ASTVผู้จัดการ - ทูตบังกลาเทศพบโฆษก ตร. ยอมรับ “อิซาน” ผู้ต้องสัยเอี่ยวบึ้มราชประสงค์ - ท่าเรือสาทร เดินทางเข้าประเทศจริงโดยใช้วีซ่าท่องเที่ยว ตั้งแต่ 16 ส.ค. ก่อนเดินทางออก 30 ส.ค. ขณะที่ทางการไทยประสานไปเมื่อ 2 ก.ย. จึงตามตัวไม่ทัน ด้าน “ประวุฒิ” เผย ยังตรวจสอบไม่ได้ว่า เดินทางผ่านอินเดียเพื่อต่อไปยังจีนตามข่าว หรือไม่
วันนี้ (11 ก.ย.) เมื่อเวลา 18.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) น.ส.ไซดา มูนา ทาสนีม (Miss Saida Muna Tasneem) เอกอัครราชทูตบังกลาเทศ ประจำประเทศไทย เข้าหารือกับ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณี นายอาบูดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน หรือ อิซาน ชายต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ซึ่งมีกระแสข่าวว่าหลบหนีไปยังประเทศบังกลาเทศ เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ทาง น.ส.ไซดา ยอมรับว่า ชายต้องสงสัยเดินทางเข้าประเทศจริง โดยพักอยู่ 14 วัน หลังจากออกเดินทางจากประเทศไทย เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม และได้ออกจากประเทศบังกลาเทศในวันที่ 30 ส.ค. แต่ทางการไทยประสานไปยังทางการบังกลาเทศ เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ทำให้ทางการบังกลาเทศไม่สามารถตรวจสอบได้ โดยนายอิซานได้วีซ่าที่ออกโดยสถานทูตบังกลาเทศประจำประเทศไทย ที่ออกให้เป็นแบบวีซ่านักท่องเที่ยว ส่วนการที่นายอิซานจะไปพัก หรือไปยังที่ใดในบังกลาเทศ นายอิซาน ไม่ได้ไปตามที่ได้แจ้งไว้ ซึ่งทางการบังกลาเทศจะตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดในช่วงที่นายอิซานไปพักอยู่ในประเทศบังกลาเทศ ว่า มีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง และจะรายงานให้ทางการไทยทราบต่อไป
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกำหนดการที่ระบุว่าจะเดินทางต่อไปยังประเทศจีน ผ่านทางกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดียนั้น ขณะนี้ตรวจสอบแล้ว ไม่พบข้อมูลว่ามีการไปยังปลายทางดังกล่าว ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่านายอิซานเดินทางไปบังกลาเทศเป็นครั้งแรก ส่วนจะมีการเดินทางต่อไปยังประเทศอินเดียหรือไม่ ทางการไทยก็จะต้องมีการประสานกับทางอินเดีย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด
อนึ่ง พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวก่อนการเข้าพบของเอกอัครราชทูตบังคลาเทศ ว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ให้เป็นผู้พูดคุย โดยจะทางตำรวจมีประเด็นที่ต้องสอบถามเกี่ยวกับเส้นทางการเดินทางออกไปจากประเทศไทย ที่เจ้าหน้าที่พบว่าหนังสือเดินทางของผู้ต้องหามีต้นทางจากประเทศไทยเดินทางไปยังประเทศบังกลาเทศ แต่เราต้องการทราบว่าจากบังกลาเทศแล้วผู้ต้องสงสัยจะเดินทางต่อไปประเทศใด จึงต้องขอคำยืนยันจากทางเอกอัครราชทูตอีกครั้ง ทั้งนี้ หากพบว่ามีข้อมูลว่าผู้ต้องหาเดินทางต่อไปยังประเทศจีน ก็จะประสานทางการจีนต่อเนื่องกันไป แต่ที่ผ่านมาก็ได้ประสานกับทุกประเทศอยู่แล้ว เพียงแต่หากพบข้อมูลว่าเดินทางไปประเทศใดก็จะประสานเป็นกรณีพิเศษต่อไป
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจต้องการคำยืนยันเกี่ยวกับการเดินทางของผู้ต้องสงสัยในรูปแบบเอกสารจากทางการบังกลาเทศ เพื่อใช้ในการประกอบสำนวนให้เกิดความชัดเจนในการทำคดี ซึ่งตนจะได้พูดคุยถามกับทางท่านทูตว่าท่านรู้อะไรบ้าง โดยสอบถามถึงข้อมูลที่มีอยู่เพื่อให้ช่วยตรวจสอบในหลาย ๆ เรื่องที่เราอยากรู้ ส่วนความคืบหน้าทางคดีนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนเพิ่มเติมในรายละเอียดเพื่อหาความเชื่อมโยงของขบวนการนี้ อาทิ ชายในรูปภาพหมายจับนั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไร ซึ่งตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าทำงานเป็นทีมแบ่งงานกันทำ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ในวันที่ 14 ก.ย. นี้ จะสามารถได้ข้อมูลและความชัดเจนทั้งหมดอย่างแน่นอน
“ตอนนี้ตำรวจได้ข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการดังกล่าวมากพอสมควรแล้ว นอกจากนั้น ยังพบเบาะแสจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่าผู้ต้องหาที่ที่ลงมือก่อเหตุทั้งชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้ายังหลบหนีไปไม่ไกลจากชายแดนประเทศไทย ไม่ใช่เดินทางออกไปยังต่างประเทศตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ เช่น กระแสข่าวล่าสุดที่ว่าคนร้ายเดินทางไปยังกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นั้น ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ยืนยัน แต่ก็ได้ตรวจสอบตามปกติอยู่แล้ว ซึ่งต้องตรวจสอบทางเข้าออกทุกพื้นที่เพื่อหาข้อมูลของคนร้ายให้ชัดที่สุด” โฆษก ตร. กล่าว
พล.ต.ท.ประวุฒิ ยังได้กล่าวถึงกรณีการย้ายตัวผู้ต้องหาไปควบคุมในค่ายทหาร ว่า การย้ายตัวผู้ต้องหาดังกล่าวน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับมาตรการดูแลความปลอดภัย เนื่องจากตอนนี้ข้อมูลของทางเจ้าหน้าที่เข้าใกล้ตัวมือระเบิดทั้งที่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ทุกทีแล้ว เชื่อว่า น่าจะจับได้เร็ว ๆ นี้ หรือถ้าไม่ได้ก็คงรู้ตัวแน่ว่าเป็นใคร นอกจากนั้น ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบพยานวัตถุระเบิดที่ใช้ก่อเหตุว่าเป็นประเภทยุทธภัณฑ์หรือไม่ หากเป็นยุทธภัณฑ์ก็จะพิจารณาว่าจะเข้าข่ายการพิจารณาคดีในศาลทหารหรือไม่ต่อไป
