บอร์ด รฟม.ดีเดย์เปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง 12 ส.ค. 59 เร็วกว่าแผนเดิม ส่วนสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-คูคต) ตั้งเป้าลงมือก่อสร้างต้นปี 58 “ยอดยุทธ” เร่งสรรหาผู้ว่าฯ รฟม. โยน กก.สรรหาพิจารณาคุณสมบัติ “รณชิต” เหตุไม่ลาออกจากรักษาการผู้ว่าฯ รฟม.ตามเงื่อนไข วงในหวั่นตัดสิทธิ์ “รณชิต” ส่อเกิดปัญหาฟ้องร้อง
พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด รฟม.เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้มีการติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ โดย รฟม.ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 18.2 กิโลเมตร วงเงินรวม 29,109 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้มีการเปิดซองข้อเสนอราคา และอยู่ระหว่างตรวจสอบความถูกต้องบริษัทผู้รับเหมาที่เสนอราคาต่ำสุดในการดำเนินโครงการก่อสร้างทั้ง 4 สัญญา คาดว่าประมาณกลางเดือนมกราคม 2558 สามารถลงนามในสัญญาจ้างและเริ่มก่อสร้างได้ทันที
ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระนั้น บอร์ดได้เร่งให้ทางคณะกรรมการมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 เร่งหาข้อสรุปในการเดินรถ ซึ่งต้องมีการเดินรถต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับงานก่อสร้างงานโยธาที่คืบหน้าไปตามแผนงาน และหากงานโยธาแล้วเสร็จ แต่ยังไม่สามารถเปิดเดินรถได้ รฟม.จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในการดูแลสภาพทางของงานโยธา โดยไม่เกิดประโยชน์ใดๆ
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ งานก่อสร้างคืบหน้า 96% แล้ว ซึ่งบอร์ดจึงได้กำหนดการเปิดใช้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 สิงหาคม 2559 ซึ่งจะเร็วกว่ากำหนดเดิมที่จะเปิดการเดินรถอย่างเป็นทางการในปลายปี 2559
พล.อ.ยอดยุทธกล่าวถึงการสรรหาผู้ว่าฯ รฟม.ว่า บอร์ดต้องการให้เร่งสรรหาผู้ว่าฯ รฟม.เร็วที่สุด เพราะปัจจุบัน รฟม.ไม่มีผู้ว่าฯ ตัวจริง ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อการบริหารงานต่างๆ ทั้งนี้ การที่คณะกรรมการสรรหาผู้ว่าฯ รฟม.ได้กำหนดคุณสมบัติที่ผู้สมัครจะต้องไม่ดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการผู้ว่าการ รฟม. ในวันยื่นใบสมัคร เพื่อไม่ให้ผู้สมัครรายอื่นเกิดการเสียเปรียบนั้น เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมาได้เกิดกรณีผู้ดำรงตำแหน่งรักษาการ รฟม.ใช้อำนาจหน้าที่ทำให้ผู้สมัครรายอื่นเกิดความเสียเปรียบขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่นายรณชิต แย้มสอาด รักษาการผู้ว่าฯ รฟม. ได้ยื่นสมัครเข้ารับการสรรหาโดยไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งรักษาการผู้ว่าฯ รฟม.ตามข้อกำหนดคุณสมบัติของคณะกรรมการสรรหาฯ นั้น ต้องเป็นไปตามมติของคณะกรรมการสรรหาฯ ซึ่งจะมีการพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครเข้ารับการสรรหาต่อไป
รายงานข่าวจาก รฟม.ระบุว่า การที่นายรณชิต แย้มสอาด รักษาการผู้ว่าฯ รฟม. ลงสมัครเข้ารับการสรรหาในตำแหน่งผู้ว่าการ รฟม. โดยไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งรักษาการผู้ว่าการ รฟม.ตามที่คณะกรรมการสรรหากำหนดหลักเกณฑ์ คุณสมบัติขึ้นนั้น เพราะว่าตามกฎหมาย พ.ร.บ.รฟม. มาตรา 27 ได้กำหนดว่า ในกรณีที่ผู้ว่าการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้หรือตำแหน่งผู้ว่าการว่างลง ให้รองผู้ว่าการอาวุโสสูงสุดตามลำดับเป็นผู้รักษาการ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวไม่ได้กำหนดให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งรักษาการสามารถลาออกจากตำแหน่งรักษาการฯ ได้ ดังนั้นจึงถือว่านายรณชิตได้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง และหากนายรณชิตลาออกจากตำแหน่งรักษาการ จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อีกทั้งในระหว่างที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรักษาการผู้ว่าการ รฟม.นั้น หากเกิดความเสียหายใดๆ ต่อกิจการของ รฟม.ขึ้น นายรณชิตก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในฐานะที่ปล่อยปละละเลยการดำเนินงาน
ดังนั้น การที่คณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการ รฟม.กำหนดคุณสมบัติว่าผู้สมัครสรรหาผู้ว่าฯ รฟม.ต้องไม่เป็นรักษาการผู้ว่าฯ รฟม. จึงอาจขัดกับ พ.ร.บ.รฟม. และอาจเป็นการปิดกั้นโอกาส เพื่อไม่ให้นายรณชิตมีโอกาสได้เข้ารับการสรรหาได้ ซึ่งคงต้องรอว่า คณะกรรมการสรรหาฯ จะพิจารณาตัดสิทธิ์นายรณชิตหรือไม่ ซี่งหากนายรณชิตถูกตัดสิทธิ์ก็สามารถดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายได้ต่อไป