รอยเตอร์/เอเอฟพี - นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงยืนยันในเช้ามืดวันพฤหัสบดี (6 ส.ค.) ว่าชิ้นส่วนปีกโบอิ้ง777 ที่พบบนเกาะรีอูนิยง ในมหาสมุทรอินเดีย เป็นของเที่ยวบิน MH370 ถือเป็นการพบร่องรอยของเครื่องบินลำนี้ครั้งแรก นับตั้งแต่มันสูญหายไปพร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่อง 239 คนเมื่อเดือนมีนาคมปีก่อน
“วันนี้ 515 วันนับตั้งแต่เครื่องบินสูญหาย มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ผมต้องแจ้งกับพวกคุณว่าผลสรุปของคณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติยืนยันว่าเศษซากเครื่องบินที่พบบนเกาะรีอูนิยง มาจาก MH370” นายกรัฐมนตรีราซัค แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ในช่วงกลางดึก “ผมอยากรับประกันกับทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรมนี้ว่ารัฐบาลมาเลเซียมีหน้าที่ดำเนินการทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ภายใต้ความตั้งใจของเราในการค้นหาความจริงว่าอะไรเกิดขึ้น”
ถ้อยแถลงดังกล่าวนับเป็นหลักฐานโดยตรงครั้งแรกที่ยืนยันว่าเครื่องบินดิ่งลงมหาสมุทร และเป็นจุดสิ้นสุดมหากาพย์หนึ่งในปริศนาดำมืดที่สุดในวงการการบิน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของครอบครัวเหยื่อแล้ว มันให้เบาะแสแค่เล็กน้อยว่าทำไมเครื่องบินถึงสูญหายไป
“มันยังไม่จบ” แจ็กกิตา กอนซาเลซ ภรรยาของนายแพทริก โกเมส พนักงานต้อนรับบนเที่ยวบิน MH370 กล่าว “แม้ว่าพวกเขาพบอะไรบางอย่าง แต่มันยังไม่จบ พวกเขายังจำเป็นต้องค้นหาเครื่องบินทั้งลำ เรายังต้องการพวกเขากลับมา”
ทางสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส บรรยายการค้นหาดังกล่าวว่าเป็นการฝ่าทางตันครั้งสำคัญในการคลี่คลายปริศนาการสูญหายของเที่ยวบิน MH370 "เราคาดหมายและหวังว่าจะพบวัตถุอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อจะสามารถคลี่คลายปริศนานี้" มาเลเซีย แอร์ไลน์ส เผยแพร่ถ้อยแถลงไม่นานตามหลังคำประกาศของนายนาจิบ
ชิ้นส่วนของปีกที่เรียกว่า flaperon (แฟลปเพอรอน) ยาว 2 เมตร ถูกพบบนเกาะรีอูนิยง ซึ่งเป็นดินแดนของฝรั่งเศสในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว จากนั้น แฟลปเพอรอนได้ถูกส่งไปที่ห้องแล็ปของกระทรวงกลาโหมแดนน้ำหอม ที่เมืองตูลูส ทางภาคใต้ของฝรั่งเศส เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญฝรั่งเศสและมาเลเซีย ดำเนินการตรวจสอบขั้นสูงซึ่งเริ่มขึ้นในตอนบ่ายวันพุธ (5 ส.ค.) โดยมีเจ้าหน้าที่ของโบอิ้ง ผู้เชี่ยวชาญจากออสเตรเลีย และตัวแทนจากจีน ประเทศซึ่งมีเหยื่อประสบเหตุมากที่สุด ได้รับเชิญให้เข้าร่วมด้วย
แม้รัฐบาลมาเลเซียแถลงยืนยันว่าชิ้นส่วนปีกดังกล่าวมาจากเที่ยวบิน MH370 แต่อัยการฝรั่งเศสซึ่งออกคำแถลงในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ยังเป็นช่วงค่ำของวันพุธ (5 ส.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น ไม่ได้ยืนยันว่าพวกเขาแน่ใจแล้ว แม้ยอมรับมีความเป็นไปได้อย่างมากที่สุดว่าจะเป็นเช่นนั้น ขณะเดียวกันตำรวจแดนน้ำหอมก็จะดำเนินการตรวจสอบชิ้นส่วนกระเป๋าสัมภาระที่พบบนเกาะรีอูนิยงด้วย
“การทำงานที่แท้จริงในการตรวจสอบชิ้นส่วนปีกยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น” จอห์น กอกเลีย อดีตสมาชิกบอร์ดบริหารของคณะกรรมการความปลอดภัยทางคมนาคมแห่งชาติสหรัฐฯบอกกับรอยเตอร์ “พวกเขาต้องพิสูจน์ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้จากเหล็กดังกล่าว ทั้งสภาพความเสียหาย ตัวเพรียง และรอยจุดสังเกตบนเหล็ก พวกเขาต้องตรวจสอบตัวยึด (สำหรับยึดแฟลปเพอรอนติดอยู่กับที่) เพื่อดูว่ามันหลุดออกมาได้อย่างไร ซึ่งจากสิ่งนั้นพวกเขาก็จะสามารถบอกได้ถึงทิศทางและระดับความสูงของเครื่องบินตอนที่มันตกกระทบ เหล็กดังกล่าวสามารถบอกได้หลายๆ อย่าง”
เที่ยวบิน MH370 สูญหายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคมปีก่อน ขณะกำลังเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย มุ่งหน้าสู่กรุงปักกิ่ง ด้วยเดิมทีเชื่อว่ามันตกลงสู่ทางใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ห่างจากเกาะรีอูนิยง ราว 3,700 กิโลเมตร
โบอิ้ง 777 สูญหายไปจากจอเรดาร์พลเรือน หลังออกบินจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ราว 1 ชั่วโมง ขณะที่ทีมสืบสวนเชื่อว่าอาจมีบางคนปิดเครื่องรับส่งสัญญาณของเครื่องบิน เบี่ยงออกจากเส้นทางการบินหลายพันกิโลเมตร และจงใจพาเครื่องบินดิ่งลงมหาสมุทรนอกชายฝั่งออสเตรเลีย
นานาชาติเข้าร่วมปฏิบัติการค้นหาที่ใช้งบประมาณมหาศาลกว่า 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมพื้นที่ราว 60,000 ตารางกิโลเมตร นอกชายฝั่งเมืองเพิร์ธของออสเตรเลียไปทางตะวันตกราว 1,600 กิโลเมตร แต่ก็ไม่พบอะไร ต่อมาได้มีการขยายปฏิบัติการค้นหาอีก 60,000 ตารางกิโลเมตร ด้วยเจ้าหน้าที่มาเลเซียและออสเตรเลียบอกว่ามันครอบคลุมราว 95 เปอร์เซ็นต์ของเส้นทางการบินของ MH370
ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทางสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ประกาศให้เหตุสูญหายครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ เพื่อเปิดทางจ่ายเงินชดเชยแก่ญาติๆ แม้ปฏิบัติการค้นหายังดำเนินต่อไป