ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - มะงุมมะงาหรากันอยู่ หลังรัฐบาลอุบเงียบจะให้ใครมารับหน้าที่พายเรือแป๊ะแทน “อ.ปื๊ด”บวรศักดิ์ อุวรรณโณ หลังอดีตประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญคนเก่า ที่กระอักเลือด ไม่ขอกลับมาทำหน้าที่ในตำแหน่งแห่งหนใดอีกแล้ว เพราะเข็ดขยาดกับแป๊ะที่หลอกใช้
จนต้องเอาชื่อเสียงนักกฎหมายมหาชนลำดับต้นๆ ของประเทศ ดีกรีแก๊งเนติบริกรอันลือลั่นมาทิ้งไว้ เพราะฝ่ายอำนาจยังไม่พร้อมให้มีการทำประชามติ โดยใช้สัญญาณเป็นเหตุผลมากกว่าเนื้อหา โดยไม่สนความรู้สึกของโคที่ถูกฆ่า
“เนติบริกรผู้พี่”วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ถึงกับยอมรับการควานหาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหนนี้ ยากเสียยิ่งกว่ายาก เพราะคนที่จะเข้ามาจะรู้สึกกดดัน จากปฏิบัติการเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล คราวที่แล้ว ซึ่งใครจะกล้าเอาชื่อเสียงตัวเองมาเสี่ยง โดยไม่รู้ใจแป๊ะว่ารอบนี้จะเอาอย่างไรอีก เกิดจับผลัดจับผลูขึ้นมา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กระเหี้ยนกระหือรือ อยากลากยาวขึ้นมาอีก ไม่มีทางที่จะคว่ำเรือทิ้ง มีแต่ถีบส่งแล้วเปลี่ยนฝีพายคนใหม่
ขณะเดียวกัน คุณสมบัติของคนที่แป๊ะจะเลือกรอบนี้ แตกต่างจากรอบที่แล้ว เพราะต้องเป็นประเภทตามสั่ง ซ้ายหัน ขวาหัน ทำหน้าที่เขียนรัฐธรรมนูญตามพิมพ์เขียว เพราะเป็นร่างสำคัญ ไม่มีกระบวนการกลั่นกรองก่อนหนึ่งชั้นที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) อีกแล้ว ร่างเสร็จส่งไปทำประชามติทันที แป๊ะอยากได้อะไรต้องจัดให้ ห้ามอิดออดเหมือนชุดที่แล้ว สุดโต่งแค่ไหนก็ต้องเขียนลงไปให้ได้ ซึ่งมันก็ทำให้หาคนมารับเผือกร้อนยากพอสมควร
ยกเว้นพวกที่กระสันแบะท่าอยากจะมาเป็น ประเภทนี้หาได้ตามท้องตลาด เพียงแต่จะเป็นของดี ของแท้ และสง่างามหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะเหล่าอดีตสมาชิกสปช. ที่โหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญตามสัญญาณแป๊ะ พวกนี้อยากได้ดิบได้ดี มีตำแหน่งแห่งหนต่อไป อย่างล่าสุดมีการมโนโผกันออกมาว่อน
โดยเฉพาะหัวหอก สปช. สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ สายตรง “ทิดเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (มปท.) ที่แบ่งรับแบ่งสู้ หลังมีข่าวว่าคั่วเก้าอี้กับเขา
ท่าทีไม่ปฏิเสธ มันก็ชัดอยู่แล้วว่าพร้อม จะเห็นได้ว่าช่วงที่ผ่านมาตอน“อ.ปื๊ด”เป็นประธานกมธ.ยกร่างฯ “สมบัติ”นี่แหละ คือไม้เบื่อไม้เมา ค้านทุกเรื่อง เพิ่มบทบาทของกมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. จนยกระดับกลายเป็นคนที่เสียงดังในสปช. มีแก๊งมีพวกฝูงร่วมเพียบ แถมยังมี“ทิดเทือก” เป็นแบ็กอัพ ต่อติดกับพวกนายทหาร คสช. โดยเฉพาะพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เหมือนอยากจะลองของ
เชื่อขนมกินได้ หน้าตาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหนนี้ มีโอกาสยี้สูงมาก เพราะพวกหน้าตาดีไม่น่าหลงกลทำสังฆกรรมกับแป๊ะอีก โดยเฉพาะแก๊งเนติบริกรของ 3 พี่น้อง มีชัย ฤชุพันธุ์ , วิษณุ และ บวรศักดิ์ ตลอดจนทีมสถาบันพระปกเกล้าคอนเนกชั่น คงไม่กลับมาแล้ว เพราะเจ็บนี้อีกนาน ทำกันเกินไป ขุมข่ายนักกฎหมายซีกนี้ไม่น่าจะมีโผล่เข้ามา หรือถ้ามา คงมีไม่กี่คน ในลักษณะจนใจจนมุมต่อคำเชื้อเชิญ หรือมาโดยตำแหน่ง เช่นพวกที่อยู่ในสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
