"เรกูเลเตอร์"แจ้งข่าวดีค่าไฟงวดใหม่(ก.ย.-ธ.ค.58)จ่อลด3สต./หน่วย "บิ๊กโย่ง" ขอเวลา 3 เดือนสรุปประเด็นร้อนพลังงานเดินหน้าสำรวจปิโตรเลียมรอบ 21 ปัญหาโรงไฟฟ้าถ่านหิน พร้อมสานต่อปรับโครงสร้างราคา"NGV" ก.ย.
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรคกูเลเตอร์) กล่าวว่าในวันที่ 26 ส.ค.นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (บอร์ดเรคกูเลเตอร์ ) เพื่อพิจารณาค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(เอฟที) เดือนก.ย. -ธ.ค. 2558 โดยจะเสนอปรับลดค่าเอฟทีลง 3 สต.ต่อหน่วย ซึ่งต่ำกว่าที่ประเมินไว้จะสามารถปรับลดลงได้ 9.35 สต.ต่อหน่วย เนื่องจากมีปัจจัยลบจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 34-35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่เคยมองไว้จะอยู่ที่ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แม้ราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักจะสะท้อนตามต้นทุนราคาน้ำมันที่ลดลงก็ตาม
นอกจากนี้ปริมาณน้ำที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าก็มีจำนวนน้อย ไม่สามารถเกลี่ยต้นทุนการผลิตไฟฟ้าให้ลดลงได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือค่าเอฟทีในปี 2559 มีโอกาสที่จะลดลงได้ยากในทางกลับกันมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น หากแนวโน้มค่าเงินบาทยังอ่อนตัวลงต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยลบทำให้ค่าเอฟทีลดลงไม่ได้มากนักแม้ว่าราคาพลังงานจะยังคงมีทิศทางอ่อนตัวลงก็ตาม
พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการหารือร่วมกับข้าราชการและหน่วยงานภายใต้สังกัดกว่า 2 ชั่วโมง ว่า จะสรุปประเด็นปัญหาด้านความขัดแย้งให้ได้ภายใน 3 เดือนโดยเฉพาะการเดินหน้าเปิดสำรวจปิโตรเลียมรอบที่ 21 การต่ออายุสัมปทานที่กำลังจะหมดอายุในอีก 5-6 ปี รวมถึงกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยหากพบว่ามีความจำเป็นจะเร่งให้ทันเวลาโดยจะขอดูข้อมูลจากทุกฝ่ายเพื่อที่จะเดินหน้าต่อ ส่วนนโยบายที่ต้องการทำใหม่คือการปรับภาพลักษณ์กระทรวงพลังงานที่ต้องการให้ทุกคนมีความเชื่อถือในข้อมูลเพราะพลังงานเป็นปัจจัยพื้นฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจ
" อยากได้ข้อมูลว่าพลังงานไม่เพียงพอและจะมีวิกฤติเป็นอย่างไร ถ้าเร่งด่วนมากก็จำเป็นจะต้องเดินหน้า แต่ถ้าไม่เร่งด่วนก็ต้องศึกษาหาความกระจ่าง อีกฝ่ายระบุว่าพลังงานจะวิกฤติ แต่มีบางท่านกล่าวว่าพลังงานไม่ขาดแคลน แต่ไม่มั่นคงเพราะเราไม่ได้ผลิตเองอาศัยคนอื่น ก็ต้องมาดูผมคิดว่า 3 เดือนคงจะตกลงใจว่าจะเดินหน้าอย่างไร ส่วนสิ่งที่อยากทำคือต้องการปรับโฉมภาพลักษณ์กระทรวงพลังงานให้คนเชื่อถือให้ได้เพราะผมคิดว่าพลังงานสำคัญ"รมว.พลังงานกล่าว
ทั้งนี้กรณีร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียมและภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเองขณะนี้ขั้นตอนขณะนี้ผ่านคณะรัฐมนตรี(ครม.)แล้วและล่าสุดอยู่ระหว่างเตรียมที่จะเสนอเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ซึ่งตนเองก็ต้องการที่จะไปเร่งสนช.ในส่วนที่การทำความเข้าใจให้มากขึ้นเพราะที่ผ่านมากฏหมายจะเร็วหรือช้าไม่ได้อยู่ที่กระบวนการแต่เป็นเรื่องของการทำความเข้าใจมากกว่า ส่วนกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินจ.กระบี่เองขณะนี้กระทรวงฯก็เตรียมที่จะส่งตัวแทนเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการไตรภาคีเร็วๆนี้ ซึ่งตนเองพร้อมที่จะพูดคุยกับทุกฝ่ายได้อยู่แล้วซึ่งที่สุดคงต้องหารือกัน
สำหรับนโยบายการปรับราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ให้สะท้อนกลไกตลาดขณะนี้พบว่า ราคาเกือบเท่าตลาดโลกแล้วโดยต่างกันเพียง 1 บาทต่อกิโลกรัม (กก.)เท่านั้น หากจะต้องดำเนินการต่อก็คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะประชาชนได้รับรู้มาโดยตลอด ซึ่งคงจะต้องเข้าสู่การประชุมในคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)เดือนก.ย.ต่อไป
