ASTV ผู้จัดการรายวัน-ผบ.ตร.ยังไม่สรุปผู้ต้องสงสัยที่จับกุมได้ที่สระแก้วเป็นชายเสื้อเหลืองมือบึ้มหรือไม่ รอตรวจพยานหลักฐานก่อน แต่ยืนยันอยู่ในขบวนการและรู้เห็นวางระเบิดราชประสงค์แน่ เตรียมพิสูจน์สัญชาติ ประสานสถานทูตไทยในตุรกีออกตั๋วบินให้ "ไมซาเราะห์"กลับ "ประวุฒิ" เผยผลตรวจลายนิ้วมือตรงกันกับที่เจอบนขวดบรรจุสารระเบิด ศาลอนุมัติหมายจับ "เอ็มระห์ ดาวูโตกลู" เป็นรายที่ 8 "ประวิตร"บินไปจีน ปัดคุยเรื่องบึ้ม ฉุนสื่อถามแต่เรื่องโยงอุยกูร์ "บิ๊กตู่"สั่งจัดระเบียนจุดผ่านแดนใหม่ ลั่นเจอเจ้าหน้าที่เอี่ยว มีเด้ง
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม และท่าน้ำสาทร ว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจสามารถควบคุมตัวชายต้องสงสัยได้ที่บริเวณชายแดนธรรมชาติ ต.บ้านป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ส่วนความชัดเจนว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้ เป็นชายเสื้อเหลือง ซึ่งเป็นผู้นำระเบิดมาวางที่ศาลท้าวมหราพรหม แยกราชประสงค์หรือไม่ ตรงนี้เรายังไม่ยืนยัน ไม่อยากให้ด่วนสรุป เพราะการสอบสวนจนไปถึงการจับกุมเราใช้พยานหลักฐานก่อนที่เราจะยืนยันว่าเป็นคนไหนอย่างไร เราจะต้องมีพยานหลักฐานที่เพียงพอ หลักฐานเพียงส่วนเดียวคงไม่เพียงพอที่จะสรุปไปเสียทีเดียวว่าเป็นคนนั้นคนนี้ แต่ผู้ต้องสงสัยรายนี้ ได้มีแจ้งข้อหาเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
"เบื้องต้นตำรวจยังไม่ด่วนสรุป เพราะจะต้องใช้พยานหลักฐานหลายๆ อย่างมายืนยัน แต่จากข้อมูลที่ได้มา มีความเป็นไปได้ อย่างน้อยสามารถฟันธงหรือเชื่อมั่นว่าชายต้องสัยรายนี้มีส่วนอยู่ในขบวนการที่ก่อเหตุที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกกราชประสงค์อย่างแน่นอน แต่จะให้ฟันธงว่าเขาเป็นคนนั้น หรือเป็นตัวละครตัวนั้นตัวนี้ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานสักระยะ” พล.ต.อ.สมยศกล่าว
สำหรับขั้นตอนของตำรวจหลังจากนี้ จะมีการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งประจักษ์พยาน และพยานแวดล้อม นำภาพผู้ต้องสงสัยไปให้พยานดูเพื่อยืนยัน การตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งได้ดำเนินการทุกอย่างแล้ว ส่วนเรื่องสัญชาติ ยังไม่รีบด่วนสรุป เพราะผู้ต้องสงสัยมีการใช้พาสปอร์ตปลอมในการเข้าออกประเทศไทย
***ย้ำไม่เกี่ยวข้องกับก่อการร้าย
ผู้สื่อข่าวถามกึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้น่าจะเป็นชายเสื้อเหลือง พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตนก็อยากให้เป็นอย่างที่นายกฯ ต้องการ อยากให้เป็นชายเสื้อเหลืองที่เป็นผู้นำระเบิดมาวาง เพราะหากเป็นชายเสื้อเหลืองจริง จะสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่ชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวว่าตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว แต่เราจะรีบด่วนสรุปเช่นนั้นไม่ได้ เพราะหากเกิดความผิดพลาดก็คงไม่ดี
เมื่อถามถึงสาเหตุในการก่อเหตุ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า มีหลายสาเหตุ ทุกสาเหตุมีความเป็นไปได้ทั้งสิ้น ต้องรอให้มีความชัดเจน ไม่อยากให้ด่วนสรุปหรือตัดประเด็นใดทิ้งไป แต่อย่างที่ตนย้ำมาตลอดว่าตนมีความมั่นใจว่ากรณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับก่อการร้ายข้ามชาติ
