ASTVผู้จัดการ - ทหารควบคุมตัว “อาเดม คาราดัก” ส่ง บช.น. เตรียมขอฝากขังต่อศาลาลจังหวัดมีนบุรี พรุ่งนี้ หลังควบคุมตัวตามาตรา 44 ครบ 7 วัน “ประวุฒิ” เผย เบื้องต้นแจ้งข้อหาครอบครองระเบิดก่อน ส่วนสัญชาติยังถือเป็นตุรกีตามพาสปอร์ตที่ถือ ก่อนตรวจสอบอีกครั้ง ด้านรายงานข่าวระบุ จากพยานหลักฐานน่าจะเป็นคนประกอบระเบิด ส่วน “ยูซุฟู” เป็นคนกดชนวน โดยทั้งสองได้ไปที่แยกราชประสงค์พร้อมชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้าตั้งแต่เช้าวันก่อเหตุ
วันนี้ (4 ก.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผอ.ส่วนกฎหมายผู้อำนวยการ กอ.รมน. หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานกฎหมาย ส่วนรักษาความสงบ คสช. พร้อมด้วย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2.รอ. และเจ้าหน้าที่กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร.มทบ.11) ควบคุมตัว นายอาเดม คาราดัก หรือ นายบิลาเติร์ก มูฮัมหมัด อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาในคดีวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม และสะพานสาทร ที่ถูกทหารควบคุมตัวจากห้องพัก พูลอนันต์อพาร์ตเม้นต์ เลขที่ 134/5 ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม. พร้อมของกลาง เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยทหารควบคุมไว้ตามคำสั่ง คสช. ที่ 3 ออกตามมาตรา 44 รัฐธรรมนูญชั่วคราว เมื่อครบกำหนดควบคุมตัว 7 วัน จึงนำตัวส่งคณะพนักงานสอบสวน บช.น. โดยมี พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง พล.ต.ต.ภัคพงษ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ชยุต มารยาตร์ รอง ผบก.น.6 พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.บก.น.3 กองการต่างประเทศ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว เป็นผู้รับมอบตัว ขณะที่ นายอาเดม ยังคงสวมเสื้อสีเหลือง กางเกงสีกากีขาสามส่วน ที่ใส่ในวันแรกที่ถูกควบคุมตัว และยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยตลอดการส่งมอบตัว
สำหรับบรรยากาศการรับมอบตัวผู้ต้องหา เป็นไปด้วยความเข้มงวด มีหน่วยอรินทราช ตำรวจอารักขาและควบคุมฝูงชน เจ้าหน้าที่ทหาร ดูแลความปลอดภัยตลอดการส่งมอบตัว จากนั้น นายอาเดม ถูกควบคุมตัวไปที่ห้องปารุสกวัน 2 ซึ่งใช้เป็นห้องสอบสวนความมั่นคง โดยมีแพทย์ รพ.ตำรวจ ได้ทำการตรวจร่างกายนายอาเดม ว่า ไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย ขณะถูกทหารควบคุมตัวไว้ และทำการพิมพ์ลายนิ้วมือเก็บเข้าทะเบียนประวัติอาชญากร นอกจากนี้ ยังเตรียมล่ามแปลภาษาจีน อังกฤษ และอาหรับ ให้กับผู้ต้องหาด้วย
หลังการรับมอบตัว ตำรวจได้เชิญสื่อมวลชนออกจากห้องสอบสวน และไม่ให้บันทึกภาพขณะทำการสอบสวนด้วย ด้าน พล.ต.ท.ศรีวราห์ ได้ให้ล่ามแจ้งนายอาเดม ว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวนายอาเดม ครบ 7 วัน ในวันนี้จะส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวนฝ่ายตำรวจ โดยจะมีการทำบันทึกรับตัว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และวันนี้เป็นเพียงการส่งมอบตัวไม่ได้นำสิ่งของส่วนตัวของผู้ต้องหามาส่งให้กับตำรวจ
ต่อมาเวลา 15.50 น. พล.ต.ท.ประวุฒิ เปิดเผยภายหลังการรับมอบตัว ว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัว นายอาเดม คาราดัก ซึ่งถูกจับกุมได้ที่อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก พร้อมวัสดุอุปกรณ์ประกอบระเบิด ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 3 /2558 เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา ส่งมอบตัวให้ตำรวจ บช.น. หลังฝ่ายความมั่นคงดำเนินการสอบสวนแล้วเสร็จ เบื้องต้นได้ทำประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือ ตรวจร่างกายพร้อมสอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็น ก่อนแจ้งข้อกล่าวหามีวัตถุระเบิดที่เจ้าพนักงานไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง ขณะนี้ได้ส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คาดว่า วันนี้ไม่สามารถส่งตัวฝากขังศาลได้ทัน ภายหลังสอบสวนเสร็จจะควบคุมตัวนายอาเดมไปไว้ในพื้นที่ บก.น.3 เพื่อรอขออำนาจศาลฝากขังจากศาลจังหวัดมีนบุรี ในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ย.)