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรคกูเลเตอร์) กล่าวว่าในวันที่ 26 ส.ค.นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (บอร์ดเรคกูเลเตอร์ ) เพื่อพิจารณาค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(เอฟที) เดือนก.ย. -ธ.ค. 2558 โดยจะเสนอปรับลดค่าเอฟทีลง 3 สต.ต่อหน่วย ซึ่งต่ำกว่าที่ประเมินไว้จะสามารถปรับลดลงได้ 9.35 สต.ต่อหน่วย เนื่องจากมีปัจจัยลบจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 34-35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่เคยมองไว้จะอยู่ที่ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แม้ราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักจะสะท้อนตามต้นทุนราคาน้ำมันที่ลดลงก็ตาม
นอกจากนี้ปริมาณน้ำที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าก็มีจำนวนน้อย ไม่สามารถเกลี่ยต้นทุนการผลิตไฟฟ้าให้ลดลงได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือค่าเอฟทีในปี 2559 มีโอกาสที่จะลดลงได้ยากในทางกลับกันมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น หากแนวโน้มค่าเงินบาทยังอ่อนตัวลงต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยลบทำให้ค่าเอฟทีลดลงไม่ได้มากนักแม้ว่าราคาพลังงานจะยังคงมีทิศทางอ่อนตัวลงก็ตาม
พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการหารือร่วมกับข้าราชการและหน่วยงานภายใต้สังกัดกว่า 2 ชั่วโมง ว่า จะสรุปประเด็นปัญหาด้านความขัดแย้งให้ได้ภายใน 3 เดือนโดยเฉพาะการเดินหน้าเปิดสำรวจปิโตรเลียมรอบที่ 21 การต่ออายุสัมปทานที่กำลังจะหมดอายุในอีก 5-6 ปี รวมถึงกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยหากพบว่ามีความจำเป็นจะเร่งให้ทันเวลาโดยจะขอดูข้อมูลจากทุกฝ่ายเพื่อที่จะเดินหน้าต่อ ส่วนนโยบายที่ต้องการทำใหม่คือการปรับภาพลักษณ์กระทรวงพลังงานที่ต้องการให้ทุกคนมีความเชื่อถือในข้อมูลเพราะพลังงานเป็นปัจจัยพื้นฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจ
" อยากได้ข้อมูลว่าพลังงานไม่เพียงพอและจะมีวิกฤติเป็นอย่างไร ถ้าเร่งด่วนมากก็จำเป็นจะต้องเดินหน้า แต่ถ้าไม่เร่งด่วนก็ต้องศึกษาหาความกระจ่าง อีกฝ่ายระบุว่าพลังงานจะวิกฤติ แต่มีบางท่านกล่าวว่าพลังงานไม่ขาดแคลน แต่ไม่มั่นคงเพราะเราไม่ได้ผลิตเองอาศัยคนอื่น ก็ต้องมาดูผมคิดว่า 3 เดือนคงจะตกลงใจว่าจะเดินหน้าอย่างไร ส่วนสิ่งที่อยากทำคือต้องการปรับโฉมภาพลักษณ์กระทรวงพลังงานให้คนเชื่อถือให้ได้เพราะผมคิดว่าพลังงานสำคัญ"รมว.พลังงานกล่าว
ทั้งนี้กรณีร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียมและภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเองขณะนี้ขั้นตอนขณะนี้ผ่านคณะรัฐมนตรี(ครม.)แล้วและล่าสุดอยู่ระหว่างเตรียมที่จะเสนอเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ซึ่งตนเองก็ต้องการที่จะไปเร่งสนช.ในส่วนที่การทำความเข้าใจให้มากขึ้นเพราะที่ผ่านมากฏหมายจะเร็วหรือช้าไม่ได้อยู่ที่กระบวนการแต่เป็นเรื่องของการทำความเข้าใจมากกว่า ส่วนกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินจ.กระบี่เองขณะนี้กระทรวงฯก็เตรียมที่จะส่งตัวแทนเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการไตรภาคีเร็วๆนี้ ซึ่งตนเองพร้อมที่จะพูดคุยกับทุกฝ่ายได้อยู่แล้วซึ่งที่สุดคงต้องหารือกัน
สำหรับนโยบายการปรับราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ให้สะท้อนกลไกตลาดขณะนี้พบว่า ราคาเกือบเท่าตลาดโลกแล้วโดยต่างกันเพียง 1 บาทต่อกิโลกรัม (กก.)เท่านั้น หากจะต้องดำเนินการต่อก็คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะประชาชนได้รับรู้มาโดยตลอด ซึ่งคงจะต้องเข้าสู่การประชุมในคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)เดือนก.ย.ต่อไป
