xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่”เปิดทาง“นิติราษฎร์”ร่วมร่าง รธน. โพลเชียร์อยู่ต่อ2ปี ส่ง“วิษณุ”ทาบ“มีชัย”นั่งประธานกรธ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” ย้ำ 23 ก.ย.รู้ชื่อ 21 กรธ. เผยเล็งประธานไว้หลายคน บอก “อมร” ป่วย แบะท่า “นิติราษฎร์” ร่วมร่าง รธน. แต่ไม่เชิญ-ต้องสมัครมาเอง “วิษณุ” ล็อคสเปกนักกฎหมายนั่งประธานคุมเกมง่าย ชี้โรดแมป 20 เดือนสั้นลงได้หากไม่ทะเลาะกัน “เพื่อไทย” จุดพลุตั้ง ส.ส.ร.ร่าง รธน.ใหม่ ชี้โรดแม็ปสั้นยาวอยู่ที่ คสช. สับ สปช.โหวตคว่ำตามใบสั่ง โอดเลือกตั้งช้าประเทศยิ่งเสียหาย “3 อดีต กมธ.-สุรชัย” ปัดถูกทาบมีชื่อโผล่สื่อ แนะนำฉบับปี 50 มาต่อยอด เผย คสช.ส่ง “วิษณุ” จีบ “มีชัย” คุมเกม หวังใช้บารมีสยบขัดแย้ง ด้าน “มาสเตอร์โพลล์” เผยเรตติ้ง “บิ๊กตู่” เหนือ “ปู-มาร์ค” ปชช.พร้อมหนุนให้อยู่ต่ออีก2ปี

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งประธานและคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า มองไว้หลายคน โดยคุณสมบัติจะต้องเป็นที่ยอมรับ ข้อสำคัญนักการเมืองยอมรับหรือไม่ด้วย ส่วนจะมีกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างฯชุดเดิมมาร่วมหรือไม่ยังไม่ได้คิด ซึ่งในวันที่ 22 ก.ย.นี้จะมีการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ คสช. ซึ่งอาจจะยังไม่มีรายชื่อออกมา แต่ทั้งหมดต้องเตรียมความพร้อม และลงนามก่อนที่จะเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 23 ก.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าสรุปแล้ววันที่ 22 ก.ย.นี้จะได้รายชื่อ กรธ.ออกมาครบ 21 คนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ให้โอกาสทุกคนเสนอชื่อมา ใครอยากเป็นก็สมัครมา และตนจะพิจารณาเอง ประเด็นคือ กรธ.เป็นผู้ที่จะมาทำเรื่องกฎหมาย ก็ควรจะมีความรู้เรื่องกฎหมาย ทั้งกฎหมายเอกชน กฎหมายมหาชน เศรษฐกิจ การค้า การลงทุนด้วย พวกนี้ต้องใช้กฎหมายทั้งนั้น ถ้าไม่เอานักกฎหมายมาร่างกฎหมายคงไม่ได้

เมื่อถามว่านักวิชาการในกลุ่มคณะนิติราษฎร์จะเข้ามาเป็น กรธ.ด้วยได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็สมัครเข้ามาได้ แต่พอถึงเวลาก็ไม่อยากเข้ามา จำไม่ได้หรือสื่อเสนอข่าวเองว่า เขาบอกไม่มา เป็น สนช.ก็ไม่ ร่างรัฐธรรมนูญก็ไม่เอา ตนจะไม่เชิญไป อยากมาก็สมัครมา เปิดโอกาสให้เข้ามาสมัคร แล้วอย่ามาบอกว่าไม่เชิญอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีช่องทางให้สมัครอย่างเป็นทางการหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ก็สามารถสมัครผ่านสื่อมาได้ ตนก็จะเอารายชื่อมาดู แต่เวลานี้เห็นสมัครกันทุกวัน ไม่เห็นมีมาสมัครกับตนซักคน แต่ส่วนใหญ่รายชื่อที่เสนอผ่านสื่อมาจะไม่ค่อยได้หรอก เพราะโดนตีตั้งแต่ต้น

เผย “อมร” ป่วย- “วิษณุ” คงไม่ออก

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการทาบทาม นายอมร จันทรสมบูรณ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา มาเป็นประธาน กรธ.นั้น นายกฯ กล่าวว่า นายอมรป่วยอยู่ เมื่อถามว่าจะให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ลาออกมารับตำแหน่งประธาน กนธ.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เขาจะลาออกไหม

