รอยเตอร์/เอเอฟพี-มาเลเซียประกาศยืนยันผลตรวจชิ้นส่วนปีกที่พบบนเกาะกลางมหาสมุทรอินเดียเป็น MH370 ที่สูญหายไปตั้งแต่มี.ค.ปีที่แล้ว ถือเป็นการสิ้นสุดปริศนาดำมือในวงการการบิน ด้านออสเตรเลียมั่นใจจะสามารถค้นพบซากเครื่องบินได้ในอีกไม่ช้านี้ ขณะที่ญาติยังโกรธและต้องการที่จะรู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงยืนยันเมื่อเช้ามืดวานนี้ (6 ส.ค.) ว่า ชิ้นส่วนปีกโบอิ้ง777 ที่พบบนเกาะรีอูนิยง ในมหาสมุทรอินเดีย เป็นของเที่ยวบิน MH370 ถือเป็นการพบร่องรอยของเครื่องบินลำนี้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มันสูญหายไปพร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่อง 239 คนเมื่อเดือนมี.ค.ปีก่อน
"วันนี้เป็นวันที่ 515 นับตั้งแต่เครื่องบินสูญหาย มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ผมต้องแจ้งกับพวกคุณว่าผลสรุปของคณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติยืนยันว่าเศษซากเครื่องบินที่พบบนเกาะรีอูนิยง มาจาก MH370 ซึ่งผมอยากรับประกันกับทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรมนี้ว่ารัฐบาลมาเลเซียมีหน้าที่ดำเนินการทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ภายใต้ความตั้งใจของเราในการค้นหาความจริงว่าอะไรเกิดขึ้น"
ถ้อยแถลงดังกล่าว นับเป็นหลักฐานโดยตรงครั้งแรกที่ยืนยันว่าเครื่องบินดิ่งลงมหาสมุทร และเป็นจุดสิ้นสุดมหากาพย์หนึ่งในปริศนาดำมืดที่สุดในวงการการบิน
ทางด้านสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เผยแพรถ้อยแถลงตามหลังคำประกาศของนายนาจิบว่า เป็นการฝ่าทางตันครั้งสำคัญในการคลี่คลายปริศนาการสูญหายของเที่ยวบิน MH370 โดยเราคาดหมายและหวังว่าจะพบวัตถุอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อจะสามารถคลี่คลายปริศนานี้
ทั้งนี้ ชิ้นส่วนของปีกที่เรียกว่า flaperon (แฟลปเพอรอน) ยาว 2 เมตร ถูกพบบนเกาะรีอูนิยง ซึ่งเป็นดินแดนของฝรั่งเศสในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว จากนั้นแฟลปเพอรอนได้ถูกส่งไปที่ห้องแล็ปของกระทรวงกลาโหม ที่เมืองตูลูส ทางภาคใต้ของฝรั่งเศส เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญฝรั่งเศสและมาเลเซียดำเนินการตรวจสอบขั้นสูง ซึ่งเริ่มขึ้นในตอนบ่ายวันพุธที่ 5 ส.ค. โดยมีเจ้าหน้าที่ของโบอิ้ง ผู้เชี่ยวชาญจากออสเตรเลีย และตัวแทนจากจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีเหยื่อประสบเหตุมากที่สุด ได้รับเชิญให้เข้าร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลมาเลเซียแถลงยืนยันว่าชิ้นส่วนปีกดังกล่าวมาจากเที่ยวบิน MH370 แต่อัยการฝรั่งเศส ซึ่งออกคำแถลงในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ได้ยืนยันว่า พวกเขาแน่ใจแล้ว แม้ยอมรับมีความเป็นไปได้อย่างมากที่สุดว่าจะเป็นเช่นนั้น
"การทำงานที่แท้จริงในการตรวจสอบชิ้นส่วนปีก ยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น" จอห์น กอกเลีย อดีตสมาชิกบอร์ดบริหารของคณะกรรมการความปลอดภัยทางคมนาคมแห่งชาติสหรัฐฯ บอกกับรอยเตอร์
