ASTVผู้จัดการรายวัน-“คมนาคม”ส่งสัญญาณ “กทม.” ยุติเจรจาโอนเดินรถสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) หลังคุยยืดเยื้อไม่ได้ข้อสรุป เตรียมหารือ”ประธานบอร์ดรฟม.”หาแนวทางเดินรถเอง ยอมรับเป็นไปได้ จ้างตรง BTS ชี้ประชาชนได้ประโยชน์เดินรถได้ต่อเนื่อง
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าจะเชิญพล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด)การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มาหารือถึงความคืบหน้าการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ซึ่งก่อนหน้านี้ รฟม.ได้เจรจากับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้รับเดินรถแต่ยังไม่มีข้อสรุป ซึ่งขณะนี้มีความกังวลมากเพราะการเดินรถจะล่าช้ากว่าแผน ดังนั้นจะต้องตัดสินใจให้ชัดเจนเดือนมิ.ย.นี้ หากกทม.ไม่สามารถรับเดินรถสายสีเขียวใต้ได้ จะให้รฟม.ตัดสินใจในการเดินรถเอง โดยพิจารณาแนวทางที่มีความเหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ว่ากรณีที่รฟม.เดินรถเองจะใช้วิธีเจรจาตรงกับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ให้เข้ามาผู้รับงานเดินรถ โดยจะเป็นการร่วมทุนหรือ PPP ตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2556 ซึ่งยอมรับว่ามีขั้นตอนและอาจต้องใช้เวลามากกว่าการเจรจาโอนให้กทม.รับไป แต่เป็นวิธีที่ดีกว่ารออย่างเดียวโดยไม่ทำอะไรเลย หรือหากรฟม.จะเปิดประกวดราคา ก็เชื่อว่าจะมีเอกชนสนใจร่วมประมูล แต่ เนื่องจากระยะทางโครงการประมาณ 13 กม. ถือว่าค่อนข้างสั้น ในเชิงธุรกิจอาจไม่คุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประมูลเสนออัตราค่าโดยสารที่สูงเพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุน ซึ่งจะทำให้ประชาชนเดือดร้อน และหากเป็นผู้เดินรถรายอื่นที่ไม่ใช่ BTS ผู้โดยสารจะไม่ได้รับความสะดวกในการเชื่อมต่อการเดินทาง
“ตอนนี้ไม่ได้หมายความว่าจะเจรจากับ BTS หรือเปิดประมูล เพียงแต่ทุกแนวทางมีความเป็นไปได้ ต้องขอหารือกับทาง รฟม.ก่อน แต่ทางกระทรวงเห็นว่า คงรอกทม.ตัดสินใจไม่ไหวแล้วเพราะเลยเวลาและหากรอต่อไปจะยิ่งทำให้การเดินรถสายสีเขียวใต้ยิ่งล่าช้า ส่วนเจรจากับ BTS เป็นทางเลือกที่มีประโยชน์กับประชาชนในภาพรวมมากกว่าแนวทางอื่น โดยเฉพาะ ผู้โดยสารจะสะดวก ไม่ต้องเปลี่ยนขบวนรถใหม่ “พล.อ.อ.ประจินกล่าว
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ในวันนี้ (5 มิ.ย.) ผู้บริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ BTSจะมาเข้าพบเพื่อหารือใน 2 เรื่อง คือ1.รายงานความคืบหน้าแผนการลงทุนจัดหาหัวรถจักรไฟฟ้าและระบบ เพื่อมาวิ่งบริการเส้นทางรถไฟทางคู่ขนาดรางกว้าง 1 เมตร (Meter Gauge) โดยนำร่องที่เส้นทางชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ซึ่งเพิ่งได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ให้เปิดประกวดราคาเพื่อดำเนินการก่อสร้าง นอกจากนี้ BTS จะมานำเสนอแผนพัฒนาที่ดินของ ร.ฟ.ท.ที่อยู่ในกทม.ด้วย
ด้านพล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานบอร์ดรฟม. กล่าวว่า การเจรจากับ กทม. เพื่อรับโอนการเดินรถสายสีเขียวใต้ ไปดูแลยังไม่ได้ข้อยุติ โดยกทม.ต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนด้านการเงินเหมือนที่สนับสนุนให้รฟม. ซึ่งสายสีเขียวใต้มีวงเงินลงทุนที่ กทม.ต้องจ่ายคืนให้รฟม. จำนวน 17,092.21 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้างงานโยธา 16,488.60 ล้านบาท และค่าที่ปรึกษางานโยธา 603.61 ล้านบาท และหกทม.ยังขอเจรจารับเดินรถ สายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต)ไปด้วย ซึ่งคงไม่สามารถให้ได้ ดังนั้น รฟม.จะต้องเร่งหาข้อยุติในการเจรจากับกทม. พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้รฟม. ศึกษาแนวทางและทำแผนในการเดินรถเองไว้ หากไม่โอนให้กทม.จะได้สามารถดำเนินการเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาได้ทันที
