"วินธัย" ติง"วัฒนา" อย่าด่วนสรุปถูกทหารทำร้ายร่างกาย เร่งตรวจสอบ คาดเป็นเรื่องส่วนตัว เล็งเชิญ "ภูมิธรรม" พูดคุยปรับทัศนคติ หลังแสดงความเห็นต่อเนื่อง เผยคสช.เตรียมปล่อยตัว "พิชัย" กลับบ้าน 15 ก.ย.นี้ ส่วน "เก่ง" ต้องรอ 17 ก.ย. แต่ถ้าไม่ร่วมมือจนท. เตรียมใช้ กม.เชือด ขณะที่ คสช. เชิญ"ประวิตร โรจนพฤกษ์ "ปรับทัศนคติอีกคน "บิ๊กตู่" ลั่นใครพูดให้เสื่อมเสีย โดนเชิญตัวแน่ สวน"วัฒนา" บอกไม่รู้ไปพูดแล้วเป็นศัตรูกับใครอีกหรือเปล่า แล้วมาโทษทหาร ด้านสมาคมนักข่าวฯ ทำความชัดเจนกรณี ควบคุมตัวผู้สื่อข่าวอาวุโส ไม่เพียงกระทบสิทธิเสรีภาพสื่อ-คนไทยเท่านั้น แต่ส่งผลต่อภาพลักษณ์โดยรวมของประเทศ ขณะที่อดีตรมต. คนดังแจ้งตำรวจ สภ.ปากเกร็ด
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณี นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ถูกทหารทำร้ายร่างกาย ที่สนามซ้อมฟุตบอลเมืองทองธานี เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่า เรื่องดังกล่าวคงต้องมีรายละเอียดมากกว่านี้ เพราะในพื้นที่บริเวณดังกล่าว เป็นพื้นที่ที่มีคนไปพักผ่อน และดูกีฬาเป็นจำนวนมากในทุกสาขาอาชีพ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องความไม่พอใจส่วนตัว หรืออาจเป็นความผิดปกติของบุคคลกระทำ หรือจะด้วยแรงจูงใจอะไร คงเป็นไปได้หลากหลาย ต้องมีรายละเอียดเพิ่มเติม ทั้งนี้ขอร้องนายวัฒนา อย่าเพิ่งกล่าวพาดพิงถึงองค์กรใดองค์กรหนึ่ง เพราะจะดูไม่เป็นธรรมกับหน่วยงานนั้นๆ
อย่างไรก็ตาม ขอให้มั่นใจในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐในปัจจุบันที่ทุกอย่างยังเป็นไปตามช่องทางตามระบบราชการ ส่วนที่มีการกล่าวถึงข้าราชการทหาร ที่อยู่ในบริเวณนั้นทางหน่วยต้นสังกัดคงจะได้สอบถามเพื่อขอทราบในรายละเอียดต่อไป
"เชื่อว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ทุกคนมีแฟนคลับกันทั้งนั้น ใครเกลียดใคร หรือรักใคร เป็นเรื่องยากที่จะคาดเดา ส่วนที่นายวัฒนา จะเดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ หากถูกทำร้ายร่างกาย แต่ยังไม่อยากให้พาดพิงถึงหน่วยงาน หรือองค์กร ขอให้รอให้มีความชัดเจนมากกว่านี้ในเรื่องข้อมูล ซึ่งอาจจะเป็นคนที่แต่งตัวเลียนแบบคล้ายกับทหารก็ได้ แต่ถึงแม้ว่าเป็นทหารจริง ทางหน่วยต้นสังกัดก็ต้องดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง ขอให้มั่นใจว่า คสช. ไม่ทำในสิ่งที่นายวัฒนากังวล เพราะก่อนหน้านี้ก็เรียกมาพูดคุยหลายครั้งแล้ว ส่วนกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และอดีตรมช.คมนาคม ออกมาแสดงความคิดเห็นกรณีที่ คสช. เชิญตัว นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน และนายการุณ โหสกุล หรือ เก่ง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ตลอดจนวิพากษ์วิจารณ์กรณีนายวัฒนา นั้น ทางคสช. กำลังพิจารณาอยู่ว่า คำพูดเข้าข่ายที่จะเชิญตัวมาพูดคุยเพื่อปรับทัศนคติด้วยหรือไม่" พ.อ.วินธัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 15 ก.ย.นี้ ทางเจ้าหน้ากองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ของ คสช. จะปล่อยตัว นายพิชัย หลังจากครบกำหนด 7 วัน โดยนายพิชัย ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับเจ้าหน้าที่ และในวันที่ 17 ก.ย. จะครบกำหนดการควบคุมตัว นายการุณ ทั้งนี้จะต้องดูว่านายการุณ ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องหรือไม่ หากยังไม่ให้ความร่วมมือ ทางเจ้าหน้าที่ ก็จะดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป เนื่องจากถือว่าขัดคำสั่งคสช. ส่วนหลังจากนี้จะมีการเชิญใครมาอีกนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