ผู้สื่อข่าวยังได้ถามถึง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานรัฐสภา นายกฯ กล่าวว่า นายมีชัยไม่รับแล้วไม่ใช่หรือ ส่วน นายลิขิต ธีรเวคิน อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตัดบทว่า คงจะเสนอมาเอง เพราะให้ทุกคนไปหามา ก่อนมาประชุมร่วมกันอีกครั้ง

เมื่อถามว่าหัวใจของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องแก้ปัญหาประเทศ ในอนาคตได้ และรักษาบ้านเมืองให้สงบ ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ทำให้ประเทศเข้มแข็ง มั่งคง มั่งคั่ง ยั่นยืน และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ไม่ควรจะต้องเขียนยาวหลายมาตรา ซึ่งตนเคยพูดมาแล้ว เขาก็ตัดจาก 315 เหลือ 285

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดที่จะแต่งเพลงใหม่หรือไม่หลังเพลงคืนความสุข มีเนื้อเพลงว่า “ขอเวลาอีกไม่นาน” นายกฯ กล่าวว่า ตอนแรกที่แต่งเพลง หวังให้สังคมมันสงบ กฎหมายรัฐธรรมนูญ เขียนว่าอย่างไร ถ้ามันไม่ผ่านก็ต้องทำต่อ ตนไม่ได้เป็นคนบอกให้ผ่านหรือไม่ผ่าน ถ้าผ่านตนก็ดี ประเทศชาติปลอดภัยหรือไม่ ท่านรับผิดชอบกันเอง ตนไม่รู้

“วิษณุ” ชี้ประธานต้องเป็นนัก กม.

ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคุณสมบัติผู้ที่จะมาทำหน้าที่ กรธ.ว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีความเห็นเหมือน คสช. แต่คงไม่เลือกเอาคนที่เห็นขัดแย้ง ส่วน นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา จะเข้ามาเป็นโดยตำแหน่งหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะเป็น กมธ.ยกร่างฯชุดเก่า และตนได้พบกับ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ก็บอกว่า น่าจะมี สนช. 1-2 คนมาเป็น กรธ. แต่ไม่มีเลยก็ไม่เป็นไร ทั้งนี้ตัวประธาน กรธ.ไม่มีระบุว่า ต้องเป็นนักกฎหมาย ในอดีตก็เคยมีนักรัฐศาสตร์ทำหน้าที่มาแล้ว แต่หากเป็นนักกฎหมายจะดี เพราะประธานเป็นคนคุมเกม หากรู้เรื่องกฎหมายด้วยจะสามารถบริหารจัดการประชุมได้ง่าย

นายวิษณุ กล่าวต่อว่า เจตนารมณ์ของ คสช.ในการยกร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้คือ 1.มีการบริหารราชการแผ่นดิน 2.มีการปฏิรูป และ3.มีปรองดองเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องปรองดองเป็นเรื่องใหญ่ เพราะนายกฯพูดหลายครั้ง โดยนายกฯยังระบุด้วยว่า โรดแมป 6-4-6-4 หรือ 20 เดือนนั้นมีโอกาสจะสั้นลงมาเป็น 10 เดือน 15 เดือนได้ หากสถานการณ์บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย มีความปรองดองในระดับหนึ่ง สามารถหาเสียงเลือกตั้งได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากครั้งนี้ไม่ผ่านประชามติจะทำอย่างไร รองนายกฯกล่าวว่า มีการปรารภกัน แต่คิดว่ามันยังอีกระยะยาว หากมีความจำเป็นอาจจะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวอีก แต่ยังไม่ในช่วงนี้ ต้องอีกระยะหนึ่ง

แบะท่าดึงอดีต สปช.นั่งสภาขับเคลื่อนฯ

ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า การเลือก กรธ.ทั้ง 21 คนเป็นอำนาจของนายกฯ ซึ่งยังไม่มีการปรึกษากัน และยังไม่ได้บอกว่าจะพิจารณาใคร เพราะเป็นเรื่องที่นายกฯต้องตัดสินใจ และพิจารณาโดยตรง ทั้งคุณสมบัติความเหมาะสมต่างๆ คงไม่สมควรที่จะให้ตนกำหนด ขณะที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ จำนวน 200 คนนั้น ได้มีการพูดคุยบ้างแล้ว โดยอาจจะพิจารณาผู้ที่มาจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เดิม ข้าราชการทั้งอดีตและปัจจุบัน ที่มีความรู้ความสามารถในแต่ละด้าน รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเกี่ยวกับสายงานปฏิรูปแต่ละด้าน ซึ่งตนพอรู้แค่กรอบคุณสมบัติกว้างๆ แต่ยังไม่มีการประชุมหรือหารือกัน คงต้องเป็นผู้ที่อยู่ในราชการส่วนนั้นๆ ถึงจะมีความรู้ไปขับเคลื่อนได้