บุคคลที่จะมาพายเรือแป๊ะเที่ยวนี้ โดยเฉพาะตัวประธานคณะกรรมการร่างฯ 2 สิ่งที่ต้องมี อย่างแรก คือ มันสมองด้านกฎหมาย และอย่างที่สอง สำคัญมากคือ แป๊ะไว้ใจว่าจะตามใจทุกเรื่อง เป็นพวกสนิทชิดเชื้อเหล่าท็อปบูตอยู่แล้ว สอดส่องดูกรณีหากทีมเนติบริกรเซย์โน นักกฎหมายในคอนเนกชั่น คสช. เหลือแค่ทีมของ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สายตรง“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ที่คงจะต้องไปตามมาช่วยกันเสกรัฐธรรมนูญ
ตัวพรเพชร คงไม่ลงมาเล่นเองแน่ เพราะนั่งอยู่ในตำแหน่ง สนช. สะดวกสบายกว่า มีหน้าที่คัดกรองกฎหมายให้ คสช. ชนิดอยู่กันจนวันสุดท้ายกระทั่งมีสภาใหม่ หากกระสันอยากจะเป็นจริง คงนั่งเก้าอี้ประธานกมธ.ยกร่างฯ ไปตั้งแต่งวดแรกแล้ว เพราะ “บิ๊กตู่”ไว้ใจมาก แต่อาจจะมีการต่อสายเทียบเชิญเพื่อนนักกฎหมายในสายเดียวกัน ทั้งที่เคยเรียนวปอ. รุ่นเดียวกัน เพื่อนหลักสูตร ปรอ. ของสถาบันพระปกเกล้ารุ่นเดียว หรือ กมธ.ยกร่างฯปี 40 และ 50 ที่มีซือแป๋กฎหมายรวมตัวกันหลายคน
สัดส่วนนักกฎหมายรอบนี้คงเน้นแต่เฉพาะหัว และตัวเลขานุการ ที่ต้องทำงานประสานกัน แต่ตัวกรรมการร่างฯที่เหลือ คราวนี้อาจมีท็อปบูตเยอะพอสมควร เพราะมีเงื่อนไขว่า ต้องเลือกคนที่ไว้วางใจได้จริงๆ ซึ่งหากย้อนกลับไปดูชุดแรกก็มีนักกฎหมายไม่กี่คน ที่เหลือเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือ ผู้มีชื่อเสียงด้านอื่นๆ จึงอย่าไปหวังว่าจะได้หน้าตาดีๆ เพราะคนดีๆ เขารู้เท่าทันแผนการแป๊ะ ไม่ขอลงเรือด้วยแน่ สู้อยู่สบายๆ กินบุญเก่าดีกว่า
รายชื่อ 21 อรหันต์ คสช.คงยังไม่เปิดเผยเร็วๆ นี้ คงรอสุดตามโควตาถึงวันที่ 6 ตุลาคม นู่นเลย เพราะการตั้งเร็ว จะเป็นการเริ่มนับหนึ่ง 180 วัน ที่เป็นระยะเวลาในการร่างทันที อย่างน้อยได้ลากยาวเข้าไปอีกเกือบๆร่วมเดือน หากดูนิสัยแป๊ะที่ผ่านมาๆ
ขณะที่สภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ 200 คน ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย เมื่อเทียบกับตอนสรรหา สปช. เพราะงวดนี้ให้สิทธิ์เด็ดขาด “บิ๊กตู่”เป็นคนเลือกทั้งหมด ซึ่งคงเอาเฉพาะพวกพ้องตัวเองมาเป็นหลักๆ ได้แก่ พวก สปช.เก่า ที่เป็นเด็กดี คอนโทรลได้ ทั้งโหวตคว่ำ และไม่คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ นายทหารเกษียณอายุราชการ หรือยังอยู่ในราชการมานั่ง เปรียบเหมือนเป็นสภาไม้ประดับ ไม่ได้มีหน้าที่คิด แต่มีหน้าที่รอปฏิรูปตามคำสั่งว่าฝ่ายผู้มีอำนาจจะชี้นิ้วไปทางไหน เหมือนนั่งไปวันๆ ให้คนเขานินทาหมาดูถูก
ซึ่งก็ไม่รู้จะตั้งมาทำไมให้เปลืองเงินเดือน เปลืองภาษีประชาชน จริงๆงานปฏิรูปรัฐบาลทำได้แบบเบ็ดเสร็จอยู่แล้ว หากเป็นกฎหมาย ก็คิดและส่งไปให้ฝ่ายนิติบัญญัติอย่าง สนช.ตราออกมาได้ แต่เป็นการตั้งแก้เกี้ยวให้ดูมีหน่วยงานเรื่องปฏิรูปอยู่เท่านั้น
รอบนี้จึงไม่ต้องมโนว่าหน้าตาจะสวยหรู หรือหลากหลายอะไร เพราะแป๊ะคงเข็ดแล้ว หลังลองตั้งสปช.ชุดที่แล้วดู ปรากฏว่าเจอพวกดื้อ พวกของจริง ไม่เป็นไผ่ลิ่วลม ยอมคสช.ทุกอย่าง จนเหนื่อยกบาลต้องยุบทิ้งไปเสีย เผลอๆจะกลายเป็นสภานายพลสาขาสอง ต่อจากสนช. ก็เป็นได้
ทั้งสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมการร่างฯ คุณสมบัติจึงแทบจะไม่แตกต่างกัน งดขายฝัน แต่ต้องตามใบสั่งแป๊ะให้ได้ จบ!!!