**เชิญ"ประวิตร"ปรับทัศนคติ
พ.อ.วินธัย ยังกล่าวถึง กรณีที่เจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ของคสช. เชิญตัว นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสหนังสือพิมพ์ “เดอะ เนชั่น”ไปปรับทัศนคติ ว่า ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นไปตามแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งในช่วงหลังเริ่มพบบ่อยครั้ง โดยบางครั้งอาจมีเนื้อหาที่มีลักษณะเข้าข่ายไปพาดพิงบุคคล หรือองค์กรอื่น หรือในเนื้อหาที่อาจส่งผลให้สังคมสับสนเข้าใจผิดได้ โดยเฉพาะในบางสิ่งบางอย่างพบว่ายังไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ ที่ชัดเจน ซึ่งขณะนี้คงอยู่ในระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ส่วนจะใช้เวลาเท่าไร ต้องขึ้นอยู่กับผลสอบสวน ความร่วมมือ และหลักฐานที่เจ้าหน้าที่มีอยู่ ทั้งนี้เชื่อว่าทุกขั้นตอน ทางเจ้าหน้าที่ปฏิบัติด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเป็นไปตามพยานหลักฐานที่พบอย่างมีเหตุมีผล ทั้งนี้ เพื่อการการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ไม่นำไปสู่ความสับสน หรือ เกิดความขัดแย้งของบุคคล กลุ่มหรือองค์กรต่างๆ ในสังคม คสช. จำเป็นต้องขอความร่วมมือทุกส่วน อะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำให้เกิดความไม่เรียบร้อยขึ้นในสังคมยังคงต้องระมัดระวังให้มาก ทั้งนี้ เพื่อให้สังคมมีความเรียบร้อย และเพื่อสนับสนุนกระบวนการเดินหน้าประเทศมีความต่อเนื่อง
**"บิ๊กตู่"ลั่นใครพูดให้เสียหาย โดนกาหัว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า คสช.เตรียมเชิญตัว นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และการที่เจ้าหน้าที่ทหารเชิญตัว นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส เครือเนชั่นไปตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. โดยไม่เปิดเผยสถานที่คุมตัวว่า "ใครนะ ถ้าพูดเสื่อมเสียก็ต้องโดน เอาอย่างนี้แล้วกัน สื่อฯอย่าไปลงพาดหัวว่า ภูมิธรรม โดนคาดหัว ก็ช่วยไปสอนเขาด้วยว่า อย่าพูดให้มันเสียหาย วันนี้ประเทศชาติเดินหน้าอยู่จะพูดไปทำไม โน่น ไปดูเรื่องของตัวเองกันโน่น ก็ทำกันมากี่ปีแล้ว คนยากจน คนเดือดร้อนมีเยอะแยะ ก็จะเอาแต่การเมืองกันนั่นแหละ การเมืองก็ทำในวันหน้าโน่น"
เมื่อถามถึงกรณี นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาตั้งข้อสังเกตุว่าทหารเป็นผู้ทำร้ายร่างกายตนเอง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็ไปหามาซิ ก็ไปแจ้งความเอา เมื่อเขากล่าวหา ก็ต้องฟังเขา เราจะได้จับตัวมาให้ได้ ก็ไม่รู้ว่าไปพูดแล้วเป็นศัตรูกับใครเขาอีกหรือเปล่า ปากเสียอีกหรือเปล่าไม่รู้ แล้วมาโทษทหารตลอด ทหารมันเป็นยังไง ทหารมันนักเลงมากหรืออย่างไร สื่อไปฟังเขาทำไม เขาน่าเชื่อถือหรือไม่เล่าคนแบบนี้ คนที่พูดปากแบบนี้ เชื่อถือได้ไหม สื่อก็ขยายให้เขาไปเรื่อยๆ ซิ ขยายไปคนพวกนี้ คนดีไม่ค่อยไปพูดให้หรอก คนที่ไม่ค่อยดีก็ไปพูดให้เขาทุกวัน แล้วบ้านเมืองมันจะสงบได้หรือไม่ ขอถามหน่อยเถอะ"
