ผบ.ตร.เผยยังไม่ได้รับรายงาน “ยูซูฟู” ซัดทอด “อีซาน” จ้างระเบิดศาลพระพรหม และไม่ยืนยันข่าวคนร้ายหนีไปทางชายแดนมาเลเซีย แต่ตัวนายยูซูฟูโยงเหตุระเบิดแน่ มั่นใจเอาผิดในชั้นศาลได้ ชี้แท็กซี่มีพิรุธให้การแต่ละครั้งไม่ตรงกัน อาจถูกดำเนินคดีฐานขนคนต่างด้าว ลั่นล้างบาง สตม.ส่งท้ายก่อนเกษียณ ข้อมูลร้องเรียนเพียบ เล็งรายงานนายกฯ
วันนี้ (8 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทร ว่ายังไม่ได้รับรายงานเรื่องการสอบปากคำ หรือคำให้การของนายยูซูฟู มีไรลี ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมที่ จ.สระแก้ว ส่วนที่ระบุว่ามีผู้บงการอยู่เบื้องหลังชื่อว่านายอีซานหรือชื่ออื่นๆ นั้นตนยังไม่สามารถบอกได้ หากมีข้อเท็จจริงก็เป็นหน้าที่ของชุดสืบสวนสอบสวนต้องดำเนินการ รวมถึงจากการให้การของผู้ต้องหาที่อ้างว่ารู้ชื่อผู้บงการและเส้นทางการเดินทาง หรืออ้างว่าใครเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ตนก็ทราบจากข่าว ยังไม่ทราบ ยังไม่ได้รับรายงาน ตรงนี้เป็นหน้าที่ของชุดสืบสวนสอบสวนเช่นกัน จะเกี่ยวข้องกับใครตนไม่สามารถที่จะยืนยันชื่อได้ขนาดนั้น เช่นเดียวกับที่อ้างว่าบุคคลที่คาดว่าเป็นผู้บงการเดินทางออกนอกประเทศผ่านทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า วันนี้ตนได้คุยกับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ถามว่ามีเหตุการณ์อย่างนี้จริงหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ก็บอกว่าไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น ส่วนข่าวที่บอกว่า 2 คนที่หนีไปทางมาเลเซีย หรืออยู่ที่ชายแดนแถวมาเลเซียนั้นเป็นข้อมูลที่รับฟังมาแต่ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันขนาดว่ามีผู้ต้องสงสัยหรือผู้ที่ร่วมก่อการหนีเข้าไปในมาเลเซียแล้วหรืออยู่ที่ภาคใต้ ฟังมาก็ติดตามข่าว แต่ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนขนาดนั้น
“ขบวนการนี้มีเป็นสิบ ในกลุ่มบางคนรู้จักกัน แต่บางคนไม่รู้จักกันเลย วิธีการค่อนข้างจะลึกลับซับซ้อน มีการส่งข้อความผ่านโซเชียล เทคโนโลยีใหม่ๆ ตำรวจก็ต้องใช้ความสามารถเข้าไปสู่ความลึกลับซับซ้อนนั้นให้ได้ อย่างไรก็ตาม ผมไม่ทราบรายละเอียดการสอบปากคำนายยูซูฟู เชื่อว่าหากคำให้การเป็นประโยชน์เจ้าหน้าที่คงนำมาใช้ประโยชน์ ส่วนจะรับสารภาพหรือไม่ก็ไม่จำเป็นเพราะเรามีพยานหลักฐานหลายๆ อย่างมาประกอบ ไม่ขอนำมาเปิดเผยเพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวนการสอบสวน” พล.ต.อ.สมยศกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีเพียงการแจ้งข้อหาและออกหมายจับในความผิดข้อหาครอบครองยุทธภัณฑ์ในพื้นที่ สน.หนองจอก และ สน.มีนบุรี มีอะไรเป็นหลักฐานเชื่อมโยงกับเหตุระเบิด 2 จุดหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า หลักฐานเยอะแยะ ที่สามารถระบุได้ว่ามีส่วนร่วมกับขบวนการนี้ แต่ตนเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้เพราะเจ้าหน้าที่จะทำงานยากและเจ้าหน้าที่ยัง ต้องสืบหาตัวผู้ร่วมขบวนการที่ยังไม่พบ หรืออาจมีมากกว่านี้ให้ได้ก่อน จะให้ระบุชัดเจนว่าขบวนการนี้มีกี่คนยังทำไม่ได้
