ASTVผู้จัดการรายวัน - “สมยศ” เชื่อมั่นว่า ”พล.ท.มนัส” ไม่หนี แต่ต้องให้เกียรติเพราะเป็นทหารชั้นผู้ใหญ่ ชี้หมายจับไม่กระทบกองทัพหรือขัดแย้งระหว่างหน่วยงาน นากยกฯยันใครผิดก็ว่ากันไปตามผิด ขณะที่ข่าวสะพัดเมืองคอนเจ้าตัวอยู่ในความดูแลของกองทัพภาค 4 ยันมอบตัวสู้คดีที่สภ.ปาดังเบซาร์ ”ประวิตร”ระบุเบื้องต้นยังไม่มีความผิด แต่พักราชการตามระเบียบกลาโหมเท่านั้น เลขาธิการสมช.แพลมมีเซอร์ไพรซ์
วานนี้ (2 มิ.ย.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับพล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิ กองทัพบก ผู้ต้องหารายสำคัญคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาว่า ได้มอบหมายให้พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดี ซึ่งขณะนี้ศาลอนุมัติหมายจับแล้ว มั่นใจว่า พล.ท.มนัสจะไม่หลบหนี เนื่องจากเป็นนายทหารระดับสูง ส่วนการเข้ามอบตัวนั้น โดยหลักการจะมีนายทหารพระธรรมนูญเข้าร่วม แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประสานงานมา
ส่วนนายณัฐภัทร แสงทอง หรือโกมิก ที่ถูกพม่าควบคุมตัวไว้แล้ว ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. ประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แต่ต้องขึ้นกับทางการพม่าว่าจะแจ้งข้อหาค้ามนุษย์หรือไม่ เพราะกฎหมายพม่ามีอัตราโทษสูง
** “สมยศ”เผยตัวแทนทูตสหรัฐพอใจแก้ปัญหา
ต่อมา พล.ต.อ.สมยศ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมชี้แจงการดำเนินคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาต่อคณะทูตต่างประเทศและตัวแทนองค์การระหว่างประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย ออสเตรีย จีน อิตาลี เยอรมนี แอฟริกา อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา สำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) และองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) เป็นต้น ว่าได้ชี้แจงในที่ประชุมว่าปัญหาการค้ามนุษย์ไม่ได้เกิดขึ้นจากประเทศไทย ปัญหานี้เกิดจากประเทศต้นทาง ชาวโรฮีนจาหรือชาวบังคลาเทศ อพยพผ่านทางประเทศไทยเพื่อต้องการเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย หรือสิงคโปร์ ดังนั้นประเทศไทยเพียงประเทศเดียวไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ จำเป็นต้องอาศัยประเทศที่เกี่ยวข้องทั่วโลกร่วมมือกันแก้ปัญหา
ตัวแทนจากสถานทูตสหรัฐอมริกาแสดงความดีใจที่รัฐบาลไทยตั้งใจแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง พร้อมทั้งได้เสนอตัวให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆหากเราต้องการ ทั้งนี้ตนได้ชี้แจงต่อตัวแทนสหรัฐอเมริกาว่าปัญหานี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดเมื่อ 3-6 เดือน แต่เป็นหมักหมมมานานนับ 10 ปี และไม่ได้รับการแก้ไขจากรัฐบาลชุดที่ผ่านๆมา แต่ตอนนี้รัฐบาลชุดปัจจุบันและตนจะทำทุกเรื่อง ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า เรามุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา
***ชี้หมายจับ”พล.ท.มนัส”ไม่กระทบกองทัพ
เมื่อถามถึงกรณีการออกหมายจับพล.ท.มนัส พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานให้แน่ชัด เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ ทุกขั้นตอนได้ปรึกษาหารือจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงทุกเรื่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจะไปกระทบกระทั่งกับหน่วยงานอื่น
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่ามีทหารเรือเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ต้องรอการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ แต่ยืนยันจะดำเนินการไม่มีละเว้น เมื่อถามว่าตำรวจทราบหรือไม่ว่าพล.ท.มนัสอยู่ที่ไหน และติดต่อขอเข้ามอบตัวหรือยัง พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า "ยังไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน ใครทราบช่วยไปตามให้ด้วย"
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ถามว่าก่อนหน้านี้ฝ่ายทหารปฏิเสธมาตลอด ว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ในหน่วยเข้าไปเกี่ยวข้อง พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ในตอนนั้นท่านอาจจะยังไม่ทราบข้อมูล ใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพียงแต่ว่าทหารอาจไม่มีหลักฐานไปถึง
**“เอก”รอผลเปรียบเทียบศพในไทย-มาเลย์
ด้าน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. แถลงความคืบหน้าคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาว่า ได้ขอศาลออกหมายจับ 84 คน จับกุมตัวและมอบตัว 51 คน เหลืออีก 33 ราย ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของชาวโรฮีนจา 36 ศพบนเทือกเขาแก้ว ต. ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา มี 34 ศพ ไม่พบร่องรอยบาดแผลหรือข้อบ่งชี้ที่จะตั้งประเด็นถูกผู้อื่นทำร้ายได้ อีก 2 ศพไม่มีการรายงานเป็นลายลักษณ์อักษร และขณะนี้อยู่ระหว่างพิสูจน์ตัวบุคคลทั้ง 36 ศพ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดีที่ผบช.ภ. 8 แจ้งไว้ที่จ.นครศรีธรรมราช ว่ามีเหยื่อรายหนึ่งอาจถูกทำร้ายระหว่างทางหรือไม่ด้วย
“นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจเปรียบเทียบว่า ศพที่เจอในไทยกับมาเลเซียมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ รวมทั้งเส้นทางการเคลื่อนย้าย เพื่อนำข้อมูลมาประกอบกับสำนวนให้มีความแน่นหนามากขึ้น โดยพนักงานสอบสวนจะนำสำนวนสอบสวนส่งฟ้องศาลภายในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ สำหรับกรณีพล.ท.มนัสไม่สามารถบอกได้ว่าเคยลงไปในพื้นที่หรือไม่”
**สะพัดพักเรือนรับรองทัพภาค4
ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภูธรภาค 9 ส่วนหน้า สภ.หาดใหญ่จ.สงขลา พล.ต.ต.ปวิณ พงษ์สิรินทร์ รองผบช.ภ. 8 กล่าวว่า พร้อมที่จะรับมอบตัวพล.ท.มนัส โดยจะทำการสอบสวน และแจ้งข้อหาเช่นเดียวกับผู้ต้องหาคนอื่น ทั้งค้ามนุษย์และอาชญากรข้ามชาติ โดยล่าสุดผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมีผู้ต้องหารายสำคัญ 3 คน คือ พล.ท.มนัส คงแป้น นายณัฐภัทร แสงทอง หรือโกมิ๊ก ถูกจับกุมที่พม่า ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานส่งตัวมาดำเนินคดีในไทย และนางมันทนา อังโชติพันธุ์ ภรรยาของนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนังหวัด(อบจ.)สตูล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดพล.ท.มนัสเดินทางมาพักอยู่ในเรือนพักข้าราชการทหาร ภายในกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ อ.เมือง โดยอยู่ในความดูแลของนายทหารระดับสูง เพื่อรอการประสานงานของนายทหารพระธรรมนูญ และการขอตัวจากกองทัพบก เนื่องจากพล.ท.มนัสเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่
