ASTVผู้จัดการรายวัน-รฟม.เร่งกทม.สรุป รับภาระหนี้ค่าก่อสร้างสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ใน 2-3 สัปดาห์ เผยหากเปลี่ยนเจรจาตรง BTS ต้องชงบอร์ดและครม.เห็นชอบก่อน ขณะที่”ประจิน”เรียกกทม. หารือแต่ยังไม่คืบหน้า เหตุกทม.ติดปัญหาด้านงบประมาณ
พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระหว่างรฟม.กับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า เมื่อปลายเดือนมีนาคม ทางพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ประชุมหารือในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเหลือประเด็นรายละเอียดเรื่องทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ทางกทม.จะต้องชำระคืนเงินลงทุนที่รฟม. ได้ลงทุนไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 17,092.21 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าก่อสร้างงานโยธาวงเงิน 16,488.60 ล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษางานโยธา 603.61 ล้านบาท โดยกทม.อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดทางการเงิน และจะหารือกับกระทรวงการคลังและนำผลมาหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคมและรฟม.ต่อไป ซึ่งรฟม.ยังคงเป้าหมายแผนการเปิดเดินรถในปี 2563
“ตอนนี้เหลือรายละเอียดที่กทม.ต้องเคลียร์ค่าใช้จ่ายให้รฟม. และเรื่องอำนาจทางกฎหมายในการเดินรถนอกเขตกทม. ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ไม่น่าห่วง จะพยายามหารือกันทุกอาทิตย์เพื่อให้เดินหน้ากันต่อไปให้ได้ หากมีปัญหาสะดุดเรื่องใดจะเร่งส่งเรื่องให้รัฐบาลตัดสิน ”พล.อ.ยอดยุทธกล่าว
ด้านนายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการ รฟม.กล่าวว่า ล่าสุดทางกทม.ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่งกทม.จะต้องเร่งหาทางจัดการเรื่องหนี้สินที่รฟม.ลงทุนไปแล้วอย่างไรโดยกทม.ต้องไปคุยกับกระทรวงการคลัง ซึ่งทางกทม.เองอาจจะไม่ได้เร่งมากนัก
เพราะหากกทม.เข้ามารับภาระหนี้โครงการอาจจะต้องพิจารณาความเป็นไปได้ทางการเงินของโครงการด้วย ซึ่งกทม.ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องงบประมาณและต้องเสนอกระทรวงมหาดไทยด้วย อาจจะติดขัดกรอบเพดาน โดยทางกทม.ได้ขอข้อมูลรายละเอียดโครงการทั้งหมดจากรฟม. เพื่อนำไปศึกษาวิเคราะห์ร่วมกับที่ปรึกษา
ในส่วนของรฟม.จะต้องเร่งติดตามความคืบหน้าจากกทม. เนื่องจากรมว.คมนาคม เห็นว่าค่อนข้างช้าแล้ว เพราะสั่งการเรื่องนี้มาตั้งแต่ปลายปี 2557 ซึ่ง กทม.รับปาก แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า โดยจะให้เวลาอีก 2-3 สัปดาห์นี้ หากไม่มีความคืบหน้า จะต้องพิจารณาหาแนวทางต่อไป
ส่วนการเจรจาตรงกับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เพื่อให้เข้ามาเดินรถ ยังไม่ได้ เนื่องจากการให้เอกชนเดินรถไฟฟ้านั้น เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ หากยังไม่มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมารฟม.จะไปทำเองก่อนไม่ได้ ซึ่งรูปแบบเดิมการเดินรถสายสีเขียวใต้ รฟม.จะเดินรถเอง
แต่จะรูปแบบใดต้องมาพิจารณา แต่ขณะนี้มีแนวทางการเจรจากับกทม.ขึ้นมา โดยหากการเจรจากับกทม.ไม่สำเร็จ แล้วจะใช้การเจรจากับทาง BTS รฟม.จะต้องเสนอบอร์ด รฟม.พิจารณาเพื่อนำเสนอ ครม.อนุมัติตามขั้นตอนก่อน