พท.ชงตั้ง ส.ส.ร.เพื่อความเป็นกลาง

วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณีที่ สปช.ลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุตอนหนึ่งว่า นับแต่วันที่ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน สปช.จะใช้เวลาอีก 21 เดือนก่อนจะถึงการเลือกตั้ง โรดแม๊ปดังกล่าวจะสั้นหรือยาวไม่ได้ขึ้นอยู่กับประชาชนเลยแม้แต่น้อย หากขึ้นอยู่กับ คสช.เพียงองค์กรเดียว การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่และการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดย สปช. ก็ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมกำกับของ คสช.ทั้งสิ้น ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นว่ายิ่งการเลือกตั้งที่เป็นธรรมและสุจริตล่าช้าออกไปเท่าใด ประเทศชาติและประชาชนก็ยิ่งเสียหายและเสียโอกาสในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจซึ่งจำเป็นต้องให้ระบอบการปกครองของประเทศเป็นไปตามหลักประชาธิปไตยสากล โดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

พรรคเพื่อไทยเห็นว่า หากยังคงร่างรัฐธรรมนูญโดยคณะบุคคลที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร ภายใต้กระบวนการยกร่างที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ปิดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์ กระทำแบบปิดลับเช่นที่ผ่านมา มีแต่จะยิ่งสร้างความขัดแย้งจนไปสู่วิกฤตที่เลวร้าย และไม่มีหลักประกันใดๆว่าจะได้รัฐธรรมนูญที่ดี เป็นประชาธิปไตย และใช้เวลายาวนานเท่าใด พรรคเพื่อไทยจึงเสนอให้ คสช.แก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการยกร่างรัฐธรรมนูญ เช่น การใช้กระบวนการของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือกระบวนการอื่นใดที่เหมาะสม และให้กระบวนการในการยกร่างเป็นไปอย่างเปิดเผย เป็นกลาง ภายในระยะเวลาที่แน่นอน เพื่อจะได้รัฐธรรมนูญที่เป็นที่ยอมรับและเห็นชอบของทุกฝ่าย

3 อดีต กมธ.ยกร่างฯเผยยังไม่มีใครติดต่อมา

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช อดีตโฆษก กมธ.ยกร่างฯ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า คสช.วางตัวเป็น 1 ใน กรธ.ว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อทาบทามเข้ามา นายกฯจะเลือกใครก็เป็นสิทธิของเขา ช่วงนี้ตนขอพักผ่อนและทำภารกิจส่วนตัวให้เรียบร้อย ถ้าอนาคตจะมีใครติดต่อเข้ามาก็เป็นเรื่องของอนาคตตอนนี้ยังไม่อยากพูดถึง

นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ อดีต กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า หลังจากทำหน้าที่กมธ.ยกร่างฯเสร็จและหมดวาระลง ตนก็กลับมาทำงานภาคสังคม ส่วนเรื่องการที่มีกระแสข่าวทาบทาม กมธ.ยกร่างฯเดิมเป็น กรธ.ตอนนี้ยังไม่มีใครทาบทามตน เพราะเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ก็เจอ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯมีการทักทาย แต่ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ส่วนหากมีแล้วจะรับหรือไม่นั้นให้มาถามตนอีกครั้ง แต่ก็เป็นไปได้ยาก เพราะมีคนอยากเข้ามาทำงานตรงนี้มาก โดยข้อดีของ กมธ.ยกร่างฯเก่าหากเข้ามาทำงานคือไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ ส่วนเรื่องของสภาขับเคลื่อนฯ หากมีการทาบทามตนเข้ามาก็ต้องคิดหนัก เพราะรูปแบบเดิมมีข้อจำกัดมาก ดังนั้นคงต้องออกแบบกันใหม่ เนื่องจากสภาแบบเดิมไม่ตอบโจทย์การขับเคลื่อน

นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตโฆษก กมธ.ยกร่างฯ ก็ระบุเช่นกันว่า ยังไม่ได้รับการทาบทามตามที่มีข่าวออกมาแต่อย่างใด
ขณะที่ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตสมาชิก สปช.กล่าวถึงกระแสข่าวถูกทาบทามให้เป็น กรธ.ชุดใหม่ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อทาบทามใดๆ และไม่ขอออกความเห็นใดๆ ว่าจะรับเป็นหรือไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของ คสช.ในการแต่งตั้ง หากพูดอะไรไปคงไม่เหมาะสม แต่ส่วนตัวมองว่า องค์ประกอบของคณะกรรมการทั้ง 21 คน ควรมีทั้งนักนิติศาสตร์ นักรัฐศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ นักสังคมศาสตร์ เพราะรัฐธรรมนูญเกี่ยวข้องกับทุกสายงาน ดังนั้นจึงต้องมีความหลากหลายในการร่างรัฐธรรมนูญ

“สุรชัย” ปัดร่วมร่าง รธน.