"พวกเขาต้องพิสูจน์ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้จากเหล็กดังกล่าว ทั้งสภาพความเสียหาย ตัวเพรียง และรอยจุดสังเกตบนเหล็ก พวกเขาต้องตรวจสอบตัวยึด (สำหรับยึดแฟลปเพอรอนติดอยู่กับที่) เพื่อดูว่ามันหลุดออกมาได้อย่างไร ซึ่งจากสิ่งนั้นพวกเขาก็จะสามารถบอกได้ถึงทิศทางและระดับความสูงของเครื่องบินตอนที่มันตกกระทบ เหล็กดังกล่าวสามารถบอกได้หลายๆ อย่าง"
ทางด้านรัฐบาลออสเตรเลีย ได้แสดงความมั่นใจว่า ภารกิจค้นหาเที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์สเดินมาถูกทางแล้ว เชื่อว่าจะพบซากเครื่องบินในที่สุด หลังจากรัฐบาลเสือเหลืองประกาศยืนยันว่า แผ่น flaperon ของโบอิ้ง 777 ที่ค้นพบบนชายหาดเกาะลาเรอูนิยงเมื่อสัปดาห์ก่อนมาจากเครื่องบินที่สูญหายไปจริงๆ
"บ่งชี้ว่าเครื่องบินลำนี้ ตกลงทะเลอย่างแน่นอน และน่าจะอยู่ในบริเวณที่เราประเมินไว้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เรามั่นใจได้ว่าปมปริศนานี้กำลังจะได้รับการคลี่คลาย" โทนี แอบบ็อตต์ นายกรัฐมนตรีแห่งออสเตรเลียแถลง
ด้านจูลี บิชอป รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวเสริมว่า ออสเตรเลียจะยังรับบทผู้นำในการค้นหา MH370 ต่อไป และการค้นพบชิ้นส่วนปีกเครื่องบิน ก็เป็นหลักฐานที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถระบุจุดตกได้ใกล้เคียงความจริงยิ่งขึ้น
"หลังจากที่เวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้แล้ว ดิฉันหวังว่าสิ่งที่เราค้นพบวันนี้ จะช่วยให้เราหาจุดตกของเครื่องบินได้ไม่ช้าก็เร็ว”เธอให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
มาร์ติน โดแลน หัวหน้าสำนักงานความปลอดภัยขนส่งออสเตรเลีย (ATSB) ระบุว่า ตนมั่นใจว่าเราค้นหาถูกจุดแล้ว และจะต้องพบซากเครื่องบินในบริเวณนั้นแน่นอน แต่ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเที่ยวบินนี้ที่สูญหายไปเมื่อ 17 เดือนก่อน และจำเป็นที่จะต้องรอผลตรวจชิ้นส่วน flaperon อย่างละเอียดว่าจะบอกอะไรเราได้บ้าง
สำหรับความเคลื่อนไหวญาติผู้เคราะห์ร้ายบนเที่ยวบิน MH370 มีหลายรายที่โกรธและยังไม่เชื่อว่าครอบครัวของเขาได้เสียชีวิตไปกับเครื่องบินลำนั้นแล้ว
"ผมไม่เชื่อข้อมูลล่าสุดนี่หรอก พวกเขาโกหกเรามาตั้งแต่ต้นแล้ว ผมรู้ว่าลูกสาวผมยังอยู่ที่ไหนสักแห่งข้างนอกนั่น แต่พวกเขาไม่ยอมบอกความจริงกับเรา" จาง หยงหลี ผู้ที่มีลูกสาวอยู่บน MH370 บอกนักข่าว
เปา หลันฟาง ที่มีหลานชายอยู่บน MH370 ได้บอกนักข่าวว่า “ทุกคนล้วนโกหก” ก่อนที่จะล้มฟุบลงไปที่พื้นแล้วร้องไห้บริเวณนอกสำนักงานมาเลเซียแอร์ไลน์สในปักกิ่ง พร้อมระบุทั้งน้ำตาว่า “ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เจอเขาอีกครั้ง”
ด้าน จากีตาร์ กอนซาเลส หญิงชาวมาเลเซียที่เป็นภรรยาของแพทริก โกเมส หัวหน้าสจ๊วตของ MH370 กล่าวว่า ตอนนี้ ฉันอยากจะรู้ว่าส่วนลำตัวเครื่องบินอยู่ที่ไหน เพื่อที่เราจะได้ร่างของผู้โดยสารและกล่องดำ แล้วเราก็จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่นั้นแล้วเราก็จะปิดคดีได้สมบูรณ์
ขณะที่ จี ซูบรามาเนียม ชายชาวมาเลเซียที่เสียลูกชาย บอกว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนต้องตามหาชิ้นส่วนอื่นๆ กันอีก
