กระทรวงคมนาคมสั่งการให้ กก.มาตรา13 เร่งสรุปเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายกับ BMCLภายในธันวาคมนี้ หลังจากล่าช้ามากว่า 3 ปี ทำรัฐบาลไร้ผลงาน กก.มาตรา13 แก้เกี้ยวขอข้อมูลเพิ่มเติมจาก BMCL ก่อนเคาะเจรจา
แหล่งข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณางานเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระและหัวลำโพง-บางแค) ว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการมาตรา 13 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) ที่มีนายรณชิต แย้มสอาด รองผู้ว่าฯ รฟม. (ฝ่ายบริหาร)และรักษาการผู้ว่าฯ รฟม.เป็นประธาน ได้ประชุมและมีความเห็นว่าภายในสัปดาห์นี้จะสอบถามไปยังบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการให้บริการเพื่อเดินรถต่อเนื่อง โดยขอให้ BMCL ตอบกลับมาภายในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่าจะใช้วิธีการเจรจากับ BMCL เพื่อให้เดินรถต่อเนื่องจากสายทางปัจจุบัน หรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการมาตรา 13 จะรายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. ที่มี พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ เป็นประธาน รับทราบในวันที่ 19 ธันวาคมนี้
“ที่ผ่านมาการดำเนินงานของกรรมการมาตรา13 ล่าช้ามาก ไม่สรุปผลให้ชัดเจนว่าจะเจรจากับ BMCLซึ่งเดินรถสายสีน้ำเงินเดิมอยู่ให้ต่อเนื่องออกไปครบทั้งสายหรือไม่ ทั้งที่รู้ว่าเกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในแง่การให้บริการ ความปลอดภัย ประหยัด และเปิดบริการได้เร็วขึ้น เพราะใช้ระบบและทรัพยากรเดิมต่อขยายออกไปได้ และที่ผ่านมา รฟม. ในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการ และกระทรวงคมนาคมก็มีจุดยืนชัดเจนว่าต้องการให้สายสีน้ำเงินทั้งสายเดินรถต่อเนื่อง เพราะเป็นสายวงกลมหลัก และเห็นว่าการเจรจากับBMCL เป็นประโยชน์ กระทรวงคมนาคมและบอร์ด รฟม. ต้องการให้กรรมการมาตรา13 สรุปเรื่องการเจรจาเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบภายในเดือนธันวาคมนี้”
แหล่งข่าวจากรฟม. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ได้ให้นโยบายชัดเจนว่า การเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายนี้จะต้องเป็นแบบต่อเนื่องกับสายสีน้ำเงินเดิม เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด และต้องการให้คณะกรรมการมาตรา13 เร่งรัดพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะขณะนี้งานก่อสร้างโยธาของสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายแล้วเสร็จกว่าร้อยละ 60 แล้ว แต่งานคัดเลือกผู้รับสัมปทานเดินรถกลับล่าช้ามากว่า3ปีแล้ว และหากการเจรจากับBMCLให้ดำเนินการต่อขยายออกไปทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดก็สามารถดำเนินการได้ รวมถึงการเจรจากับBTS สำหรับสายสีเขียวส่วนต่อขยายด้วย
ที่ผ่านมาคณะกรรมการมาตรา13 ที่มีนายรณชิต แย้มสอาด รองผู้ว่าฯ รฟม. (ฝ่ายบริหาร)และรักษาการผู้ว่าฯ รฟม.เป็นประธาน ดำเนินงานล่าช้ามาก เริ่มตั้งแต่ ปี พศ.2554 สมัยรัฐบาลเพื่อไทย โดยไม่ยอมสรุปว่าจะเจรจากับBMCLหรือไม่ และกลับพยายามผลักดันให้ใช้วิธีประมูลเดินรถแบบแยกระบบ ไม่ต่อกับสายสีน้ำเงินเดิม แต่กรรมการหลายท่านไม่เห็นด้วยเพราะจะทำให้เกิดความเสียหายกับระบบขนส่งมวลชนของประเทศและส่วนรวม จนปลาย ปี พศ.2556 ก็แจ้งว่าเจรจาไม่ได้เพราะรัฐบาลเพื่อไทยยุบสภาแล้ว จนกระทั่งรัฐบาล คสช.เข้ามาสั่งการให้เร่งรัดสรุปโดยมีความชัดเจนว่าต้องการเดินรถต่อเนื่องกับสายสีน้ำเงินเดิมและเห็นว่าการเจรจากับ BMCLเป็นประโยชน์ และบอร์ด รฟม.ก็มีมติสนับสนุนชัดเจนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม2557แต่คณะกรรมการมาตรา13 ก็ยังไม่สามารถสรุปเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีได้
เป็นที่น่าสังเกตว่าความล่าช้าของกรรมการมาตรา13นึ้ เกี่ยวโยงกับความต้องการที่จะเปิดประมูลเพื่อหาผู้เดินรถรายใหม่และการจัดซื้อระบบรถไฟฟ้า โดยไม่แคร์ประชาชนอ้างการแข่งขันและความโปร่งใสบังหน้า ทั้งที่รู้ว่ารายเดิมดำเนินการจะถูกกว่า และเร็วกว่า และแม้ว่ากระทรวงคมนาคมและบอร์ดรฟม. เร่งรัดมาก็ไม่เกิดผล การขอข้อมูลเพิ่มเติมจาก BMCL อาจเป็นการแก้เกี้ยวเพื่อบ่ายเบี่ยงทอดเวลาออกไปอีก เพราะข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ที่ปรึกษาของ รฟม. ได้จัดทำและเสนอบอร์ด รฟม.อนุมัติไปแล้ว รวมทั้งเสนอกรรมการมาตรา 13 พิจารณาไปแล้วด้วย.