“ผมว่าตัวผู้ต้องหาอาจจะรู้จักไม่กี่คนเฉพาะกลุ่มที่ทำงานร่วมกัน แต่คนอื่นๆ ได้มีการสื่อสารกันแต่อาจจะไม่รู้จักกันก็ได้ การรับคำสั่งอาจรับมาเป็นทอดๆ ก็ได้ คนต้นทางกับกลางทางอาจรู้จักกัน โดยไม่รู้จักคนปลายทาง เชื่อว่าเขามีการคิดการวางแผน กำหนดวิธีการมาอย่างดี นี่คือความซับซ้อน” พล.ต.อ.สมยศกล่าว และว่าในเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานว่าจะแจ้งข้อหาใดบ้าง ยังบอกไม่ได้ว่าตอนนี้จะแจ้งข้อหาก่อเหตุระเบิด หรือก่อการร้ายได้หรือไม่ เข้าประเด็นข้อกฎหมายอะไร สอบถามไปทาง พล.ต.ท.ศรีวราห์ได้ความว่ากำลังดำเนินการอยู่ทุกอย่าง
“ก่อนจะแจ้งข้อหา ทั้งคำให้การของผู้ต้องหา พยานหลักฐานที่ปรากฏ คำให้การของพยานมันจะต้องเจือสม สอดคล้องกันก่อน มันต้องใช้เวลาหากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์กับคำให้การไม่ตรงกันก็ใช้ไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติก็ระบุถึงสถานที่ไม่ถูก เช่น บอกว่าจุดนั้นคือหัวลำโพง บอกว่าอยู่หน้า ตร. จริงๆ อาจไม่ใช่ บอกจุดไม่ชัด ตรงนี้ต้องทำแผนประกอบคำรับสารภาพยืนยันไล่จุดให้ชัดเจน เมื่อคืนที่ผ่านมาจึงสอบสวนกันถึงตี 5
แม้แต่คำให้การของคนขับแท็กซี่เองก็ยังมีความสับสนไม่ตรงกันในแต่ละครั้ง ตอนแรกบอกรับผู้ต้องหาหน้าตึกชาญอิสสระ อีกวันบอกไม่ใช่ ไปรับที่พระราม 3 แม้แต่คนไทยยังพูดไม่ตรง ถามอีกวันบอกมึน บางครั้งอาจมีการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยการรับส่งเคลื่อนย้ายชาวต่างชาติไปตามจังหวัดต่างๆ ซักถามแท็กซี่บางคันที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง อ้างว่าไม่รู้จักกับบุคคลเหล่านี้ แต่มีการพูดคุยกันกว่า 20 นาที เป็นไปได้อย่างไรว่าไม่รู้จักกัน คุยตั้ง 20 นาที บอกว่าตัวอยู่ฝั่งธนฯ ได้รับโทรศัพท์ จึงไปรับกลุ่มผู้ต้องหาที่ย่านรามคำแหง มันไม่เมกเซนส์ เมื่อซักไซร้มาก ๆ ก็ตอบเลี่ยงไปเลี่ยงมา เพราะกลัวมีความผิด ว่าส่งคนพวกนี้ขึ้นรถทัวร์ไปภาคใต้ ขนย้ายชาวต่างชาติ พวกนี้พูดลึกไปก็โดนตัวเอง ปกปิดป้องตัวเองกะล่อนที่สุดเลย แต่สุดท้ายก็จนด้วยหลักฐาน อาจมีการดำเนินคดีกับแท็กซี่ด้วยเพราะไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนส่งชาวต่างชาติ แต่อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่สุดท้ายกลายเป็นความผิด แค่อยากได้เงินเท่านั้น ที่พยายามบอก คือ อย่าเพิ่งเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา มันเปลี่ยนแปลงได้ อย่างถามว่าเคยไปหัวลำโพงไหม เขาบอกไม่เคย พอเอาซีซีทีวีให้ดูว่านี่คุณอยู่ที่หัวลำโพงจึงยอมรับ มันเป็นอย่างนี้หลายคดี พอขึ้นศาลก็อ้างว่าตำรวจซ้อมให้รับสารภาพ ย้ำว่าอย่ารีบสรุปเพราะพวกนี้ฝึกมาดี ไม่ง่ายหรอกที่จะถามแล้วเผลอบอกยอมรับง่ายๆ หากรีบสรุปจะเสนอข่าวผิดๆ ไป” พล.