ASTVผู้จัดการรายวัน-"พลังงาน"ส่งสัญญาณมีข่าวดี หลังน้ำมันโลกลดต่อเนื่อง เผยแนวโน้มค่าไฟงวดใหม่ (ก.ย.-ธ.ค.) จะลดลงอีก แต่คงไม่ถึง9.35 สต./หน่วย ตามที่เคยคาดการณ์ไว้ หลังบาทอ่อนค่าแรงจัด เรกูเลเตอร์แย้มอาจลด5-6 สต./หน่วย ขณะที่แอลพีจี ก.ย. ก็มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน จับตาประชุม กพช. วันนี้ ถกเคาะแผนลงทุนท่อน้ำมันไปเหนือ-อีสาน ปลดแอก กฟผ. ออกจากสิทธิพิเศษที่ต้องซื้อเชื้อเพลิงจาก ปตท. รายเดียว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากระดับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังคงอ่อนตัวลงอย่างเนื่อง เฉลี่ยอยู่ที่ 50-55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ระดับราคาก๊าซธรรมชาติที่อิงราคาน้ำมันย้อนหลัง 6-12 เดือน ลดลงตามไปด้วย จึงมีความเป็นไปได้ที่แนวโน้มการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตามสูตรอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft ) งวดใหม่ (ก.ย.-ธ.ค.2558) ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) จะประกาศภายในเดือนก.ย.นี้ มีทิศทางลดลงแน่นอน แต่จะเป็นตัวเลขเท่าใด คงอยู่ที่เรกูเลเตอร์จะพิจารณา เช่นเดียวกับราคาแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) เดือนก.ย. ที่การเคลื่อนไหวขณะนี้ ยังคงเป็นขาลงเช่นกัน ดังนั้น ภาพรวมราคาพลังงานระยะสั้นเดือนส.ค.- ก.ย. ยังเป็นทิศทางขาลง
"ระยะสั้น ราคาพลังงานภาพรวม ยังคงเป็นขาลงจากทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกที่ยังคงทรงตัวระดับต่ำ แต่สิ่งที่ต้องจับตา คือ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามาอยู่ระดับที่ 35-36 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าพลังงานของไทยสูงขึ้นได้เช่นกัน ประกอบกับช่วงเดือน พ.ย. จะเข้าสู่ฤดูหนาว ราคาน้ำมันที่ทำความอบอุ่น เช่น ดีเซล แอลพีจี จะสูงขึ้น ก็ต้องติดตามด้วย”แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานวันนี้ (13 ส.ค.) อาจมีการหารือภาพรวมทิศทางพลังงานและทิศทางค่าบริการรถสาธารณะ เนื่องจากกระทรวงคมนาคมก็ระบุว่าจะสอบถามนโยบายเพื่อตัดสินใจเรื่องลดค่าบริการโดยสารในระยะยาว
ส่วนวาระสำคัญที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาได้แก่ การทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าปี 2558-2560 ที่เรกูเลเตอร์จัดทำแล้วเสร็จ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน และยังจะมีเรื่องการยกเลิกสิทธิพิเศษในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จำนวนตั้งแต่ 10,000ลิตรขึ้นไป ระหว่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 ราย เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ จึงกำหนดให้ ปตท. เป็นผู้จัดหาป้อนให้กับ กฟผ. เพื่อลดต้นทุนการสร้างคลัง แต่ขณะนี้ ปตท. ได้เป็นบริษัทมหาชนแล้ว เพื่อประโยชน์สูงสุดของทั้งสองหน่วยงาน จึงได้ยกเลิกสิทธิดังกล่าวลง
ขณะเดียวกัน จะมีการเสนอการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อที่จะลดต้นทุนการขนส่งน้ำมันในต่างจังหวัดลง เนื่องจากการขนรถบรรทุกในปัจจุบันมีต้นทุนสูง โดยจะเปิดให้เอกชนที่สนใจดำเนินการโครงการ , การขอเลื่อนกำหนดการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ หรือ SCOD , โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์จากปี 2559เป็นปี 2560-61 เป็นต้น
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) กล่าวว่า ขณะนี้เรกูเลเตอร์กำลังพิจารณาค่าFt ที่จะเรียกเก็บในบิลค่าไฟประชาชนงวด ก.ย.-ธ.ค.2558 ซึ่งเบื้องต้นยอมรับว่าคงลดลงไม่ถึง 9.35 สตางค์ต่อหน่วย ตามที่เคยคำนวณเอาไว้ในงวดที่ผ่านมา (พ.ค.-ส.ค.2558) โดยอาจจะอยู่ระหว่าง 5-6สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากปัจจัยหลักมาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างมากเฉลี่ยมาอยู่ที่ 35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แต่งวดที่ผ่านมา ได้คำนวณอัตราแลกเปลี่ยนที่ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
"คงจะต้องดู เพราะหลายปัจจัยมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะค่าเงินบาท การผลิตไฟฟ้าจากน้ำลดลงจากปัญหาภัยแล้ง ซึ่งงวดที่ผ่านมา (พ.ค.-ส.ค.) ค่าFt ลดจริงเพียง 5.69 สตางค์ต่อหน่วย แต่เนื่องจากคาดว่าแนวโน้มราคาก๊าซใน Ft งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.จะปรับลดลงอีก ส่งผลให้ค่า Ft มีโอกาสปรับลดลง 13 สตางค์ต่อหน่วย ดังนั้น จึงนำค่า Ft ทั้งสองงวดมาเฉลึ่ย ทำให้สามารถปรับลดค่าเอฟทีงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. ลดลงได้ 9.35 สตางค์ต่อหน่วย และเอฟทีงวดใหม่ก็จะลดลงอีก 9.35บาทต่อหน่วยเช่นกันแต่เท่าที่ดูตัวเลขต่างๆ แล้วคงจะไม่ถึง แต่จะเท่าใด ยังคงต้องดูรายละเอียด ส่วนการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานใหม่ที่จะเซ็ต Ft เป็นศูนย์หากผ่าน กพช. วันที่ 13 ส.ค.นี้ ก็คงต้องไปทำรายละเอียดอื่นๆ คงไม่ทันใช้ในงวดก.ย.นี้”แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากระดับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังคงอ่อนตัวลงอย่างเนื่อง เฉลี่ยอยู่ที่ 50-55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ระดับราคาก๊าซธรรมชาติที่อิงราคาน้ำมันย้อนหลัง 6-12 เดือน ลดลงตามไปด้วย จึงมีความเป็นไปได้ที่แนวโน้มการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตามสูตรอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft ) งวดใหม่ (ก.ย.-ธ.ค.2558) ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) จะประกาศภายในเดือนก.ย.นี้ มีทิศทางลดลงแน่นอน แต่จะเป็นตัวเลขเท่าใด คงอยู่ที่เรกูเลเตอร์จะพิจารณา เช่นเดียวกับราคาแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) เดือนก.ย. ที่การเคลื่อนไหวขณะนี้ ยังคงเป็นขาลงเช่นกัน ดังนั้น ภาพรวมราคาพลังงานระยะสั้นเดือนส.ค.- ก.ย. ยังเป็นทิศทางขาลง
"ระยะสั้น ราคาพลังงานภาพรวม ยังคงเป็นขาลงจากทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกที่ยังคงทรงตัวระดับต่ำ แต่สิ่งที่ต้องจับตา คือ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามาอยู่ระดับที่ 35-36 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าพลังงานของไทยสูงขึ้นได้เช่นกัน ประกอบกับช่วงเดือน พ.ย. จะเข้าสู่ฤดูหนาว ราคาน้ำมันที่ทำความอบอุ่น เช่น ดีเซล แอลพีจี จะสูงขึ้น ก็ต้องติดตามด้วย”แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานวันนี้ (13 ส.ค.) อาจมีการหารือภาพรวมทิศทางพลังงานและทิศทางค่าบริการรถสาธารณะ เนื่องจากกระทรวงคมนาคมก็ระบุว่าจะสอบถามนโยบายเพื่อตัดสินใจเรื่องลดค่าบริการโดยสารในระยะยาว