ซารา วีคส์ น้องสาวของผู้โดยสารชาวนิวซีแลนด์ที่ชื่อ พอล วีคส์ ยินดีกับข่าวที่มีการพบซากชิ้นส่วนเสียที อย่างไรก็ตาม เธอได้บอกว่ารู้สึกแย่ที่ได้รับรู้การยืนยันครั้งนี้จากสื่อมวลชนแทนที่จะเป็นทางการมาเลเซีย
จอร์จ เบอร์โรว์ พ่อของร็อดนีย์ บอกว่า เขาหวังจะได้รับการยืนยันว่าชิ้นส่วนที่พบนี้มาจากเครื่องบินลำที่ลูกเขาโดยสาร แล้วเขาก็อยากรู้ด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
อีเลน ชิว ภรรยาของลูกเรือรายหนึ่งบนเที่ยวบิน MH370 การประกาศครั้งล่าสุดนี้ ทำให้เธอโล่งใจได้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น พร้อมถามว่า "ศพของสามีฉันอยู่ไหน เจอข้าวของที่เป็นของผู้โดยสารบ้างไหม ไม่มีเลย พวกเขาเจอแค่ซากชิ้นส่วนเครื่องบิน ไม่ล่ะ สำหรับฉันเรื่องนี้มันยังปิดคดีไม่ได้"
สำหรับเที่ยวบิน MH370 หายไปจากจอเรดาร์ ระหว่างพาผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิตเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่ง เมื่อกลางดึกของวันที่ 8 มี.ค.2014 ขณะที่นานาชาติได้ร่วมปฏิบัติการค้นหาใช้งบกว่า 90 ล้านเหรียญสหรัฐ ครอบคลุมพื้นที่ราว 6 หมื่นตารางกิโลเมตร นอกชายฝั่งเมืองเพิร์ธของออสเตรเลียไปทางตะวันตกราว 1,600 กิโลเมตร แต่ก็ไม่พบอะไร ต่อ ต่อมาได้มีการขยายปฏิบัติการค้นหาอีก 60,000 ตารางกิโลเมตร แต่ก็ไม่พบอะไร จนเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ทางสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ประกาศให้เหตุสูญหายครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ เพื่อเปิดทางจ่ายเงินชดเชยแก่ญาติๆ แม้ปฏิบัติการค้นหายังดำเนินต่อไป จนกระทั่งมาเจอเศษปีกเครื่องบินถูกน้ำพัดมาเกยชายหาดเกาะลาเรอูนิยงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงยืนยันเมื่อเช้ามืดวานนี้ (6 ส.ค.) ว่า ชิ้นส่วนปีกโบอิ้ง777 ที่พบบนเกาะรีอูนิยง ในมหาสมุทรอินเดีย เป็นของเที่ยวบิน MH370 ถือเป็นการพบร่องรอยของเครื่องบินลำนี้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มันสูญหายไปพร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่อง 239 คนเมื่อเดือนมี.ค.ปีก่อน
"วันนี้เป็นวันที่ 515 นับตั้งแต่เครื่องบินสูญหาย มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ผมต้องแจ้งกับพวกคุณว่าผลสรุปของคณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติยืนยันว่าเศษซากเครื่องบินที่พบบนเกาะรีอูนิยง มาจาก MH370 ซึ่งผมอยากรับประกันกับทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรมนี้ว่ารัฐบาลมาเลเซียมีหน้าที่ดำเนินการทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ภายใต้ความตั้งใจของเราในการค้นหาความจริงว่าอะไรเกิดขึ้น"
ถ้อยแถลงดังกล่าว นับเป็นหลักฐานโดยตรงครั้งแรกที่ยืนยันว่าเครื่องบินดิ่งลงมหาสมุทร และเป็นจุดสิ้นสุดมหากาพย์หนึ่งในปริศนาดำมืดที่สุดในวงการการบิน
ทางด้านสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เผยแพรถ้อยแถลงตามหลังคำประกาศของนายนาจิบว่า เป็นการฝ่าทางตันครั้งสำคัญในการคลี่คลายปริศนาการสูญหายของเที่ยวบิน MH370 โดยเราคาดหมายและหวังว่าจะพบวัตถุอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อจะสามารถคลี่คลายปริศนานี้
