xs
xsm
sm
md
lg

รฟม.เตรียมเซ็นจ้างผู้รับเหมาสร้างสีเขียวเหนือ มี.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
บอร์ด รฟม.รับทราบปรับลดราคาค่าก่อสร้างสายสีเขียวเหนือ 56 ล้านบาทหลังเจรจาผู้ชนะประมูล ยันเดินหน้าเจรจา กทม.รับโอนงานสีเขียวใต้เหมาะสม ขณะที่ยันผลสอบปม สตง.ชี้ค่าก่อสร้างสายสีน้ำเงินสัญญา 2 เพิ่ม 290 ล้านไม่มีปัญหา เตรียมแจง สตง.เข้าใจ ก่อนเดินหน้าจ้างผู้ว่าฯ รฟม.คนใหม่

พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด รฟม. เมื่อวันที่ 6 มีนาคมได้รายงานความคืบหน้าการเจรจาต่อรองผู้ชนะการประกวดราคาจ้างก่อสร้างงานโยธา โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) วงเงิน 28,842,279,923.74 บาท โดยสามารถปรับลดวงเงินเหลือ 28,786,000,000 บาท หรือลดลง 56 ล้านบาท และจะเสนอบอร์ด รฟม.อนุมัติอีกครั้งในการประชุมวันที่ 13 มีนาคม หลังจากนั้นจะรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ และคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาก่อสร้างได้ภายในเดือนมีนาคมนี้เพราะไม่ต้องการให้งานก่อสร้างล่าช้า โดยคาดว่าจะเริ่มงานก่อสร้างได้ภายในเดือนเมษายน

ทั้งนี้ ผลการเจรจารถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือเป็นรายสัญญา ประกอบด้วย สัญญาที่ 1 (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่) ราคากลาง 15,284,924,844.86 บาท บริษัทอินตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ตกลงราคาที่ 15,269,000,000 บาท สัญญาที่ 2 (ช่วงสะพานใหม่-คูคต) ราคากลาง 6,659,991,127.04 บาท กลุ่ม UN-SH-CH Joint Venture (บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และ SINOHYDRO CORPORATION LIMITED และ CHINA HARBOUR ENGINEERING COMPANY LIMITED ตกลงราคาที่ 6,657,000,000 บาท

สัญญาที่ 3 (งานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง และอาคารจอดแล้วจร) ราคากลาง 4,029,567,257.11 บาท กลุ่ม STEC-AS Joint Venture (บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนจิเนียริ่ง (1964) จำกัด ตกลงราคาที่ 4,019,000,000 บาท สัญญาที่ 4 (งานจ้างออกแบบควบคู่การก่อสร้างระบบราง ราคากลาง 2,867,796,694.73 บาท กลุ่ม STEC-AS Joint Venture ตกลงราคาที่ 2,841,000,000 บาท

ส่วนความคืบหน้าการโอนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) นั้น พล.อ.ยอดยุทธกล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้หารือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยให้ กทม.ไปจัดทำข้อเสนอด้านค่าใช้จ่ายที่ รฟม.ได้ลงทุนก่อสร้างไปแล้วประมาณ 19,000 ล้านบาท ว่าจะใช้คืน รฟม.อย่างไร ซึ่งถือเป็นประเด็นหลักที่ รฟม.จะพิจารณาข้อเสนอของ กทม. นอกจากนี้ ทาง กทม.จะต้องไปหาข้อสรุปในเรื่องข้อกฎหมายในการก่อสร้างและเดินรถนอกพื้นที่ กทม. เมื่อได้คำตอบจะมีการเจรจากันอีกรอบ ซึ่งขณะนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะให้ กทม.รับไปดำเนินการ 100% หรือไม่ แต่แนวทางเบื้องต้นตรงกันแล้วคือต้องการให้เดินรถต่อเนื่อง ซึ่งหาก รฟม.ดำเนินการเองจะต้องเจรจากับ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ซึ่งจะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ในขณะที่หากโอนให้ กทม.จะมีความรวดเร็วมากกว่า เพราะ กทม.มีสัญญากับ BTS อยู่แล้ว สามารถเจรจากับ BTS ได้เลย

นอกจากนี้ บอร์ดยังได้รับทราบผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบว่ามีผู้บริหาร รฟม.เปลี่ยนแปลงสัญญาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย สถานีสนามไชย-ท่าพระ ส่งผลให้ รฟม.ต้องจ่ายเงินเพิ่ม 290 ล้านบาท ชุดที่มีนายไกร ตั้งสง่า กรรมการ รฟม.เป็นประธาน โดยสรุปว่า การเปลี่ยนแปลงเนื้อหาสาระก่อสร้างนั้นมีความจำเป็น ซึ่งตรงกับกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดที่นายรณชิต แย้มสอาด รองผู้ว่าฯ รฟม. แต่งตั้ง โดยมีนายสราวุธ เบญจกุล เป็นประธาน เพราะเป็นการปรับวิธีก่อสร้างเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับพื้นที่โดยรอบและไม่ทำให้โครงการก่อสร้างหยุดชะงัก นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาร่วมของทีมที่ปรึกษาทั้ง PMC และ CSC เห็นควรให้เปลี่ยนแปลงวิธีการก่อสร้าง และได้พิจารณาว่าเห็นควรต้องชดเชยเงินให้ผู้รับเหมา และได้นำเสนอบอร์ด รฟม.เห็นชอบแล้ว ถือว่า รฟม.ทำถูกต้องในการเปลี่ยนแปลงสัญญาและจ่ายเงินชดเชยให้ผู้รับเหมา

และหลังจากนี้ รฟม.จะทำหนังสือชี้แจงไปยัง สตง. และหาก สตง.ไม่มีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็จะสามารถลงนามสัญญาจ้างนายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล รองผู้ว่าฯ รฟม. เป็นผู้ว่าฯ รฟม.คนใหม่ได้เร็วๆ นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น