวนการดังกล่าวมีผู้ร่วมขบวนการมากกว่า 10 คน และเชื่อว่ายังมีคนไทยนอกจาก น.ส.วรรณา สวนสัน ร่วมขบวนการอีก ยืนยันว่าตัวละครในคดีนี้ยังไม่หมด
"เรื่องรายละเอียดการสืบสวนสอบสวนและหน้าที่ของผู้ต้องหาแต่ละคน ไม่อยากให้ลงลึกในรายละเอียด จริงๆ ทางการสืบสวนไปแล้ว แต่ผมยังสรุปไม่ได้ อย่างที่ท่านบอกว่าคนนี้คือตัวการ คือผู้จ้างวาน อีกมุมนึงข้อเท็จจริงมันไม่ใช่เลย เพราะฉะนั้นอย่างเพิ่งรีบสรุป รอให้มีหมายออกมาก่อน รอให้มีการประมวลให้ชัดก่อนดีกว่า ผู้ต้องหาแต่ละคนเราเชื่อคนใดคนหนึ่งไม่ได้ เพราะเขาจะรับเฉพาะในสิ่งที่เรามี"โฆษก ตร. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงสารประกอบระเบิดและวิธีการประกอบระเบิดที่ใช้ในครั้งนี้ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า สำหรับวิธีการประกอบระเบิดตนไม่แน่ใจว่าเคยเกิดขึ้นในประเทศไทยหรือไม่ ในอดีตที่ผ่านมา ต้องสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ EOD แต่สารประกอบระเบิดและอุปกรณ์ประกอบระเบิดสามารถหาซื้อได้ในประเทศไทยทั้งหมด ถามต่อว่ามีการเปรียบเทียบซิกเนเจอร์ของระเบิดกับฐานข้อมูลระเบิดที่เคยเกิดเหตุในภูมิภาคอื่นของโลก พล.ต.ท.ประวุฒิ กลาวว่า ระเบิดนี้ไม่มีซิกเนเจอร์ มันเป็นพื้นฐานไปแล้ว เป็นไปป์บอมบ์ อย่างในเว็บก็มีการลอกเลียนแบบรูปแบบการประกอบระเบิด ซึ่งไปป์ก็สามารถหาซื้อ ฝักแคก็หาได้จากอุตสาหกรรมเหมืองแร่ สามารถหาซื้อได้หมด ส่วนสูตรการประกอบระเบิดที่ยึดได้จากสัมภาระของนายเมียไรลี อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ EOD
ถามต่อว่ากรณีควบคุมตัวนายไมไรลี ไปทำแผนฯ ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาหัวหมาก มีนัยอะไร พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า อาจจะมี เบื้องต้นพบความเคลื่อนไหวทางการเงินของนายเมียไรลี แต่ตนไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นเรื่องที่ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. จะต้องตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน โดยมีข้อมูลว่านายเมียไรลี มีการทำธุรกรรม เซ็นเปิดบัญชีที่เคาน์เตอร์ แต่รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้
ถามต่อว่าตำรวจรู้จุดประสงค์ของการก่อเหตุแล้วหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เรายังไม่ลึกถึงขนาดนั้น ซึ่งผู้ต้องหาก็จะรับเฉพาะในส่วนที่ตำรวจเรามีข้อมูล มีหลักฐานอยู่แล้ว ซึ่งนายเมียไรลี เองก็ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร เพราะมีคนให้เขาทำ ส่วนเรื่องแรงจูงใจในการก่อเหตุ ต้องรอให้ได้ตัวผู้ร่วมขบวนการให้ครบก่อน เพราะเราไม่รู้ว่าเขาถูกจ้างมาหรือไม่ ทำเพราะตัวเองหรือไม่
เมื่อถามว่าภายหลังเอากระเป๋าเป้ส่งให้ชายเสื้อเหลืองแล้วเขาย้อนกลับมาที่แยกราชประสงค์เพื่ออะไร พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เขาให้การว่าได้รับคำสั่งให้มาถ่ายรูปขณะเกิดเหตุ ส่วนที่ไม่หลบหนีทันทีหลังเกิดเหตุ เชื่อว่าการเดินทางออกไป อาจจะไม่ง่ายนัก
ถามว่านายเมียไรลี เข้ามาก่อนก่อเหตุนานแค่ไหน พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เรื่องข้อมูลการเข้า-ออกประเทศ ขณะนี้สามารถยืนยันได้บางส่วนเท่านั้น เพราะหากเข้ามาในช่องทางธรรมชาติเราไม่สามารถทราบได้เลยว่าเขาเข้ามาเมื่อใด เมื่อถามว่าใครเป็นผู้ที่เลือกจุดเกิดเหตุว่าเป็นศาลท้าวมหาพรหม พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เขาได้ให้ชื่อมาเหมือนกัน แต่เราไม่ปักใจเชื่อ เมื่อถามว่าเป็นมืออาชีพหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า วิธีการทำงานค่อนข้างมีการแยกส่วนกัน ไม่พบข้อมูลการสนทนากันทางโปรแกรมวอตซ์แอปในโทรศัพท์มือถือที่ยึดได้ เชื่อว่ามีการเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือหลังก่อเหตุ
ผู้สื่อข่าวถามถึง นายอีซาน หรือ อาบูดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน ซึ่งถูกระบุว่าเป็นผู้วางแผน สั่งการ และออกค่าใช้จ่ายในการก่อเหตุ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลของชายคนดังกล่าว จากข้อมูลแวดล้อม และข้อมูลในมุมอื่น พบว่ายังไม่สามารถระบุว่าทำหน้าที่ใด ดังนั้นข้อมูลที่มีข่าวออกไปไม่ตรง ทั้งนี้ สำหรับภาพที่ปรากฏตามสื่อมวลชนยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นชื่อ และภาพถ่ายของตัวนายอีซาน หรือ ไม่ อย่างไรก็ตามกำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ตรวจสอบการเข้า-ออกประเทศ ของนายอีซาน และมีการส่งข้อมูลให้ตำรวจสากลช่วยตรวจสอบประวัติแล้ว อย่างไรก็ตามขณะนี้หลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะเสนอศาลขอออกหมายจับนายอีซานได้
เมื่อถามว่ากรณีที่มีการเสนอให้โอนคดีนี้ให้มาขึ้นกับศาลทหารหรือไม่ โฆษก ตร. กล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบว่าของกลางที่พบเป็นยุทธภัณฑ์หรือไม่ หากเป็นยุทธภัณฑ์ก็ส่งไปศาลทหาร ต้องรอการตรวจสอบก่อน อย่างไรก็ตามไม่มีปัญหาเพราะกระบวนการดำเนินคดีเหมือนกัน