ทั้งนี้ ชิ้นส่วนของปีกที่เรียกว่า flaperon (แฟลปเพอรอน) ยาว 2 เมตร ถูกพบบนเกาะรีอูนิยง ซึ่งเป็นดินแดนของฝรั่งเศสในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว จากนั้นแฟลปเพอรอนได้ถูกส่งไปที่ห้องแล็ปของกระทรวงกลาโหม ที่เมืองตูลูส ทางภาคใต้ของฝรั่งเศส เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญฝรั่งเศสและมาเลเซียดำเนินการตรวจสอบขั้นสูง ซึ่งเริ่มขึ้นในตอนบ่ายวันพุธที่ 5 ส.ค. โดยมีเจ้าหน้าที่ของโบอิ้ง ผู้เชี่ยวชาญจากออสเตรเลีย และตัวแทนจากจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีเหยื่อประสบเหตุมากที่สุด ได้รับเชิญให้เข้าร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลมาเลเซียแถลงยืนยันว่าชิ้นส่วนปีกดังกล่าวมาจากเที่ยวบิน MH370 แต่อัยการฝรั่งเศส ซึ่งออกคำแถลงในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ได้ยืนยันว่า พวกเขาแน่ใจแล้ว แม้ยอมรับมีความเป็นไปได้อย่างมากที่สุดว่าจะเป็นเช่นนั้น
"การทำงานที่แท้จริงในการตรวจสอบชิ้นส่วนปีก ยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น" จอห์น กอกเลีย อดีตสมาชิกบอร์ดบริหารของคณะกรรมการความปลอดภัยทางคมนาคมแห่งชาติสหรัฐฯ บอกกับรอยเตอร์
"พวกเขาต้องพิสูจน์ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้จากเหล็กดังกล่าว ทั้งสภาพความเสียหาย ตัวเพรียง และรอยจุดสังเกตบนเหล็ก พวกเขาต้องตรวจสอบตัวยึด (สำหรับยึดแฟลปเพอรอนติดอยู่กับที่) เพื่อดูว่ามันหลุดออกมาได้อย่างไร ซึ่งจากสิ่งนั้นพวกเขาก็จะสามารถบอกได้ถึงทิศทางและระดับความสูงของเครื่องบินตอนที่มันตกกระทบ เหล็กดังกล่าวสามารถบอกได้หลายๆ อย่าง"
ทางด้านรัฐบาลออสเตรเลีย ได้แสดงความมั่นใจว่า ภารกิจค้นหาเที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์สเดินมาถูกทางแล้ว เชื่อว่าจะพบซากเครื่องบินในที่สุด หลังจากรัฐบาลเสือเหลืองประกาศยืนยันว่า แผ่น flaperon ของโบอิ้ง 777 ที่ค้นพบบนชายหาดเกาะลาเรอูนิยงเมื่อสัปดาห์ก่อนมาจากเครื่องบินที่สูญหายไปจริงๆ
"บ่งชี้ว่าเครื่องบินลำนี้ ตกลงทะเลอย่างแน่นอน และน่าจะอยู่ในบริเวณที่เราประเมินไว้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เรามั่นใจได้ว่าปมปริศนานี้กำลังจะได้รับการคลี่คลาย" โทนี แอบบ็อตต์ นายกรัฐมนตรีแห่งออสเตรเลียแถลง
ด้านจูลี บิชอป รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวเสริมว่า ออสเตรเลียจะยังรับบทผู้นำในการค้นหา MH370 ต่อไป และการค้นพบชิ้นส่วนปีกเครื่องบิน ก็เป็นหลักฐานที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถระบุจุดตกได้ใกล้เคียงความจริงยิ่งขึ้น
"หลังจากที่เวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้แล้ว ดิฉันหวังว่าสิ่งที่เราค้นพบวันนี้ จะช่วยให้เราหาจุดตกของเครื่องบินได้ไม่ช้าก็เร็ว”เธอให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
มาร์ติน โดแลน หัวหน้าสำนักงานความปลอดภัยขนส่งออสเตรเลีย (ATSB) ระบุว่า ตนมั่นใจว่าเราค้นหาถูกจุดแล้ว และจะต้องพบซากเครื่องบินในบริเวณนั้นแน่นอน แต่ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเที่ยวบินนี้ที่สูญหายไปเมื่อ 17 เดือนก่อน และจำเป็นที่จะต้องรอผลตรวจชิ้นส่วน flaperon อย่างละเอียดว่าจะบอกอะไรเราได้บ้าง