ทางด้าน นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 กล่าว่า ตนยังไม่ได้รับการติดต่อทาบทามให้เป็น กรธ.ใดๆทั้งสิ้น ซึ่งตนคิดว่า คนอื่นน่าจะมีความรู้ความสามารถและมีความเหมาะสมที่จะเข้าไปทำหน้าที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญมากกกว่าตน และตนก็มีตำแหน่งเป็น กมธ.พิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความเห็นเพื่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญของ สนช.อยู่ด้วย คงทำหน้าที่แค่นำความเห็นเกี่ยวกับผลการศึกษาของ สนช.ไปประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้องจะความเหมาะสมมากกว่า

เมื่อถามว่า การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ควรหยิบยกรัฐธรรมนูญฉบับใดมาเป็นแนวทางในการยกร่างหรือไม่ นายสุรชัย กล่าวว่า ถ้าจะให้เห็นภาพการพัฒนาหรือการต่อยอด ควรนำรัฐธรรมนูญฉบับสุดท้ายที่บังคับใช้ คือ ฉบับปี 2550 มาต่อยอดความคิด ซึ่งรัฐธรรมนูญดังกล่าว ตนก็ร่วมเป็น ส.ส.ร.ด้วย ซึ่งตอนนั้นก็ได้นำรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 มาต่อยอดเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550

“การยกร่างฉบับใหม่จึงควรนำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มาต่อยอดและพัฒนา สิ่งใดที่ดีก็ควรคงไว้ แต่ส่วนใดที่ร่างแล้วคิดว่าดี แต่เมื่อบังคับใช้แล้วไม่ดี หรือไม่สามารถนำไปสู่เป้าหมายและเจตนารมย์ก็ควรนำมาปรับปรุง และนำความคิดใหม่ๆในร่างที่ไม่ผ่านสปช.มาปรับปรุงเพื่อยกร่างฉบับใหม่” นายสุรชัย กล่าว

มอบ "วิษณุ" จีบ "มีชัย" คุมยกร่าง

แหล่งข่าวจาก สนช.เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการติดต่อจาก คสช.มายัง นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1ว่าจะรับตำแหน่ง กรธ.หรือไม่ แต่นายสุรชัยยังไม่ได้ตัดสินใจ เนื่องจากเวลานี้รับผิดชอบงานของ สนช.หลายด้าน ขณะที่ ความคืบหน้าเกี่ยวกับการหาบุคคลมาทำหน้าที่ประธาน กรธ.นั้น มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไปประสานงานกับ นายมีชัย ฤชุพันธ์ อดีตประธานรัฐสภาว่า ยินดีที่จะมารับตำแหน่งประธาน กรธ.หรือไม่ โดยหากนายมีชัย ยินดีรับตำแหน่งดังกล่าว ก็จะให้นายมีชัยเลือกบุคคลที่เข้ามาเป็น กรธ.ส่วนหนึ่งด้วยตัวเอง เพื่อการร่างรัฐธรรมนูญที่มีเวลาจำกัดเพียง 6 เดือนเป็นไปอย่างราบรื่น

“สาเหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสนใจท่านมีชัย เนื่องจากเห็นว่าท่านมีชัยเคยเป็นผู้นำสูงสุดของฝ่ายนิติบัญญัติมาก่อน จึงเห็นว่าการเขียนร่างรัฐธรรมนูญท่ามกลางความขัดแย้ง ท่านมีชัยน่าจะสามารถบริหารความขัดแย้งได้ เพราะ กรธ.น่าจะมีความเกรงใจและยอมรับในการตัดสินใจของนายมีชัย” แหล่งข่าว ระบุ

