xs
xsm
sm
md
lg

โฆษก ตร.ยันมาเลย์จับ 3 ผู้ต้องสงสัยไม่ใช่มือระเบิด “อิซาน” เข้าอินเดียก่อนไปตุรกี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ASTV ผู้จัดการ - โฆษก ตร. ยอมรับมาเลย์รวบ 3 ผู้ต้องสงสัย ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำคนเข้าเมือง แต่ไม่ใช่ตัวที่ไทยต้องการ รอผลสอบของมาเลเซียอีกครั้ง ยัน “อิชาน” เดินทางออกจากบังกลาเทศ ไปยังกรุงเดลี ประเทศอินเดีย ก่อนเผ่นต่อไปยังตุรกีเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่


วันนี้ (14 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดีระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ว่า ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับข้อมูลล่าสุดจากทางสถานเอกอัครราชทูตบังกลาเทศ แจ้งว่า นายอาบูดูซาตาเออร์ อาบูดูเรห์มาน หรือ อิซาน อายุ 27 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับร่วมขบวนการระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ได้เดินทางออกจากกรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา ไปยังกรุงเดลี ประเทศอินเดีย โดยสายการบินเจ็ท แอร์เวย์ส จากนั้นได้เดินทางจากกรุงเดลี ต่อไปยังกรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จากนั้นก็เดินทางไปยังนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ทั้งนี้ ทั้งหมดเป็นการเดินทางต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. และถึงปลายทางประเทศตุรกีในวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา และใช้หนังสือเดินทางเล่มเดียวกับที่เป็นข่าวโดยตลอด อย่างไรก็ตาม จากนี้จะได้ประสานกับทางสถานทูตประเทศตุรกี เพื่อให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลต่อไป ทั้งนี้ เชื่อว่า สาเหตุที่ผู้ต้องหาติดสินใจเดินทางไปตุรกีแทนประเทศจีนนั้น เนื่องจากต้องการตบตาเจ้าหน้าที่โดยเปลี่ยนเส้นทางระหว่างต่อเครื่อง

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการขยายผลจากการทำงานของฝ่ายสืบสวน ทราบว่า มีการขนสิ่งของผู้ต้องสงสัยที่หลบหนีไปแล้วกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มนี้ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเชื่อมโยงอย่างไร โดยพบของใช้และอุปกรณ์เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือไปฝากไว้ที่ห้องในหอพักอู๊ดดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจค้น อย่างไรก็ตามการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่นั้นได้ดำเนินไปเรื่อยๆในทางลับอย่างต่อเนื่อง

โฆษก ตร. กล่าวว่า สำหรับกรณี ผบ.ตร. มาเลเซีย ให้สัมภาษณ์ว่า สามารถจับกุมชายผู้ต้องสงสัยเป็นชาวมาเลเซีย 2 คน และชาวปากีสถาน 1 คน ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีระเบิดที่ประเทศไทยนั้น เรื่องนี้ตนได้ประสานไปยังตำรวจประเทศมาเลเซียแล้ว ว่า อาจมีผู้ต้องหาหลบหนีผ่านไปทางประเทศมาเลเซีย ซึ่งทางตำรวจมาเลเซียก็ได้มีการสอบสวนจนสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยที่อยู่ในขบวนการลักลอบนำคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของมาเลเซีย ซึ่งทางมาเลเซียมีข้อมูลด้วยว่าผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้อาจเป็นกลุ่มที่พาผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในเมืองไทยเดินทางไปยังมาเลเซีย แต่เรื่องนี้ทางการไทยยังไม่ได้รับการยืนยันจากมาเลเซียต้องรอให้การสอบสวนของทางมาเลเซียเสร็จสิ้นก่อน ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ประสานผ่านทางตำรวจสันติบาลที่ประจำอยู่ในประเทศมาเลเซีย อย่างใกล้ชิด

“ตอนนี้ต้องรอการยืนยันว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นกลุ่มคนในขบวนการลักลอบนำคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจากมาเลเซียอีกครั้ง ส่วนจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับผู้ก่อเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรหรือไม่นั้น ต้องรอข้อมูลยืนยันจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่มาเลเซียอีกครั้ง”

พล.ต.ท.ประวุฒิ ระบุ และว่า ต้องรอข้อมูลยืนยันก่อนว่าผู้ต้องสงสัย 3 คนดังกล่าวเป็นผู้ช่วยเหลือผู้ต้องหาที่ก่อเหตุระเบิดที่ประเทศไทยหรือไม่ หากใช่ก็ต้องดำเนินคดีที่ไทย เพราะกระทำความผิดในประเทศไทย แต่ถ้าเป็นผู้ต้องกระทำผิดเกี่ยวกับการลับลอบพาคนเข้าเมืองในประเทศมาเลเซียไม่ได้ช่วยเหลือผู้ก่อเหตุระเบิด ก็ไม่เกี่ยวกับประเทศไทยแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน เบื้องต้นผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คนไม่ใช่ผู้ก่อเหตุระเบิดตามที่ศาลอนุมัติออกหมายจับก่อนหน้านี้

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ปกติแล้วทางการไทยได้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศอยู่แล้ว ทั้งเมียนมา ลาว หรือมาเลเซีย โดยประสานผ่านทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลประจำประเทศนั้น ๆ หรือตำรวจตระเวนชายแดนทุกหน่วยที่เราเคยทำงานร่วมกัน แต่ทั้งนี้ ทางการมาเลเซียเขามีข้อมูลจึงรายงานข่าวออกมา ทั้งนี้ ทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ประสานข้อมูลความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับตำรวจมาเลเซียอยู่เช่นกัน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศมีความร่วมมือกันเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสงสัยว่า 3 คนที่ถูกจับได้ที่มาเลเซียนั้นอาจเกี่ยวข้องกับการพาผู้ก่อเหตุหลบหนี ต้องรอการสอบสวนเพื่อความชัดเจนถ้าพบว่าเกี่ยวข้องกับการพาผู้ก่อเหตุหลบหนีเจ้าหน้าที่ไทยก็จะขอเดินทางไปตรวจสอบที่มาเลเซียต่อไป

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า หากข้อมูลสรุปว่าเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิด เจ้าหน้าที่ก็จะนำชื่อไปตรวจสอบจากการเดินทางเข้าออกประเทศเพื่อยืนยันตัวบุคคลและนำภาพมาตรวจสอบ ส่วนตัวชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้านั้น เจ้าหน้าที่คาดว่ายังคงหลบหนีอยู่ไม่ไกลจากชายแดน เนื่องจากเราได้กดดันอย่างหนักและประเทศเพื่อบ้านก็กดดันเช่นกันจึงเชื่อว่าผู้ต้อวหายังหนีไปได้ไม่ไกล แต่จากการตรวจสอบไม่พบข้อมูลการเดินทางผ่านช่องทางปกติ จึงคาดว่าน่าจะใช้ช่องทางธรรมชาติในการหลบหนี

ส่วนเรื่องการย้ายผู้ต้องหาไปเรือนจำชั่วคราว มทบ.11 นั้น พล.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า เป็นเรื่องของความปลอดภัย เพราะหากควบคุมผู้ต้องหาปะปนกับนักโทษคนอื่นจะมีโอกาสเกิดอันตรายได้ อีกทั้งเพื่อความสะดวกในขั้นตอนการสอบสวนผู้ต้องหาของเจ้าหน้าที่ โดยตอนนี้คดีมีความคืบหน้าไปมากและสามารถขยายผลไปได้เรื่อย ๆ ไม่สามารถกำหนดเป็นเปอร์เซ็นได้เพราะมีข้อมูลใหม่ตลอด
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น