สำหรับความเคลื่อนไหวญาติผู้เคราะห์ร้ายบนเที่ยวบิน MH370 มีหลายรายที่โกรธและยังไม่เชื่อว่าครอบครัวของเขาได้เสียชีวิตไปกับเครื่องบินลำนั้นแล้ว
"ผมไม่เชื่อข้อมูลล่าสุดนี่หรอก พวกเขาโกหกเรามาตั้งแต่ต้นแล้ว ผมรู้ว่าลูกสาวผมยังอยู่ที่ไหนสักแห่งข้างนอกนั่น แต่พวกเขาไม่ยอมบอกความจริงกับเรา" จาง หยงหลี ผู้ที่มีลูกสาวอยู่บน MH370 บอกนักข่าว
เปา หลันฟาง ที่มีหลานชายอยู่บน MH370 ได้บอกนักข่าวว่า “ทุกคนล้วนโกหก” ก่อนที่จะล้มฟุบลงไปที่พื้นแล้วร้องไห้บริเวณนอกสำนักงานมาเลเซียแอร์ไลน์สในปักกิ่ง พร้อมระบุทั้งน้ำตาว่า “ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เจอเขาอีกครั้ง”
ด้าน จากีตาร์ กอนซาเลส หญิงชาวมาเลเซียที่เป็นภรรยาของแพทริก โกเมส หัวหน้าสจ๊วตของ MH370 กล่าวว่า ตอนนี้ ฉันอยากจะรู้ว่าส่วนลำตัวเครื่องบินอยู่ที่ไหน เพื่อที่เราจะได้ร่างของผู้โดยสารและกล่องดำ แล้วเราก็จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่นั้นแล้วเราก็จะปิดคดีได้สมบูรณ์
ขณะที่ จี ซูบรามาเนียม ชายชาวมาเลเซียที่เสียลูกชาย บอกว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนต้องตามหาชิ้นส่วนอื่นๆ กันอีก
ซารา วีคส์ น้องสาวของผู้โดยสารชาวนิวซีแลนด์ที่ชื่อ พอล วีคส์ ยินดีกับข่าวที่มีการพบซากชิ้นส่วนเสียที อย่างไรก็ตาม เธอได้บอกว่ารู้สึกแย่ที่ได้รับรู้การยืนยันครั้งนี้จากสื่อมวลชนแทนที่จะเป็นทางการมาเลเซีย
จอร์จ เบอร์โรว์ พ่อของร็อดนีย์ บอกว่า เขาหวังจะได้รับการยืนยันว่าชิ้นส่วนที่พบนี้มาจากเครื่องบินลำที่ลูกเขาโดยสาร แล้วเขาก็อยากรู้ด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
อีเลน ชิว ภรรยาของลูกเรือรายหนึ่งบนเที่ยวบิน MH370 การประกาศครั้งล่าสุดนี้ ทำให้เธอโล่งใจได้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น พร้อมถามว่า "ศพของสามีฉันอยู่ไหน เจอข้าวของที่เป็นของผู้โดยสารบ้างไหม ไม่มีเลย พวกเขาเจอแค่ซากชิ้นส่วนเครื่องบิน ไม่ล่ะ สำหรับฉันเรื่องนี้มันยังปิดคดีไม่ได้"
สำหรับเที่ยวบิน MH370 หายไปจากจอเรดาร์ ระหว่างพาผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิตเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่ง เมื่อกลางดึกของวันที่ 8 มี.ค.2014 ขณะที่นานาชาติได้ร่วมปฏิบัติการค้นหาใช้งบกว่า 90 ล้านเหรียญสหรัฐ ครอบคลุมพื้นที่ราว 6 หมื่นตารางกิโลเมตร นอกชายฝั่งเมืองเพิร์ธของออสเตรเลียไปทางตะวันตกราว 1,600 กิโลเมตร แต่ก็ไม่พบอะไร ต่อ ต่อมาได้มีการขยายปฏิบัติการค้นหาอีก 60,000 ตารางกิโลเมตร แต่ก็ไม่พบอะไร จนเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ทางสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ประกาศให้เหตุสูญหายครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ เพื่อเปิดทางจ่ายเงินชดเชยแก่ญาติๆ แม้ปฏิบัติการค้นหายังดำเนินต่อไป จนกระทั่งมาเจอเศษปีกเครื่องบินถูกน้ำพัดมาเกยชายหาดเกาะลาเรอูนิยงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว