“ยอดยุทธ” นัดบอร์ด รฟม.ถกด่วน 14 พ.ย.หาจุดลงตัวเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย หลังมีการเปลี่ยนประธาน กก.มาตรา 13 กลับมาเป็น “รณชิต” อีกครั้ง เหตุกว่า 2 เดือน กก.มาตรา 13 เดิมไม่เรียกประชุม หวั่นไม่กล้าตัดสินใจ รฟม.ยิ่งเสียหายประชาชนเสียประโยชน์ คาดเร่งสรุปเดินหน้าตามนโยบายเดินรถต่อเนื่อง จ่อเปลื่ยนแนวเป็นเจรจาตรงก่อนหากตกลงไม่ได้ค่อยประมูล
พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้จะมีการประชุมบอร์ด รฟม.ซึ่งเลื่อนขึ้นมาเร็วกว่ากำหนดเดิม วันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ เนื่องจากมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งพิจารณาแก้ปัญหา คือ งานเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) ซึ่งล่าสุดแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงประธานคณะกรรมการมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติเข้าร่วมงานหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) จากนายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล รองผู้ว่าฯ รฟม. (ฝ่ายวิศวกรรมและก่อสร้าง) กลับมาเป็นนายรณชิต แย้มสอาด รองผู้ว่าฯ รฟม. (ฝ่ายบริหาร) และรักษาการผู้ว่า รฟม. แต่หลักการยังจะต้องเร่งผลักดันเดินหน้าหาข้อสรุปและต้องเป็นไปตามกระบวนการ
“ที่ผ่านมาทางคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ (คตร.) ได้เข้ามาตรวจสอบการดำเนินงานในเรื่องนี้ทำให้ กก.มาตรา13 ประชุมไม่ได้ ซึ่งล่าสุดทาง คตร.ตรวจสอบเสร็จแล้ว และคาดว่า กก.มาตรา 13 จะประชุมได้เร็วๆ นี้ แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องเร่งทำความเข้าใจเพื่อเดินหน้าต่อไป โดยผมเห็นว่า ใครได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ใดๆ ก็ควรทำให้เต็มขีดความสามารถ” พล.อ.ยอดยุทธกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเปลี่ยนแปลง กก.มาตรา13 อีกหรือไม่ พล.อ.ยอดยุทธกล่าวว่า คงไม่ถึงขั้นนั้น
ด้านแหล่งข่าวจากบอร์ด รฟม.กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา รฟม.ได้มีคำสั่งเปลี่ยนตัวประธานคณะกรรมการมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติเข้าร่วมงานหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) จากนายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล รองผู้ว่าการ (ฝ่ายวิศวกรรมและก่อสร้าง) เป็นนายรณชิต แย้มสอาด รองผู้ว่าการ รฟม. (ฝ่ายบริหาร) และรักษาการผู้ว่าการ รฟม. โดยนายรณชิตเคยเป็นประธาน กก.มาตรา 13 แต่ปรับออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา สมัยที่นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล เป็นผู้ว่าฯ รฟม.
ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องให้นายรณชิตกลับมาเป็นประธาน กก.มาตรา 13 เป็นเพราะหลังจากแต่งตั้งนายพีระยุทธเป็นประธาน ตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือนยังไม่มีการเรียกประชุมคณะ กก.มาตรา 13 เพื่อเดินหน้าการพิจารณางานเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจเพราะไม่มีใครกล้าตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร ในขณะที่รัฐบาลพยายามเร่งรัดให้ รฟม.สรุปเรื่องดังกล่าวโดยเร็วว่าจะใช้วิธีเปิดประกวดราคาหรือเจรจากับผู้เดินรถรายเดิม คือ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL ซึ่งหากล่าช้ากว่านี้จะยิ่งทำให้ รฟม.เสียหาย และประชาชนเสียประโยชน์
แหล่งข่าวกล่าวว่า ทราบว่าคณะกรรมการมาตรา 13ฯ ชุดของนายรณชิตจะมีการเรียกประชุมโดยเร็วที่สุด และในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้จะมีการประชุมบอร์ด รฟม.วาระพิเศษ เพื่อหารือเรื่องดังกล่าว โดยแนวทางการพิจารณางานเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน ยังคงยึดตามนโยบายของบอร์ด รฟม.ที่ต้องการให้การเดินทางเกิดความต่อเนื่อง เป็นประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด จึงมีความเป็นไปได้ว่าจะต้องใช้แนวทางการเจรจากับ BMCL ก่อนจะใช้แนวทางการเปิดประกวดราคา
สำหรับความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ล่าสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2557 พบว่าการก่อสร้างงานโยธามีความคืบหน้ารวม 56.24% เร็วกว่าแผน 0.50% โดยสัญญาที่ 1 งานออกแบบควบคู่การก่อสร้างเส้นทางใต้ดิน ช่วงหัวลำโพง-สนามไชย ซึ่งมีบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD เป็นผู้รับงาน มีความคืบหน้า 63.47% ช้ากว่าแผน 0.07%
สัญญาที่ 2 งานออกแบบควบคู่การก่อสร้างเส้นทางใต้ดิน ช่วงสนามไชย-ท่าพระ ซึ่งมีบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เป็นผู้รับงาน มีความคืบหน้า 66.60% เร็วกว่าแผน 1.64% สัญญาที่ 3 งานก่อสร้างเส้นทางยกระดับ ช่วงเตาปูน-ท่าพระ ซึ่งมีกิจการร่วมค้า SH-UN (บริษัท ชิโนไฮโดร คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จากัด (มหาชน) หรือ UNIQ) เป็นผู้รับงาน มีความคืบหน้า 43.70% เร็วกว่าแผน 0.49%
สัญญาที่ 4 งานก่อสร้างเส้นทางยกระดับ ช่วงท่าพระ-หลักสอง ซึ่งมีบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เป็นผู้รับงาน มีความคืบหน้า 47.62% เร็วกว่าแผนงาน 0.18% สัญญาที่ 5 งานออกแบบและก่อสร้างระบบรางรถไฟฟ้า ซึ่งมี CK เป็นผู้รับงาน มีความคืบหน้า 69.10% เร็วกว่าแผน 0.20%