สำหรับการก่อสร้างงานโยธารถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2558 มีความก้าวหน้า 53.68% จากแผนงาน 53.15% เร็วกว่าแผน 0.53% โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2553
พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระหว่างรฟม.กับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า เมื่อปลายเดือนมีนาคม ทางพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ประชุมหารือในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเหลือประเด็นรายละเอียดเรื่องทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ทางกทม.จะต้องชำระคืนเงินลงทุนที่รฟม. ได้ลงทุนไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 17,092.21 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าก่อสร้างงานโยธาวงเงิน 16,488.60 ล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษางานโยธา 603.61 ล้านบาท โดยกทม.อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดทางการเงิน และจะหารือกับกระทรวงการคลังและนำผลมาหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคมและรฟม.ต่อไป ซึ่งรฟม.ยังคงเป้าหมายแผนการเปิดเดินรถในปี 2563
“ตอนนี้เหลือรายละเอียดที่กทม.ต้องเคลียร์ค่าใช้จ่ายให้รฟม. และเรื่องอำนาจทางกฎหมายในการเดินรถนอกเขตกทม. ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ไม่น่าห่วง จะพยายามหารือกันทุกอาทิตย์เพื่อให้เดินหน้ากันต่อไปให้ได้ หากมีปัญหาสะดุดเรื่องใดจะเร่งส่งเรื่องให้รัฐบาลตัดสิน ”พล.อ.ยอดยุทธกล่าว
ด้านนายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการ รฟม.กล่าวว่า ล่าสุดทางกทม.ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่งกทม.จะต้องเร่งหาทางจัดการเรื่องหนี้สินที่รฟม.ลงทุนไปแล้วอย่างไรโดยกทม.ต้องไปคุยกับกระทรวงการคลัง ซึ่งทางกทม.เองอาจจะไม่ได้เร่งมากนัก
เพราะหากกทม.เข้ามารับภาระหนี้โครงการอาจจะต้องพิจารณาความเป็นไปได้ทางการเงินของโครงการด้วย ซึ่งกทม.ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องงบประมาณและต้องเสนอกระทรวงมหาดไทยด้วย อาจจะติดขัดกรอบเพดาน โดยทางกทม.ได้ขอข้อมูลรายละเอียดโครงการทั้งหมดจากรฟม. เพื่อนำไปศึกษาวิเคราะห์ร่วมกับที่ปรึกษา
ในส่วนของรฟม.จะต้องเร่งติดตามความคืบหน้าจากกทม. เนื่องจากรมว.คมนาคม เห็นว่าค่อนข้างช้าแล้ว เพราะสั่งการเรื่องนี้มาตั้งแต่ปลายปี 2557 ซึ่ง กทม.รับปาก แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า โดยจะให้เวลาอีก 2-3 สัปดาห์นี้ หากไม่มีความคืบหน้า จะต้องพิจารณาหาแนวทางต่อไป
ส่วนการเจรจาตรงกับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เพื่อให้เข้ามาเดินรถ ยังไม่ได้ เนื่องจากการให้เอกชนเดินรถไฟฟ้านั้น เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ หากยังไม่มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมารฟม.จะไปทำเองก่อนไม่ได้ ซึ่งรูปแบบเดิมการเดินรถสายสีเขียวใต้ รฟม.จะเดินรถเอง
แต่จะรูปแบบใดต้องมาพิจารณา แต่ขณะนี้มีแนวทางการเจรจากับกทม.ขึ้นมา โดยหากการเจรจากับกทม.ไม่สำเร็จ แล้วจะใช้การเจรจากับทาง BTS รฟม.จะต้องเสนอบอร์ด รฟม.พิจารณาเพื่อนำเสนอ ครม.อนุมัติตามขั้นตอนก่อน
สำหรับการก่อสร้างงานโยธารถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2558 มีความก้าวหน้า 53.68% จากแผนงาน 53.15% เร็วกว่าแผน 0.53% โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2553