ทั้งนี้ มีรายงานอีกว่ายังมีบุคคลอื่นๆที่ คสช.เตรียมประสานให้มารับตำแหน่ง กรธ. อาทิ กลุ่มอดีต กมธ.ยกร่างฯ เช่น นายจรูญ อินทจาร นายสุจิต บุญบงการ นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ นายบรรเจิด สิงคะเนติ นายปรีชา วัชราภัย ขณะที่ผู้ที่อยู่ในข่ายที่ คสช.เตรียมประสานงานให้มาทำงานด้วย อาทิ นายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายลิขิต ธีรเวคิน นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ นายสุพจน์ ไข่มุก อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นต้น

เรตติ้ง “บิ๊กตู่” นำ “ปู-มาร์ค” ฉิว

นายนพดล กรรณิกา หัวหน้าโครงการโพลล์ความสุข ชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน (Thai Researchers in Community Happiness Association, TRICHA) เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจมาสเตอร์โพลล์ (Master Poll) เรื่อง ความสุขของแกนนำชุมชนต่อ 3 รัฐบาล 3 นายกรัฐมนตรี : กรณีศึกษาตัวอย่างแกนนำชุมชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 576 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการในวันที่ 1 - 9 ก.ย.58 ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.4 ติดตามข่าวสารของบ้านเมืองผ่านสื่อต่างๆ มีเพียงร้อยละ 2.6 เท่านั้นที่ไม่ได้ติดตาม

เมื่อสอบถามถึงความสุขต่อการแก้ปัญหาบ้านเมืองด้านต่างๆ โดยรัฐบาล 3 รัฐบาล พบว่า ความสุขต่อการแก้ปัญหาบ้านเมืองโดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้คะแนนสูงสุดในทุกด้านมากกว่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

โดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้อันดับสูงสุดหรือร้อยละ 80.7 ได้แก่ การเดินทางปลอดภัยไม่มีม็อบมาคุกคามประชาชนในการสัญจรไปมา แตกต่างไปจากช่วงที่มีการชุมนุมประท้วงขัดแย้งทางการเมือง อันดับ 2 หรือร้อยละ 63.6 ได้แก่ ด้านการส่งเสริมความรักความสามัคคีของคนในชาติ อันดับ 3 หรือร้อยละ 62.1 ได้แก่ การจัดระเบียบสังคม ให้สงบสุข และรองๆ ลงไปคือ การจับกุมผู้ก่อความไม่สงบมาดำเนินคดีได้ ความโปร่งใส ซื่อสัตย์ วางใจได้ของรัฐบาล การแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข การแก้ปัญหาด้านการศึกษา และการแก้ปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ตามลำดับ

รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังได้คะแนนความสุขโดยรวมสูงสุดอยู่ที่ร้อยละ 58.5 รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้ร้อยละ 17.3 และรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ร้อยละ 14.9 ตามลำดับ

เมื่อถามถึง ความเป็นผู้นำของ 3 นายกรัฐมนตรี พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีคะแนนด้านความเป็นผู้นำสูงกว่านายกรัฐมนตรีคนอื่นในทุกด้าน โดยอันดับแรกหรือร้อยละ 82.4 ระบุไม่แสวงหาผลประโยชน์ ไม่ต้องหาเงินเข้าพรรคการเมือง อันดับ 2 หรือร้อยละ 64.9 ระบุกล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าทำ อันดับที่ 3 หรือร้อยละ 64.5 ระบุเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง และรองๆ ลงไปคือ ปกป้องรักษาผลประโยชน์ชาติและของประชาชนทุกกลุ่มเท่าเทียม ซื่อสัตย์สุจริต สื่อสารกับประชาชนชัดเจน เข้าใจง่าย รู้จริง มีกึ๋น มีความสามารถแก้ปัญหาประเทศ สง่างาม น่าเลื่อมใสศรัทธา มีวิสัยทัศน์ แก้ปัญหาชาติ รวดเร็ว ฉับไว แก้ปัญหาชาติบ้านเมือง และ ผู้นำที่สร้างผู้นำรุ่นใหม่มากกว่าสร้างผู้ตาม โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้คะแนนความเป็นผู้นำโดยรวมสูงสุด ร้อยละ 60.4 นายอภิสิทธิ์ ได้ร้อยละ 21.4 และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ร้อยละ 13.2 ตามลำดับ

ประเด็นที่น่าสนใจคือ เกินครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 51.3 ระบุให้ระยะเวลา พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปเพื่อแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองให้เรียบร้อย ในขณะที่ร้อยละ 38.1 ให้เวลา 1 - 2 ปี ร้อยละ 5.9 ให้เวลา 6 เดือนถึง 1 ปี และร้อยละ 4.7 ให้เวลาต่ำกว่า 6 เดือน ตามลำดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น