ขณะที่ พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอาง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ระบุว่าทราบข้อมูลที่พล.ท.มนัสพักอยู่ในกองทัพภาคที่ 4 แล้ว ซึ่งยังไม่ได้รับการประสานจากฝ่ายทหาร และยังไม่มั่นใจว่าพล.ท.มนัส จะมอบตัวที่กองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช หรือกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ส่วนกรณีการออกหมายจับที่มีการระบุถึงจ.นครศรีธรรมราช สืบเนื่องจากการจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาในอ.หัวไทร เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีที่จ.สงขลา
***แม่ทัพบอกยังไม่เจอ-เจ้าตัวอย่าด่วนตัดสินว่าผิด
พล.ท.ปราการ ชลยุทธ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยพล.ท.มนัสว่า พล.อ.อุดมเดชสั่งการลงมาแล้วว่าให้ตั้งคณะกรรมการ และยังไม่มีโอกาสได้พบพล.ท.มนัส แต่ทราบว่าได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว
ด้านพล.ท.มนัส กล่าวปฏิเสธการเดินทางเข้าพบพล.อ.อุดมเดช ที่กองบัญชาการกองทัพบกตามที่เป็นข่าว เพราะกำลังเดินทางไปมอบตัวที่สภ.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ส่วนกรณีที่พล.อ.อุดมเดชสั่งพักราชการตนนั้น ยังไม่เห็นคำสั่งดังกล่าว
“อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าผมผิด อยากให้ดูข้อมูลทั้งสองฝ่าย และให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน อยากขอความเป็นธรรม ผมยินดีให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ทุกอย่าง ไม่ว่าศาลจะพิจารณาออกมาเป็นอย่างไร ผมก็พร้อมที่จะยอมรับ "
*** “ตู่”ระบุเครื่องบิน-เรือลาดยังตระเวนต่อเนื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมได้รายงานผลการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยการแก้ปัญหาชาวโรฮีนจามีความชัดเจนขึ้น จากการที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ไปร่วมประชุม Shangri-La Dialogue ครั้งที่ 14 ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งสหรัฐอเมริกาและประเทศใหญ่ๆ ก็พอใจการทำงานของประเทศเรา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหานี้ทางยุโรป สหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศที่ห่างไกลก็มีข่าวจับกุมผู้อพยพกว่า 4 พันคน จะเห็นว่าปัญหามีทุกที่ในโลก ตราบใดที่มีคนจนก็ต้องมีความขัดแย้ง มีผู้นำความขัดแย้ง และมีการหลบหนีออกนอกประเทศเพื่อหางานทำ เพราะอยู่ในประเทศไม่ได้ก็ต้องไปที่อื่น ดังนั้นจะแก้ปัญหาแต่ละประเทศอย่างไร แก้ด้วยศึกสงครามอย่างเดียวคงไม่พอ ดูเรื่องเศรษฐกิจและการพัฒนาต่างๆด้วย รัฐบาลไทยเวลาไปไหนก็จะนำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจทฤษฎีใหม่ไปเผยแพร่ ทุกประเทศเองก็พอใจตรงนี้ โดยล่าสุดได้นำไปแสดงที่สหประชาชาติ ประเทศหมู่เกาะก็พอใจและชื่นชมแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
*** เรื่อง”พล.ท.มนัส”ไม่ยุ่ง-ผิดว่าไปตามกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีพล.ท.มนัสถูกออกหมายจับนั้น ผิดก็ว่ากันไป ตนไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว มันอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน ผู้ถูกกล่าวหาก็ว่าไป ซึ่งเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม มีการแจ้งความ ตำรวจไปเจอหลักฐาน และมีการสอบสวน เหมือนกับกรณีอื่นทุกคน และต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ ถ้ามีหลักฐานเพียงพอก็ส่งฟ้องศาล ก็ปลด จะเอาอะไรกันนักหนา เราทำเหมือนกันทั้งหมดทั้งบุคคลที่อยู่ในและต่างประเทศ ใช้กฎหมายเดียวกัน จะเน้นคนโน้นคนนี้ทำไม ผิดหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีทหารคนอื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ไม่รู้ ปัดโธ่เอ๊ย ฉันไม่ใช่คนสอบสวนนี่หว่า ต้องให้ตำรวจสอบมา ถ้าโยงใคร คนนั้นก็โดนด้วย แค่นั้นเอง แหม ทำเหมือนบ้านเมืองนี้ไม่มีระบบ หรือประเทศไทยอยู่ที่ผมคนเดียว ต้องสั่งทั้งหมดหรืออย่างไร วันนี้มันไม่ใช่"
*** “ประวิตร”ระบุแค่ต้องสงสัย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี พล.