แหล่งข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณางานเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระและหัวลำโพง-บางแค) ว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการมาตรา 13 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) ที่มีนายรณชิต แย้มสอาด รองผู้ว่าฯ รฟม. (ฝ่ายบริหาร)และรักษาการผู้ว่าฯ รฟม.เป็นประธาน ได้ประชุมและมีความเห็นว่าภายในสัปดาห์นี้จะสอบถามไปยังบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการให้บริการเพื่อเดินรถต่อเนื่อง โดยขอให้ BMCL ตอบกลับมาภายในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่าจะใช้วิธีการเจรจากับ BMCL เพื่อให้เดินรถต่อเนื่องจากสายทางปัจจุบัน หรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการมาตรา 13 จะรายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. ที่มี พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ เป็นประธาน รับทราบในวันที่ 19 ธันวาคมนี้
“ที่ผ่านมาการดำเนินงานของกรรมการมาตรา13 ล่าช้ามาก ไม่สรุปผลให้ชัดเจนว่าจะเจรจากับ BMCLซึ่งเดินรถสายสีน้ำเงินเดิมอยู่ให้ต่อเนื่องออกไปครบทั้งสายหรือไม่ ทั้งที่รู้ว่าเกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในแง่การให้บริการ ความปลอดภัย ประหยัด และเปิดบริการได้เร็วขึ้น เพราะใช้ระบบและทรัพยากรเดิมต่อขยายออกไปได้ และที่ผ่านมา รฟม. ในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการ และกระทรวงคมนาคมก็มีจุดยืนชัดเจนว่าต้องการให้สายสีน้ำเงินทั้งสายเดินรถต่อเนื่อง เพราะเป็นสายวงกลมหลัก และเห็นว่าการเจรจากับBMCL เป็นประโยชน์ กระทรวงคมนาคมและบอร์ด รฟม. ต้องการให้กรรมการมาตรา13 สรุปเรื่องการเจรจาเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบภายในเดือนธันวาคมนี้”
แหล่งข่าวจากรฟม. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ได้ให้นโยบายชัดเจนว่า การเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายนี้จะต้องเป็นแบบต่อเนื่องกับสายสีน้ำเงินเดิม เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด และต้องการให้คณะกรรมการมาตรา13 เร่งรัดพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะขณะนี้งานก่อสร้างโยธาของสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายแล้วเสร็จกว่าร้อยละ 60 แล้ว แต่งานคัดเลือกผู้รับสัมปทานเดินรถกลับล่าช้ามากว่า3ปีแล้ว และหากการเจรจากับBMCLให้ดำเนินการต่อขยายออกไปทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดก็สามารถดำเนินการได้ รวมถึงการเจรจากับBTS สำหรับสายสีเขียวส่วนต่อขยายด้วย
ที่ผ่านมาคณะกรรมการมาตรา13 ที่มีนายรณชิต แย้มสอาด รองผู้ว่าฯ รฟม. (ฝ่ายบริหาร)และรักษาการผู้ว่าฯ รฟม.เป็นประธาน ดำเนินงานล่าช้ามาก เริ่มตั้งแต่ ปี พศ.2554 สมัยรัฐบาลเพื่อไทย โดยไม่ยอมสรุปว่าจะเจรจากับBMCLหรือไม่ และกลับพยายามผลักดันให้ใช้วิธีประมูลเดินรถแบบแยกระบบ ไม่ต่อกับสายสีน้ำเงินเดิม แต่กรรมการหลายท่านไม่เห็นด้วยเพราะจะทำให้เกิดความเสียหายกับระบบขนส่งมวลชนของประเทศและส่วนรวม จนปลาย ปี พศ.2556 ก็แจ้งว่าเจรจาไม่ได้เพราะรัฐบาลเพื่อไทยยุบสภาแล้ว จนกระทั่งรัฐบาล คสช.เข้ามาสั่งการให้เร่งรัดสรุปโดยมีความชัดเจนว่าต้องการเดินรถต่อเนื่องกับสายสีน้ำเงินเดิมและเห็นว่าการเจรจากับ BMCLเป็นประโยชน์ และบอร์ด รฟม.ก็มีมติสนับสนุนชัดเจนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม2557แต่คณะกรรมการมาตรา13 ก็ยังไม่สามารถสรุปเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีได้
เป็นที่น่าสังเกตว่าความล่าช้าของกรรมการมาตรา13นึ้ เกี่ยวโยงกับความต้องการที่จะเปิดประมูลเพื่อหาผู้เดินรถรายใหม่และการจัดซื้อระบบรถไฟฟ้า โดยไม่แคร์ประชาชนอ้างการแข่งขันและความโปร่งใสบังหน้า ทั้งที่รู้ว่ารายเดิมดำเนินการจะถูกกว่า และเร็วกว่า และแม้ว่ากระทรวงคมนาคมและบอร์ดรฟม. เร่งรัดมาก็ไม่เกิดผล การขอข้อมูลเพิ่มเติมจาก BMCL อาจเป็นการแก้เกี้ยวเพื่อบ่ายเบี่ยงทอดเวลาออกไปอีก เพราะข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ที่ปรึกษาของ รฟม. ได้จัดทำและเสนอบอร์ด รฟม.อนุมัติไปแล้ว รวมทั้งเสนอกรรมการมาตรา 13 พิจารณาไปแล้วด้วย.