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าจะเชิญพล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด)การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มาหารือถึงความคืบหน้าการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ซึ่งก่อนหน้านี้ รฟม.ได้เจรจากับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้รับเดินรถแต่ยังไม่มีข้อสรุป ซึ่งขณะนี้มีความกังวลมากเพราะการเดินรถจะล่าช้ากว่าแผน ดังนั้นจะต้องตัดสินใจให้ชัดเจนเดือนมิ.ย.นี้ หากกทม.ไม่สามารถรับเดินรถสายสีเขียวใต้ได้ จะให้รฟม.ตัดสินใจในการเดินรถเอง โดยพิจารณาแนวทางที่มีความเหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ว่ากรณีที่รฟม.เดินรถเองจะใช้วิธีเจรจาตรงกับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ให้เข้ามาผู้รับงานเดินรถ โดยจะเป็นการร่วมทุนหรือ PPP ตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2556 ซึ่งยอมรับว่ามีขั้นตอนและอาจต้องใช้เวลามากกว่าการเจรจาโอนให้กทม.รับไป แต่เป็นวิธีที่ดีกว่ารออย่างเดียวโดยไม่ทำอะไรเลย หรือหากรฟม.จะเปิดประกวดราคา ก็เชื่อว่าจะมีเอกชนสนใจร่วมประมูล แต่ เนื่องจากระยะทางโครงการประมาณ 13 กม. ถือว่าค่อนข้างสั้น ในเชิงธุรกิจอาจไม่คุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประมูลเสนออัตราค่าโดยสารที่สูงเพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุน ซึ่งจะทำให้ประชาชนเดือดร้อน และหากเป็นผู้เดินรถรายอื่นที่ไม่ใช่ BTS ผู้โดยสารจะไม่ได้รับความสะดวกในการเชื่อมต่อการเดินทาง
“ตอนนี้ไม่ได้หมายความว่าจะเจรจากับ BTS หรือเปิดประมูล เพียงแต่ทุกแนวทางมีความเป็นไปได้ ต้องขอหารือกับทาง รฟม.ก่อน แต่ทางกระทรวงเห็นว่า คงรอกทม.ตัดสินใจไม่ไหวแล้วเพราะเลยเวลาและหากรอต่อไปจะยิ่งทำให้การเดินรถสายสีเขียวใต้ยิ่งล่าช้า ส่วนเจรจากับ BTS เป็นทางเลือกที่มีประโยชน์กับประชาชนในภาพรวมมากกว่าแนวทางอื่น โดยเฉพาะ ผู้โดยสารจะสะดวก ไม่ต้องเปลี่ยนขบวนรถใหม่ “พล.อ.อ.ประจินกล่าว
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ในวันนี้ (5 มิ.ย.) ผู้บริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ BTSจะมาเข้าพบเพื่อหารือใน 2 เรื่อง คือ1.รายงานความคืบหน้าแผนการลงทุนจัดหาหัวรถจักรไฟฟ้าและระบบ เพื่อมาวิ่งบริการเส้นทางรถไฟทางคู่ขนาดรางกว้าง 1 เมตร (Meter Gauge) โดยนำร่องที่เส้นทางชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ซึ่งเพิ่งได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ให้เปิดประกวดราคาเพื่อดำเนินการก่อสร้าง นอกจากนี้ BTS จะมานำเสนอแผนพัฒนาที่ดินของ ร.ฟ.ท.ที่อยู่ในกทม.ด้วย
ด้านพล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานบอร์ดรฟม. กล่าวว่า การเจรจากับ กทม. เพื่อรับโอนการเดินรถสายสีเขียวใต้ ไปดูแลยังไม่ได้ข้อยุติ โดยกทม.ต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนด้านการเงินเหมือนที่สนับสนุนให้รฟม. ซึ่งสายสีเขียวใต้มีวงเงินลงทุนที่ กทม.ต้องจ่ายคืนให้รฟม. จำนวน 17,092.21 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้างงานโยธา 16,488.60 ล้านบาท และค่าที่ปรึกษางานโยธา 603.61 ล้านบาท และหกทม.ยังขอเจรจารับเดินรถ สายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต)ไปด้วย ซึ่งคงไม่สามารถให้ได้ ดังนั้น รฟม.จะต้องเร่งหาข้อยุติในการเจรจากับกทม. พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้รฟม. ศึกษาแนวทางและทำแผนในการเดินรถเองไว้ หากไม่โอนให้กทม.จะได้สามารถดำเนินการเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาได้ทันที