***เผยอยู่ระหว่างการพิสูจน์สัญชาติ
พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงการพิสูจน์สัญชาติของผุู้ต้องสังสัย ว่า เป็นขั้นตอนที่จะต้องตรวจสอบว่าผู้ต้องหาถือพาสปอร์ตของประเทศอะไร ก็ต้องมีการตรวจสอบกับสถานทูตของประเทศนั้นว่าพาสปอร์ตที่ผู้ต้องสงสัยถือ เป็นของจริงหรือไม่ หากจริงหรือไม่ ก็เป็นขั้นตอนที่ต้องดำเนินการต่อไป แต่เรื่องนี้เป็นขั้นตอนต้องใช้เวลา แต่ขณะนี้ ยังไม่ทราบสัญชาติที่แท้จริงของผู้ต้องหาว่าเป็นสัญชาติอะไร หากสามารถพิสูจน์ทราบได้ ก็เป็นกระบวนการที่สถานทูตจะเข้ามาร่วมในการสอบสวน
***พร้อมออกค่าตั๋ว"ไมซาเราะห์"บินกลับ
พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงกรณี น.ส.วรรณา สวนสัน หรือนางไมซาเราะห์ ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ประเทศตุรกี ต้องการเดินทางกลับประเทศไทย และมีการประสานขอให้ทางการไทยออกค่าเครื่องบินให้ว่า ตนได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอังการา ประเทศตุรกี ให้ดำเนินการให้ ส่วนจะมาเมื่อใดหรือมากับใครไม่สามารถตอบได้
***วอนช่วยเป็นหูเป็นตาแจ้งต่างชาติเข้าพัก
วันเดียวกันนี้ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจถึงความคืบหน้าของคดีดังกล่าว
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือการทำงานของเจ้าหน้าที่ ขอความร่วมมือให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าบ้านและผู้ประกอบการโรงแรม ห้องพัก หอพักต่างๆ ที่มีคนต่างชาติเข้าพักอาศัย กรุณาแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ที่ทำการตรวจคนเข้าเมือง หรือสถานีตำรวจในพื้นที่ ภายใน 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่เวลาที่คนต่างชาติเข้ามาพักอาศัย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการปฏิบัติตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522
***ผลสอบลายนิ้วมือพบอยู่บนขวดระเบิด
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า จากการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือที่ได้ส่งให้ทางกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ ได้ผลออกมาแล้วว่าชายคนดังกล่าวมีลายพิมนิ้วมือเดียวกันกับลายนิ้วมือที่อยู่บนขวดที่บรรจุสารระเบิดที่ห้องพัก 414 อาคารพูลอนันต์อพาร์ทเม้น สามารถยืนยันได้ว่าชายคนดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับระเบิด โดยอาจจะเป็นคนนำระเบิดออกจากห้อง หรืออาจจะนำระเบิดไปยังที่เกิดเหตุ ซึ่งการสืบสวนกำลังดำเนินการกับวัตถุพยานหรือข้อมูลทางชีวภาพที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุอยู่
สำหรับกรณีที่มีการออกหมายจับชาย 3 คนเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 1ก.ย.2558 และได้เผยแพร่ไปแล้วนั้น ตรวจสอบพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในผู้ต้องสงสัยที่อยู่กลุ่มเดียวกันทั้งหมดที่พักในอาคารพูลอนันต์อพาร์ทเม้น
ทั้งนี้ อยากขอความรวมมือชายเสื้อสีฟ้าที่ได้ถ่ายรูปเพื่อนโดยหันมุมกล้อง คาดว่าน่าจะถ่ายรูปติดชายต้องสงสัยที่ใส่เสื้อสีเหลือง และน่าจะเห็นภาพได้ชัดเจน โดยหากใครรู้จัก ก็ขอความร่วมมือให้ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยด่วน โดยข้อมูลทุกอย่างจะเก็บเป็นความลับ
***"จักรทิพย์"เผยคดีบึ้มคืบ70%
ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เดินทางมาเข้าพบพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม ก่อนขึ้นเครื่องบินไปปฏิบัติภารกิจเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรว่า มีความคืบหน้าไป 70% แล้ว ส่วนการจับผู้ต้องสงสัยที่จับได้ที่ จ.สระแก้ว ตนยังไม่ได้พูดคุยด้วย และได้ส่งตัวให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลทันที เพราะหน้าที่ในการสอบสวนเป็นเรื่องของนครบาล ส่วนจะเป็นชาวอุยกูร์หรือไม่ ก็ตามพาสสปอร์ตเขาเป็นแบบนั้น เราก็ดูตามเอกสาร แต่ต้องรอการยืนยันว่าเป็นเอกสารจริงหรือปลอมด้วยหรือไม่ และเท่าที่ดูน่าจะเป็นพาสปอร์ตปลอมทั้งนั้น แต่รูปเขา เป็นรูปจริง ศัพท์เขาเรียกว่าผ่าเล่ม เพราะเคยเป็นผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เมื่อถามว่าชายที่จับได้ยอมพูดอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า เขาก็พูดบางส่วน โดยเท่าที่ตนดู เขาพูดเป็นภาษาตุรกี ซึ่งต้องมีการใช้ล่ามในการแปล โดยเขายังปฏิเสธ ซึ่งเป็นธรรมชาติของผู้ต้องหา แต่เขายอมรับว่าตอนเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ เขาบอกว่าอย่างนั้น
เมื่อถามว่ามีความเกี่ยวข้องกับนายเอเดม การาดัค ชาวตุรกี อายุ 28 ปี ผู้ต้องสงสัยที่จับได้คนแรกอย่างไรบ้าง พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า อ๋อ เกี่ยวโยงกันอยู่แล้วเรื่องนี้ เขาอยู่ด้วยกัน พักอยู่ใกล้ๆ กันอยู่แล้ว แต่เขายังไม่เล่าให้ฟังว่าใครเชื่อมโยงอะไรยังไง แต่ยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด ส่วนชายเสื้อฟ้า เราพูดกันเอง แต่เราก็ต้องตามหาอยู่แล้ว และเขาก็ยังไม่ได้บอกเบาะแสอะไร ทั้งนี้ เราไม่ต้องคุยกับเขามากอยู่แล้ว เราก็เดินของเราอยู่แล้ว
***เตรียมออกหมายจับแก๊งบึ้มเพิ่ม
เมื่อถามว่ามาถึงจุดนี้ใกล้เข้าไปถึงตัวผู้บงการหรือยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ก็อยากให้ถึงเหมือนกัน เพราะทำมาเต็มที่ 10กว่าวันแล้ว เดินมาไม่ได้หยุดเลย
เมื่อถามว่าจะมีการออกหมายจับเพิ่มอีกหรือไม่ รองผบ.ตร. กล่าวว่า ทางฝ่ายสอบสวนน่าจะมี เพราะตนเห็นโครงแล้ว ซึ่งใครที่เกี่ยวข้องเราก็จะนำตัวมาพิสูจน์ทราบทั้งหมด เพราะคดีนี้เป็นคดีใหญ่ ส่วนจะมีอีกกี่คน ให้ถาม ผบ.ช.น. เพราะมีหน้าที่สืบสวน และเชื่อว่าเครือข่ายเชื่อมโยงยังมีอีกมาก
เมื่อถามว่านอกจากน.ส.วรรณา ยังมีคนไทยที่จะโดนหมายจับหรือเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า คราวที่แล้วก็นำตัวผู้หญิงที่ขายโทรศัพท์มาแล้ว แต่ถ้าพาดพิงถึงใครเราก็จะนำตัวมาพิสูจน์ทราบทั้งหมด ซึ่งมีอีกหลายคน
เมื่อถามว่าตอนนี้บอกได้หรือยังว่าสาเหตุของการก่อเหตุมาจากอะไร พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ยังไม่อยากบอกว่าสาเหตุอะไร มันยังมีหลายสาเหตุ ไม่อยากตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่ง เดี๋ยวผิดพลาดไปมันลำบาก รวมทั้งยังไม่ได้ตัดประเด็นภายในประเทศและการเมือง ทุกประเด็นยังอยู่ครบหมด เราค่อยๆ ต่อจิ๊กซอว์ไปเรื่อยๆ แต่เชื่อว่ามาถูกทาง และทำเร็วกว่าคดีระเบิดที่อื่นด้วยซ้ำ
***อนุมัติหมายจับสามีวรรณาโยงบึ้มรายที่ 8
รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลได้ออกหมายจับ นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู สัญชาติตุรกี ซึ่งเป็นสามีของน.ส.วรรณา สวนสัน หลังพบความเชื่อมโยงว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวว่า พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน รองผบก.น. 3 รรท.ผกก.สน.มีนบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบ้านเช่า ตรงข้ามกับหอพักไมมูณา ซึ่งเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น จำนวน 3 หลัง กว่า 40 ห้อง โดยเรียกผู้ดูแลห้องเช่ามาสอบถามรายละเอียดผู้เช่าทั้งหมด ตลอดจนเอกสารคนเช่าทั้งหมด ก่อนนำไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบหอพักและบ้านเช่าในพื้นที่ทั้งหมด เพื่อหาเบาะแสความเชื่อมโยงต่อไป
***"ประวิตร"ไม่ยกประเด็นระเบิดคุยจีน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเดินทางไปเยือนจีนว่า คงไม่มีเวลาเยี่ยมเยือนชาวอุยกูร์ที่ไทยส่งกลับจีนไปก่อนหน้านี้ เพราะสถานที่อยู่ไกล ซึ่งก่อนหน้าที่ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ไปเยี่ยมมาแล้ว ส่วนจะใช้โอกาสนี้พูดคุยกับจีนถึงประเด็นเหตุระเบิดที่เกิดในประเทศไทยหรือไม่นั้น ตนมองว่าไม่เกี่ยวกับจีน ถือว่าเป็นเรื่องภายในของเรา ส่วนคดีต่างๆ รอให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนก่อน เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบว่าอะไรเป็นอะไร
***ฉุนสื่อถามแต่เรื่องเชื่อมโยงอุยกูร์
เมื่อถามว่าผู้ต้องสงสัยคนล่าสุดเป็นชาวอุยกูร์หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีเครือข่าย โครงสร้าง เชื่อมโยงกับใครบ้าง นี่คือเรื่องใหญ่ เพราะฉะนั้นต้องดักให้ดี การที่มาถามว่าเชื่อมโยงกลุ่มต่างๆ จะทำให้เกิดความขัดแย้ง จะมาถามทำไม สื่อถามแต่เรื่องอุยกูร์ทั้งวัน ถามให้เกิดความขัดแย้งกับใครก็ไม่รู้ ซึ่งเรายังไม่รู้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับประเด็นใด ยืนยันว่าการดำเนินการกับอุยกูร์ที่ผ่านมาเราทำตามขั้นตอน ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายใดๆ และฝ่ายความมั่นคงสามารถตอบคำถามได้ทุกขึ้นตอน อีกทั้งหน่วยงานยูเอ็นเอชซีอาร์ก็รับทราบมาตลอด และประเทศอื่นๆ ก็รู้ ขอสื่ออย่าทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นมากนัก อยากให้เน้นที่ประเด็นทำอย่างไรให้ประชาชนปลอดภัย ไม่ถูกระเบิดจนเสียชีวิต เราไม่ตัดประเด็นใดออก เพราะมีความเชื่อมโยงกันหมด เท่าที่ทราบมา แต่จะทำอย่างไรให้ประเทศเราปลอดภัย ประชาชนมีความเชื่อมั่น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก นั้นคือสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ
***ลั่นโยงถึงใครจัดการหมด
เมื่อถามว่าขณะนี้กำลังจะสาวไปถึงตัวผู้บงการใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ทำอยู่ ใครเป็นผู้บงการทำแล้วได้ประโยชน์หรือกลุ่มที่เสียประโยชน์จากเหตุระเบิดนี้บ้าง ต้องดูให้ครบทุกมุม ส่วนแนวโน้มได้ตัวผู้บงการนั้น กำลังทำอยู่ ถ้าสืบโยงหรือใครถูกซักทอดก็จะจัดการหมด ทั้งนี้ อยากให้ตรวจสอบดูว่ามีในประเทศไหนบ้างที่ก่อเหตุระเบิดแล้วจับได้ เพราะมีน้อยมาก แต่ไทยจับได้โดยที่เทคโนโลยีต่ำด้วย และขอให้ใจเย็น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานและทำด้วยความมั่นใจ
***วอนอย่าใจร้อนเอาแต่วิพากษ์
ที่ศูนย์แสดงสินค้าและศูนย์ประชุมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เทศบาลนครแม่สอด จ.ตาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีวางระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ จากสืบสวนผู้ต้องสงสัยที่จับได้ ว่า ถ้าอยากให้การสอบสวนเสร็จเร็ว ไปดูหนังเรื่องซีเอสไอ จับผู้ร้ายได้หมด ทุกอย่างจะทำได้หมด โธ่ ต่างชาติยังทำไม่ได้ กี่คดีที่ยังจับไม่ได้ ทำไมไม่ดูเขาบ้างมันก็ธรรมดา เครื่องมือเราทันสมัยหรือยัง เราก็พยายามพัฒนาประสิทธิภาพอยู่นี่ไง ฉะนั้นขอให้ช่วยกัน อย่าติติงกันมากนักอย่าใจร้อน วันนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ทุกวัน ทุกช่อง โอ้ มันเก่งกว่าตำรวจอีกเว้ย ไอ้นั่นต้องอย่างนี้ สงสัยอย่างนั้น ทำไมไม่เป็นตำรวจซะ แต่มาเป็นพิธีกร วิเคราะห์กันเป็นบ้าเป็นหลัง ทำให้สังคมสับสน ตำรวจเขามีวิธีการสอบสวนอยู่ จะเชื่อมโยงยึดโยงด้วยสาเหตุอะไร อย่าเพิ่งไปสรุปมากนัก ถ้าสรุปอย่างนี้ ไอ้ผู้ร้ายเกิดมันไม่ใช่ขึ้นมาก็ดีใจ ว่ารอดแล้ว ไม่เกี่ยว มันไม่ใช่
***สั่งรื้อระบบตรวจคนเข้าเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่าในจุดผ่านแดนต่างๆ จะต้องมีการจัดระเบียบใหม่หรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีช่องโหว่ ในการข้ามแดนผิดกฎหมาย นายกฯ กล่าวว่า กำลังจัดระเบียบอยู่ ซึ่งต้องมีมาตรการเครื่องไม้เครื่องมือเพิ่มเติม และทำด่านใหม่ หากแรงงานจะเข้ามาในประเทศไทย ต้องผ่านระบบการตรวจสอบ หากจะออกบัตรให้อยู่ได้เป็นปีต้องพิสูจน์สัญชาติ วันนี้เป็นภาระเราจดทะเบียนแรงงานต่างชาติ ทั้งหมดประมาณ 6 ล้านคน มาจากประเทศไหนก็ไม่รู้ ซึ่งประเทศเขาต้องพิสูจน์สัญชาติของเขาเอง แต่หากพิสูจน์สัญชาติไม่จบ ก็ต้องออกใบแทน ตรงนี้อาจเป็นแหล่งผลประโยชน์ วันนี้ได้สั่งไปแล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้น เจ้าหน้าที่ต้องโดนย้ายแล้วทำโทษทันที
***"ทูตสหรัฐฯ"ระบุเป็นเรื่องภายในแต่พร้อมช่วย
นายดับเบิลยู แพทริก เมอร์ฟี อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวถึงกรณีเหตุระเบิดที่บริเวณราชประสงค์และสะพานสาทร ว่า ตนในฐานะตัวแทนของรัฐบาลอเมริกัน ทางสถานทูตได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปให้กับเหยื่อทุกรายในเหตุระเบิด และยังประณามการก่อเหตุรุนแรงที่รับไม่ได้นี้ด้วย ส่วนการสอบสวนขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย ซึ่งสหรัฐฯ เองเคยเสนอให้ความร่วมมือ ความช่วยเหลือไปบ้างเหมือนกัน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องคดี ต้องเป็นเรื่องภายในของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย โดยสหรัฐฯ ก็อยากจะทำตัวเป็นประโยชน์เหมือนกัน ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนกับประเทศไทย
***วธ.จัดพิธีบวงสรวงพระพรหม 4 กันยา
นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ช่างสิบหมู่ได้ดำเนินการบูรณะศาลท้าวมหาพรหมและองค์ท้าวมหาพรหม คืบหน้าร้อยละ 90 เหลือเพียงการปิดทองให้เรียบกลมกลืนกันทั้งองค์ ซึ่งทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์ตามกำหนดภายในวันที่ 3 ก.ย. ก่อนที่จะมีพิธีบวงสรวงสมโภช วันที่ 4 ก.ย.นี้ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างมูลนิธิท่านท้าวมหาพรหม กระทรวงวัฒนธรรม และศูนย์การค้าบริเวณแยกราชประสงค์