เมื่อถามว่า จะเชิญมาปรับทัศนคติอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนจะเดินออกไปจากวงสัมภาษณ์ทันที
**ปัดทหารไม่ได้ทำร้ายวัฒนา
พล.ต.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล. ร.2 รอ.) กล่าวถึงกรณีนายวัฒนา เมืองสุข ระบุว่า ส.อ.วิษณุพงศ์ คนเพียร หัวหน้าชุดกำลังพล หลักสูตรนายสิบยุทธการ และการข่าวรุ่น 48 สังกัด ร. 2 พัน 2 รอ. ปรากฏตัว พร้อมรถยนต์ฮอนด้า สีขาว ทะเบียน 1กณ-8691 บริเวณที่นายวัฒนา ถูกทำร้าย ว่า ได้สอบถามไปยัง พ.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ หลังจากต้นสังกัดได้เรียกตัว ส.อ.วิษณุพงศ์ ไปสอบ พบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด โดยในวันเกิดเหตุ ส.อ.วิษณุพงศ์ ยอมรับว่า เดินทางไปสนามซ้อมฟุตบอลเมืองทองธานี จริง แต่ไปดูกีฬาเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องเหตุลอบทำร้ายนายวัฒนาแต่อย่างไร และที่สำคัญ ไม่เคยรู้จัก หรือ ทราบว่า นายวัฒนาเป็นใคร ทั้งนี้ส.อ.วิษณุพงศ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของคสช. เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ธุรการ ดูงานด้านเอกสาร เป็นหลัก ขณะนี้ตนได้สั่งการให้ พ.อ.สุขสรรค์ รายงานข้อเท็จจริง ส่งมาทางกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ให้รับทราบแล้ว
** บี้คสช.แจงเหตุเรียก"ประวิตร"
นายมานพ ทิพย์โอสถ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ และโฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่ทหาร ควบคุมตัว นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส เดอะเนชั่น ว่า สมาคมนักข่าวฯ ขอเรียกร้องให้ กองทัพภาคที่ 1 ได้ชี้แจงเหตุผลในการควบคุมตัวนายประวิตร ไปโดยยังไม่ทราบสถานที่ควบคุมตัว และนายประวิตร ไม่ได้รับอนุญาตให้นำโทรศัพท์ติดตัวไปด้วย ทำให้ไม่สามารถทราบความเคลื่อนไหว และความเป็นอยู่ของนายประวิตรได้ นับตั้งแต่คุมตัวไปเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา
การดำเนินการของฝ่ายความมั่นคง ที่กระทำต่อสื่อมวลชน พึงกระทำด้วยความระมัดระวังแม้ จะมีอำนาจตามมาตรา 44 ที่หัวหน้าคสช. ได้ออกประกาศไว้ก็ตาม แต่บทบาทของ นายประวิตร ที่มีฐานะเป็นสื่อมวลชน ย่อมจะต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเป็นปกติ การควบคุมตัวนายประวิตร โดยไม่แจ้งสาเหตุ หรือมีการแจ้งความดำเนินคดีใดๆ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อประเด็นสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนไทย และสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนชาวไทย
นอกจากนี้ การดำเนินการในลักษณะดังกล่าว ยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศที่ตกต่ำลง ในด้านสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งนี้สมาคมนักข่าวฯ ขอสนับสนุนแถลงการณ์ของ เครือเดอะเนชั่น ที่ขอให้รัฐบาล และคสช. ปล่อยตัวนายประวิตร ในทันที และให้ทำความกระจ่างเรื่องการควบคุมตัวนายประวิตร ต่อสาธารณชน รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการดำเนินการในประเด็นที่อ่อนไหวต่อสังคม เพราะการใช้อำนาจของฝ่ายความมั่นคง ต่อผู้ที่เห็นต่าง โดยเฉพาะสื่อมวลชน เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศ และสมาคมนักข่าวฯ ขอเรียกร้องให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ได้ตระหนักและยึดมั่นในจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพอย่างเคร่งครัด การแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นสาธารณะ พึงคำนึงถึงความครบถ้วน รอบด้าน และเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในสังคม
*** วัฒนา แจ้งตร.สภ.ปากเกร็ด
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 11.30 น. นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีและ ส.ส.ชื่อดังแกนนำคนสำคัญสังกัดพรรคเพื่อไทยได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ยศวิน เอี่ยมพุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สภ.ปากเกร็ด เพื่อให้ดำเนินคดีกับชายลึกลับที่มาดักทำร้ายชกปากตนเองเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากกลับจากเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆและน้องๆ ภายในสนามฟุตบอลเมืองทองธานี
โดยนายวัฒนาได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังพร้อมนำรายชื่อนานทหารยศสิบเอกและรถเก๋งของทหารคนดังกล่าวที่มาดักชกตนเองให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน และตนเองเชื่อว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการเมืองอย่างแน่นอน อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวคนที่ทำตนเองมาดำเนินการตามกฎหมายด้วย
เบื้องต้นได้สอบสวนบันทึกปากคำพร้อมทั้งพิมพ์ใบส่งตัวให้นายวัฒนาเพื่อไปตรวจร่างการที่โรงพยาบาลหลังจากนั้นก็จะไปดูสถานที่เกิดเหตุเพื่อให้นายวัฒนาชี้จุดที่โดนทำร้ายก่อนสืบสวนหาตัวชายคนดังกล่าวมาดำเนินการต่อไป
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณี นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ถูกทหารทำร้ายร่างกาย ที่สนามซ้อมฟุตบอลเมืองทองธานี เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่า เรื่องดังกล่าวคงต้องมีรายละเอียดมากกว่านี้ เพราะในพื้นที่บริเวณดังกล่าว เป็นพื้นที่ที่มีคนไปพักผ่อน และดูกีฬาเป็นจำนวนมากในทุกสาขาอาชีพ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องความไม่พอใจส่วนตัว หรืออาจเป็นความผิดปกติของบุคคลกระทำ หรือจะด้วยแรงจูงใจอะไร คงเป็นไปได้หลากหลาย ต้องมีรายละเอียดเพิ่มเติม ทั้งนี้ขอร้องนายวัฒนา อย่าเพิ่งกล่าวพาดพิงถึงองค์กรใดองค์กรหนึ่ง เพราะจะดูไม่เป็นธรรมกับหน่วยงานนั้นๆ
อย่างไรก็ตาม ขอให้มั่นใจในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐในปัจจุบันที่ทุกอย่างยังเป็นไปตามช่องทางตามระบบราชการ ส่วนที่มีการกล่าวถึงข้าราชการทหาร ที่อยู่ในบริเวณนั้นทางหน่วยต้นสังกัดคงจะได้สอบถามเพื่อขอทราบในรายละเอียดต่อไป