ส่วนวาระสำคัญที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาได้แก่ การทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าปี 2558-2560 ที่เรกูเลเตอร์จัดทำแล้วเสร็จ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน และยังจะมีเรื่องการยกเลิกสิทธิพิเศษในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จำนวนตั้งแต่ 10,000ลิตรขึ้นไป ระหว่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 ราย เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ จึงกำหนดให้ ปตท. เป็นผู้จัดหาป้อนให้กับ กฟผ. เพื่อลดต้นทุนการสร้างคลัง แต่ขณะนี้ ปตท. ได้เป็นบริษัทมหาชนแล้ว เพื่อประโยชน์สูงสุดของทั้งสองหน่วยงาน จึงได้ยกเลิกสิทธิดังกล่าวลง
ขณะเดียวกัน จะมีการเสนอการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อที่จะลดต้นทุนการขนส่งน้ำมันในต่างจังหวัดลง เนื่องจากการขนรถบรรทุกในปัจจุบันมีต้นทุนสูง โดยจะเปิดให้เอกชนที่สนใจดำเนินการโครงการ , การขอเลื่อนกำหนดการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ หรือ SCOD , โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์จากปี 2559เป็นปี 2560-61 เป็นต้น
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) กล่าวว่า ขณะนี้เรกูเลเตอร์กำลังพิจารณาค่าFt ที่จะเรียกเก็บในบิลค่าไฟประชาชนงวด ก.ย.-ธ.ค.2558 ซึ่งเบื้องต้นยอมรับว่าคงลดลงไม่ถึง 9.35 สตางค์ต่อหน่วย ตามที่เคยคำนวณเอาไว้ในงวดที่ผ่านมา (พ.ค.-ส.ค.2558) โดยอาจจะอยู่ระหว่าง 5-6สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากปัจจัยหลักมาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างมากเฉลี่ยมาอยู่ที่ 35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แต่งวดที่ผ่านมา ได้คำนวณอัตราแลกเปลี่ยนที่ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
"คงจะต้องดู เพราะหลายปัจจัยมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะค่าเงินบาท การผลิตไฟฟ้าจากน้ำลดลงจากปัญหาภัยแล้ง ซึ่งงวดที่ผ่านมา (พ.ค.-ส.ค.) ค่าFt ลดจริงเพียง 5.69 สตางค์ต่อหน่วย แต่เนื่องจากคาดว่าแนวโน้มราคาก๊าซใน Ft งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.จะปรับลดลงอีก ส่งผลให้ค่า Ft มีโอกาสปรับลดลง 13 สตางค์ต่อหน่วย ดังนั้น จึงนำค่า Ft ทั้งสองงวดมาเฉลึ่ย ทำให้สามารถปรับลดค่าเอฟทีงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. ลดลงได้ 9.35 สตางค์ต่อหน่วย และเอฟทีงวดใหม่ก็จะลดลงอีก 9.35บาทต่อหน่วยเช่นกันแต่เท่าที่ดูตัวเลขต่างๆ แล้วคงจะไม่ถึง แต่จะเท่าใด ยังคงต้องดูรายละเอียด ส่วนการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานใหม่ที่จะเซ็ต Ft เป็นศูนย์หากผ่าน กพช. วันที่ 13 ส.ค.นี้ ก็คงต้องไปทำรายละเอียดอื่นๆ คงไม่ทันใช้ในงวดก.ย.นี้”แหล่งข่าวกล่าว