ASTV ผู้จัดการ - ทหารควบคุมตัว “เมียไรลี ยูซูฟู” ผู้ต้องหาเกี่ยวข้องเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ ส่งตำรวจที่ บช.น. “ประวุฒิ” เผยผู้ต้องหารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา จ่อเตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 2 ราย สอบส่วนเพิ่มก่อนจะนำตัวฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรีต่อไป
วันนี้ (7 ก.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พ.อ.วิจารณ์ จดแตง นายทหารพระธรรมนูญ ในฐานะหัวหน้าส่วนปฏิบัติการ คณะทำงานกฎหมายส่วนรักษาความสงบ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารกองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร.มทบ.11 ) ควบคุมตัวนายเมีย ไรลี ยูซูฟู อายุ 26 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สารมารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย มาส่งที่ บช.น.
โดยมี พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการอรินทราช 26 จำนวน 10 นาย ควบคุมตัวไปห้องประชุมปารุสกวัน 2 เพื่อให้แพทย์จาก รพ.ตร. ทำการตรวจร่างกาย ก่อนที่จะให้เข้าพบพนักงานสอบสวน บช.น. โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมสอบสวน ประกอบด้วย กองการต่างประเทศ, สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว, ร่วมดำเนินการสอบปากคำ โดยมีล่ามชาวต่างชาติภาษาฮิปบูล ตุรกี และอังกฤษ คอยให้ข้อมูล และให้ผู้ต้องหาสาบานต่อหน้าคัมภีร์อัลกุลาอาน โดยผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาจริง
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ทหารได้นำตัวนายเมียไรลี ยูซูฟู มาส่ง ทางเจ้าที่หน้าตำรวจได้รับตัวตามกฎหมายเรียบร้อย และดำเนินการตามกฎหมาย ป.วิอาญาต่อไป เบื้องต้นมีการแจ้งหมายจับในข้อหาร่วมกันครอบครองวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย เบื้องต้นนายเมียไรลีได้รับทราบข้อกล่าวหา และรับสารภาพทุกประเด็น ส่วนรายละเอียดทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการสอบสวนก่อน ส่วนการออกหมายจับบุคคลในห้องเลขที่ 414 และ 412 ที่พลูอนันต์อพาร์ทเมนต์ ก็ได้มีการออกหมายจับเพิ่ม จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายอัลดุลเลาะห์ อัลดุลเลาะห์มาร์ (ABDULLAH ABDULLAHMAN) เป็นบุคคลที่ออกหมายจับตามภาพสเกตช์ เพราะไม่สามารถจะหาภาพถ่ายตัวจริงได้ สูงประมาณ 180 เซนติเมตร เป็นบุคคลตามหมายจับที่ 10 และมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้ที่อยู่อาศัย หรือไปมาหาสู่ในพลูอนันต์อพาร์ตเมนต์ และชายชาวต่างชาติไม่ทราบชื่อ สูงประมาณ175 เซนติเมตร บุคคลตามหมายจับที่ 11 ซึ่งภาพได้จากกล้องวงจรปิดในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้กับอพาร์ทเมนต์ดังกล่าว
ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่เจ้าพนักงานไม่สามารถออกในอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง ซึ่งยืนยันว่า ผู้ต้องหาคนดังกล่าวได้เข้าไปใช้บริการจริง ซึ่งผู้ต้องหาที่ออกหมายจับนั้น เป็นบุคคลที่อยู่ภายในห้องพักที่พลูอนันต์อพาร์ทเมนต์ ส่วนการแบ่งหน้าที่จะต้องรอการสอบสวนต่อไป ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวชายเสื้อเหลือง ที่ระเบิดแยกราชประสงค์ บริเวณศาลพระพรหมเอราวัณได้นั้น ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่มีข้อมูล ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ออกหมายจับ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลบ้างแต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด แต่ขอยืนยันว่า นายเมียไรลีได้รับสารภาพตามข้อกล่าวหาทุกประการ ส่วนการสอบสวน จะต้องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการและสรุป เพื่อรายงานผลให้ทราบอีกครั้ง
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นและรายละเอียดต่าง ๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอให้ผลการสอบสวนชัดเจนก่อน ส่วนข้อมูลบางส่วนที่สามารถเปิดเผยได้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. จะชี้แจงเอง ส่วนภาพกล้องวงจรปิดจากทางเดินสกายวอล์กนั้น ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลยืนยันได้ ส่วนข้อสงสัยที่ตั้งไว้เกี่ยวกับนายเมียไรลีนั้นยังไม่หมด และคาดว่าจะมีผู้เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวอีกหลายคน ส่วนการแจ้งข้อหาเพิ่มนายเมียไรลีนั้น จะต้องเป็นเรื่องของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เป็นผู้พิจารณา เนื่องจากเดินทางออกช่องทางที่ไม่ใช่ช่องทางปกติ ส่วนเส้นทางการเงินนั้น ยังไม่ได้รับรายงานจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง.)
นอกจากนี้ กรณีนางสาววรรณา สวนสัน ที่จะติดต่อทางสถานทูตไทยในประเทศตุรกีมานั้น เบื้องต้นยังไม่ได้รับการติดต่อมาเลยเป็นระยะเวลา 4 วัน คาดว่า ทางเจ้าหน้าที่จะต้องประสานไปยังตำรวจสากล และดูว่าประเทศไทยมีสนธิสัญญาระหว่างตุรกีหรือไม่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปยังสถานทูตไทยในตุรกี ซึ่งทางสถานทูตไทยก็ยืนยันว่ายังไม่ได้รับการติดต่อจากนางสาววรรณาแต่อย่างใด ทั้งนี้ หากพนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนนายเมียไรลี ยูซูฟู ภายใน 48 ชั่วโมงแล้ว ก็จะควบคุมตัวส่งศาลจังหวัดมีบุรีต่อไป