"เชื่อว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ทุกคนมีแฟนคลับกันทั้งนั้น ใครเกลียดใคร หรือรักใคร เป็นเรื่องยากที่จะคาดเดา ส่วนที่นายวัฒนา จะเดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ หากถูกทำร้ายร่างกาย แต่ยังไม่อยากให้พาดพิงถึงหน่วยงาน หรือองค์กร ขอให้รอให้มีความชัดเจนมากกว่านี้ในเรื่องข้อมูล ซึ่งอาจจะเป็นคนที่แต่งตัวเลียนแบบคล้ายกับทหารก็ได้ แต่ถึงแม้ว่าเป็นทหารจริง ทางหน่วยต้นสังกัดก็ต้องดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง ขอให้มั่นใจว่า คสช. ไม่ทำในสิ่งที่นายวัฒนากังวล เพราะก่อนหน้านี้ก็เรียกมาพูดคุยหลายครั้งแล้ว ส่วนกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และอดีตรมช.คมนาคม ออกมาแสดงความคิดเห็นกรณีที่ คสช. เชิญตัว นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน และนายการุณ โหสกุล หรือ เก่ง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ตลอดจนวิพากษ์วิจารณ์กรณีนายวัฒนา นั้น ทางคสช. กำลังพิจารณาอยู่ว่า คำพูดเข้าข่ายที่จะเชิญตัวมาพูดคุยเพื่อปรับทัศนคติด้วยหรือไม่" พ.อ.วินธัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 15 ก.ย.นี้ ทางเจ้าหน้ากองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ของ คสช. จะปล่อยตัว นายพิชัย หลังจากครบกำหนด 7 วัน โดยนายพิชัย ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับเจ้าหน้าที่ และในวันที่ 17 ก.ย. จะครบกำหนดการควบคุมตัว นายการุณ ทั้งนี้จะต้องดูว่านายการุณ ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องหรือไม่ หากยังไม่ให้ความร่วมมือ ทางเจ้าหน้าที่ ก็จะดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป เนื่องจากถือว่าขัดคำสั่งคสช. ส่วนหลังจากนี้จะมีการเชิญใครมาอีกนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
**เชิญ"ประวิตร"ปรับทัศนคติ
พ.อ.วินธัย ยังกล่าวถึง กรณีที่เจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ของคสช. เชิญตัว นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสหนังสือพิมพ์ “เดอะ เนชั่น”ไปปรับทัศนคติ ว่า ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นไปตามแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งในช่วงหลังเริ่มพบบ่อยครั้ง โดยบางครั้งอาจมีเนื้อหาที่มีลักษณะเข้าข่ายไปพาดพิงบุคคล หรือองค์กรอื่น หรือในเนื้อหาที่อาจส่งผลให้สังคมสับสนเข้าใจผิดได้ โดยเฉพาะในบางสิ่งบางอย่างพบว่ายังไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ ที่ชัดเจน ซึ่งขณะนี้คงอยู่ในระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ส่วนจะใช้เวลาเท่าไร ต้องขึ้นอยู่กับผลสอบสวน ความร่วมมือ และหลักฐานที่เจ้าหน้าที่มีอยู่ ทั้งนี้เชื่อว่าทุกขั้นตอน ทางเจ้าหน้าที่ปฏิบัติด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเป็นไปตามพยานหลักฐานที่พบอย่างมีเหตุมีผล ทั้งนี้ เพื่อการการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ไม่นำไปสู่ความสับสน หรือ เกิดความขัดแย้งของบุคคล กลุ่มหรือองค์กรต่างๆ ในสังคม คสช. จำเป็นต้องขอความร่วมมือทุกส่วน อะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำให้เกิดความไม่เรียบร้อยขึ้นในสังคมยังคงต้องระมัดระวังให้มาก ทั้งนี้ เพื่อให้สังคมมีความเรียบร้อย และเพื่อสนับสนุนกระบวนการเดินหน้าประเทศมีความต่อเนื่อง
**"บิ๊กตู่"ลั่นใครพูดให้เสียหาย โดนกาหัว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า คสช.เตรียมเชิญตัว นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และการที่เจ้าหน้าที่ทหารเชิญตัว นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส เครือเนชั่นไปตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. โดยไม่เปิดเผยสถานที่คุมตัวว่า "ใครนะ ถ้าพูดเสื่อมเสียก็ต้องโดน เอาอย่างนี้แล้วกัน สื่อฯอย่าไปลงพาดหัวว่า ภูมิธรรม โดนคาดหัว ก็ช่วยไปสอนเขาด้วยว่า อย่าพูดให้มันเสียหาย วันนี้ประเทศชาติเดินหน้าอยู่จะพูดไปทำไม โน่น ไปดูเรื่องของตัวเองกันโน่น ก็ทำกันมากี่ปีแล้ว คนยากจน คนเดือดร้อนมีเยอะแยะ ก็จะเอาแต่การเมืองกันนั่นแหละ การเมืองก็ทำในวันหน้าโน่น"
เมื่อถามถึงกรณี นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาตั้งข้อสังเกตุว่าทหารเป็นผู้ทำร้ายร่างกายตนเอง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็ไปหามาซิ ก็ไปแจ้งความเอา เมื่อเขากล่าวหา ก็ต้องฟังเขา เราจะได้จับตัวมาให้ได้ ก็ไม่รู้ว่าไปพูดแล้วเป็นศัตรูกับใครเขาอีกหรือเปล่า ปากเสียอีกหรือเปล่าไม่รู้ แล้วมาโทษทหารตลอด ทหารมันเป็นยังไง ทหารมันนักเลงมากหรืออย่างไร สื่อไปฟังเขาทำไม เขาน่าเชื่อถือหรือไม่เล่าคนแบบนี้ คนที่พูดปากแบบนี้ เชื่อถือได้ไหม สื่อก็ขยายให้เขาไปเรื่อยๆ ซิ ขยายไปคนพวกนี้ คนดีไม่ค่อยไปพูดให้หรอก คนที่ไม่ค่อยดีก็ไปพูดให้เขาทุกวัน แล้วบ้านเมืองมันจะสงบได้หรือไม่ ขอถามหน่อยเถอะ"
เมื่อถามว่า จะเชิญมาปรับทัศนคติอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนจะเดินออกไปจากวงสัมภาษณ์ทันที
**ปัดทหารไม่ได้ทำร้ายวัฒนา
พล.ต.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล. ร.2 รอ.) กล่าวถึงกรณีนายวัฒนา เมืองสุข ระบุว่า ส.อ.วิษณุพงศ์ คนเพียร หัวหน้าชุดกำลังพล หลักสูตรนายสิบยุทธการ และการข่าวรุ่น 48 สังกัด ร. 2 พัน 2 รอ. ปรากฏตัว พร้อมรถยนต์ฮอนด้า สีขาว ทะเบียน 1กณ-8691 บริเวณที่นายวัฒนา ถูกทำร้าย ว่า ได้สอบถามไปยัง พ.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ หลังจากต้นสังกัดได้เรียกตัว ส.อ.วิษณุพงศ์ ไปสอบ พบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด โดยในวันเกิดเหตุ ส.อ.วิษณุพงศ์ ยอมรับว่า เดินทางไปสนามซ้อมฟุตบอลเมืองทองธานี จริง แต่ไปดูกีฬาเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องเหตุลอบทำร้ายนายวัฒนาแต่อย่างไร และที่สำคัญ ไม่เคยรู้จัก หรือ ทราบว่า นายวัฒนาเป็นใคร ทั้งนี้ส.อ.วิษณุพงศ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของคสช. เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ธุรการ ดูงานด้านเอกสาร เป็นหลัก ขณะนี้ตนได้สั่งการให้ พ.อ.สุขสรรค์ รายงานข้อเท็จจริง ส่งมาทางกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ให้รับทราบแล้ว
** บี้คสช.แจงเหตุเรียก"ประวิตร"
นายมานพ ทิพย์โอสถ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ และโฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่ทหาร ควบคุมตัว นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส เดอะเนชั่น ว่า สมาคมนักข่าวฯ ขอเรียกร้องให้ กองทัพภาคที่ 1 ได้ชี้แจงเหตุผลในการควบคุมตัวนายประวิตร ไปโดยยังไม่ทราบสถานที่ควบคุมตัว และนายประวิตร ไม่ได้รับอนุญาตให้นำโทรศัพท์ติดตัวไปด้วย ทำให้ไม่สามารถทราบความเคลื่อนไหว และความเป็นอยู่ของนายประวิตรได้ นับตั้งแต่คุมตัวไปเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา
การดำเนินการของฝ่ายความมั่นคง ที่กระทำต่อสื่อมวลชน พึงกระทำด้วยความระมัดระวังแม้ จะมีอำนาจตามมาตรา 44 ที่หัวหน้าคสช. ได้ออกประกาศไว้ก็ตาม แต่บทบาทของ นายประวิตร ที่มีฐานะเป็นสื่อมวลชน ย่อมจะต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเป็นปกติ การควบคุมตัวนายประวิตร โดยไม่แจ้งสาเหตุ หรือมีการแจ้งความดำเนินคดีใดๆ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อประเด็นสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนไทย และสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนชาวไทย
นอกจากนี้ การดำเนินการในลักษณะดังกล่าว ยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศที่ตกต่ำลง ในด้านสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งนี้สมาคมนักข่าวฯ ขอสนับสนุนแถลงการณ์ของ เครือเดอะเนชั่น ที่ขอให้รัฐบาล และคสช. ปล่อยตัวนายประวิตร ในทันที และให้ทำความกระจ่างเรื่องการควบคุมตัวนายประวิตร ต่อสาธารณชน รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการดำเนินการในประเด็นที่อ่อนไหวต่อสังคม เพราะการใช้อำนาจของฝ่ายความมั่นคง ต่อผู้ที่เห็นต่าง โดยเฉพาะสื่อมวลชน เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศ และสมาคมนักข่าวฯ ขอเรียกร้องให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ได้ตระหนักและยึดมั่นในจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพอย่างเคร่งครัด การแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นสาธารณะ พึงคำนึงถึงความครบถ้วน รอบด้าน และเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในสังคม
*** วัฒนา แจ้งตร.สภ.ปากเกร็ด
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 11.30 น. นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีและ ส.ส.ชื่อดังแกนนำคนสำคัญสังกัดพรรคเพื่อไทยได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ยศวิน เอี่ยมพุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สภ.ปากเกร็ด เพื่อให้ดำเนินคดีกับชายลึกลับที่มาดักทำร้ายชกปากตนเองเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากกลับจากเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆและน้องๆ ภายในสนามฟุตบอลเมืองทองธานี
โดยนายวัฒนาได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังพร้อมนำรายชื่อนานทหารยศสิบเอกและรถเก๋งของทหารคนดังกล่าวที่มาดักชกตนเองให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน และตนเองเชื่อว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการเมืองอย่างแน่นอน อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวคนที่ทำตนเองมาดำเนินการตามกฎหมายด้วย
เบื้องต้นได้สอบสวนบันทึกปากคำพร้อมทั้งพิมพ์ใบส่งตัวให้นายวัฒนาเพื่อไปตรวจร่างการที่โรงพยาบาลหลังจากนั้นก็จะไปดูสถานที่เกิดเหตุเพื่อให้นายวัฒนาชี้จุดที่โดนทำร้ายก่อนสืบสวนหาตัวชายคนดังกล่าวมาดำเนินการต่อไป