สำหรับสัญชาติของนายอาเดมนั้น เบื้องต้นยังใช้ข้อมูลตามที่ผู้ต้องหาได้ถือพาสปอร์ตที่นำมาใช้ เนื่องจากยังไม่สามารถยืนยันสัญชาติได้ยังไม่รู้พูดภาษาอะไร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบก่อนส่งให้สถานทูตแต่ละประเทศ ตรวจสอบอีกครั้ง ส่วนรายงานการสอบสวนของฝ่ายความมั่นคงยังไม่สามารถเปิดเผยได้
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่ผู้ต้องหาใช้ชื่ออาเดม คาราดัก สัญชาติตุรกี เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าใช้พาสปอร์ตดังกล่าว ซื้อซิมโทรศัพท์มาใช้ คาดว่า อาจจะเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งชื่อจริงนั้นจากการสอบปากคำยืนยันว่า นายบิลาเติร์ก มูฮัมหมัด สัญชาติตุรกี ไม่ใช่สัญชาติปาเลสไตน์ โดยที่ไม่ได้มีออกหมายจับ เนื่องจากผู้ต้องหาดังกล่าวถูกจับกุมได้ซึ่งหน้าพร้อมกับพยานหลักฐานที่ใช้ในการประกอบวัตถุระเบิด
ส่วนการตรวจสอบวัตถุพยานที่เป็นสารเคมีใช้ประกอบวัตถุระเบิดนั้น ล่าสุด จากการตรวจสอบพบภาพกล้องวงจรปิดพบภาพของนายมีไรลี ยูซุฟู อายุ 26 สัญชาติจีน ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ที่ชายแดนด่านธรรมชาติ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พบว่า นายยูซุฟู ได้เดินทางไปซื้ออุปกรณ์ โดยเฉพาะสารเคมีที่ใช้มาเป็นสารประกอบวัตถุระเบิด บริเวณร้านเคมีภัณฑ์ย่านมีนบุรี เมื่อวันที่ 21 ก.ค. และวันที่ 12 ส.ค. ก่อนจะเกิดเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลระบุอีกด้วยว่า นายยูซุฟู จบการศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์เกี่ยวเคมี มหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศจีน แต่จากการสืบสวนยืนยันว่า ช่วงเช้าก่อนวันเกิดเหตุนั้น ชายสวมเสื้อสีเหลือง ชายสวมเสื้อสีฟ้า นายอาเดม และนายยูซุฟู เดินทางมาอยู่ในบริเวณแยกราชประสงค์อย่างแน่นนอน โดยเชื่อว่า นายอาเดม น่าจะเป็นผู้ประกอบระเบิด ส่วนนายยูซุฟู เป็นผู้กดชนวนระเบิด ที่อาจจะมีการตั้งเวลาด้วยนาฬิกาไว้ อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลสรุปการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมดอีกครั้ง เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุที่ชายสวมเสื้อสีฟ้าเอาระเบิดมาทิ้งไว้บริเวณท่าเรือสาทร
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากการตรวจสอบของกองพิสูจน์หลักฐานเกี่ยวกับร่องรอยของลายนิ้วมือนายยูซุฟู และนายอาเดม ยืนยันว่า ตรงกับลายนิ้วมือที่พบภายในห้องเลขที่ 412 และ 414 พูลอนันต์อพาร์ตเม้นต์ เลขที่ 134/5 ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม. และพบลายนิ้วมือของนายยูซุฟู ที่ห้องพักที่ 9106 ไมมูณา การ์เด้นโฮม ซอยราษฎร์อุทิศ 25/8 ถนนราษฎร์อุทิศ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม. ที่มี น.ส.วรรณา สวนสัน และนายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู สามีเป็นผู้มาเปิดห้องพักดังกล่าว
ทั้งนี้ การตรวจสอบลายนิ้วมือเปรียบเทียบวัตถุพยานที่คนร้ายจ่ายให้กับคนขับรถสามล้อเป็นธนบัตร 20 บาท นั้น ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจากการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด พร้อมทั้งสอบปากคำนายยูซุฟู ยังให้การว่า ตนไม่ใช่ชายเสื้อเหลืองที่ลงมือก่อเหตุแต่อย่างใด ส่วนการตรวจสอบอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่ใช้ประกอบวัตถุระเบิด อาทิ ฝักแค หรือชนวนจุดระเบิดนั้น ทางชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดยืนยันว่า ไม่มีขายในประเทศไทย จึงยังต้องทำการตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัตถุพยานอื่น ๆ