ต.อ.สมยศกล่าว และว่าพยานหลักฐาน และคำให้การของผู้ต้องหาสอดคล้องสมบูรณ์จึงนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพได้ในวันนี้ และมั่นใจว่าสามารถดำเนินคดีในชั้นศาลได้ เขารับสารภาพในหลักฐานที่ตำรวจเอาไปยัน วันนี้ต้องพาไปชี้จุดให้ถูกต้อง มันไม่ง่าย ทุกอย่างต้องเป็นขั้นเป็นตอน ตำรวจทำงานกันทั้งคืน
เมื่อถามว่านายยูซูฟูรับว่าเป็นคนประกอบระเบิด หรือนำระเบิดมายังที่ก่อเหตุหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า คงคล้ายๆ อย่างนั้น ขณะที่จากการสืบสวนสอบสวนพบว่านายอาเดม คาราดัก และนายยูซูฟู ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนพักอยู่ในห้องเดียวกัน ส่วนมีรายงานว่าจับชายเสื้อเหลืองได้นั้นไม่มี ตนได้ยินจากสื่อมวลชน ก็สอบถาม ผบช.น.ได้รับคำตอบว่าไม่ยืนยัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)ได้มีการตรวจสอบเส้นทางสนับสนุนทางการเงินของขบวนการนี้หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มีรายงานว่าเส้นทางการเงินมาจากประเทศตุรกี พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ทาง ปปง.ก็กำลังดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินอยู่ ถามว่าโอกาสการสนับสนุนเส้นทางการเงินจากต่างประเทศจะมีมากน้อยแค่ไหน ผบ.ตร.กล่าวว่า ก็ต้องให้ ปปง.ยืนยันเข้ามาก่อน
เมื่อถามถึงกรณีการออกมาระบุถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และสั่งให้จัดระเบียบใน สตม.นั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า ตนได้รับร้องเรียนจากประชาชน บริษัททัวร์ บริษัทท่องเที่ยวว่าได้รับผลกระทบ ได้รับร้องเรียนหลายเรื่อง ก็ได้ตำหนิตำรวจ ตม.ไปแล้วในการเรียกประชุมเมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา บอกไปว่ามันมีผลกระทบต่อประเทศชาติ สำหรับกรณีที่ระบุว่ามีการเรียกรับเงินใต้โต๊ะหลายรูปแบบ และกำชับไปยัง พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผบช.สตม.ให้ดำเนินการนั้น พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า หากตนพบพฤติกรรมก็ต้องพิจารณาโยกย้าย
ถามว่า ผบ.ตร.จะเกษียณในอีกไม่กี่วัน อาจไม่มีใครเกรงกลัว ผบ.ตร.กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร เมื่อวานนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.ว่าที่ ผบ.ตร.คนต่อไปก็ร่วมรับฟัง อย่างไรก็ตาม ตนจะรายงานเรื่องนี้ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีด้วย ตนอยากล้างบาง อยากยกเครื่องเหมือนกัน ส่วนเรื่องเงินใต้โต๊ะที่ด่าน ตม.ดอนเมืองและสุวรรณภูมิ วันละ 1.8 ล้านบาทนั้น ตนก็ได้รับรายงานมาอย่างนี้