ท.มนัสว่า ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมาย เบื้องต้นพล.ท.มนัสยังไม่มีความผิด แต่อาจจะมีการเชื่อมโยงหรือไม่ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนจะดำเนินการตามพยานหลักฐาน
"ส่วนเรื่องการพักราชการเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงกลาโหม โดยพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้ดูแลเรื่องของวินัย ทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอน ไม่มีปัญหา"
เมื่อถามว่าจากนี้จะมีการกำชับเจ้าหน้าที่อย่างไร ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการค้ามนุษย์ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรากำชับอยู่แล้ว แต่ขณะนี้พล.ท.มนัสยังไม่มีความผิด เรื่องพวกนี้ทหารทุกคนไม่ว่าจะเป็นนายทหารชั้นประทวน หรือนายทหารชั้นสัญญาบัตร รู้ระเบียบวินัยและกฎหมายดี เพราะเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและวินัยของทหาร ซึ่งไม่ต้องเป็นห่วง คนแต่งเครื่องแบบเขารู้หมด ไม่ต้องกำชับว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เขามีเกียรติและศักดิ์ศรี
*** “อนุพงษ์”รับถ้าทำจริงก็เสื่อมเสียคนทั้งชาติ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวกรณีพล.ท.มนัส ว่า ถ้าทำจริงก็เสื่อมเสีย เจ้าหน้าที่ของรัฐจะไปกระทำเองหรือทำผิดกฎหมายไม่ได้ เสื่อมเสียคนทั้งชาติ คนไทยเสียหมด ทหารก็เสีย ไม่น่าเกิดขึ้น ในหมู่เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับ ไม่ว่าจะยศพลโท หรือเด็กๆทำก็ไม่ได้ทั้งนั้น
*** เลขาฯสมช.แพลมต่อไปจะเห็นสิ่งที่คาดไม่ถึง
นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า การแก้ปัญหาการย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติต่อไปนี้เชื่อว่าจะมีเซอร์ไพรซ์ เพราะจะมีการสืบสวนสอบสวนอย่างจริงจัง ทำให้สิ่งที่หมักหมมในอดีตฟุ้งขึ้นมา แล้วจะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น เพราะหากเราไม่ทำอย่างจริงจัง ก็จะเกิดการกดทับปัญหาอย่างเดิม
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้สมช.ได้ข่าวพล.ท.มนัสเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์บ้างหรือไม่นายอนุสิษฐ กล่าวว่า ไม่ได้ข่าว แต่ได้จากการขยายผล ซึ่งต่อไปเราจะเห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น และไม่คิดว่าจะมีสิ่งที่เรานึกไม่ถึง เพราะเราพยายามทำงานตรงนี้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)แล้ว แม้ปัญหาจะมากขึ้นแต่การจัดการก็จะดีขึ้นด้วย เพราะชาวโรฮีจาเป็นปัญหาของโลก สหประชาชาติจะต้องเข้ามาดูแล ส่วนที่มีการกดดันไทยเราก็ต้องพูดเพื่อสร้างความรับรู้ ความเข้าใจกับให้แก่ต่างประเทศ เพราะแต่ละประเทศก็ต้องปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง แต่เมื่อนำข้อมูลของทุกประเทศมารวมกันคิดว่าไม่มีใครสามารถปฏิเสธความรับผิดชอบไปได้
“ผมหนักใจ เพราะการบริหารจัดการของเราต่างเผชิญกับปัญหาเยอะ
มีปัญหามากมายที่สะสมอยู่ ไม่ใช่เริ่มจากศูนย์แล้วมานับหนึ่งใหม่ในเออีซี แต่ปัญหาที่หมักหมมอยู่นี้ จะเป็นอุปสรรคที่บั่นทอนความก้าวหน้าเออีซีพอสมควร แต่คิดว่าการแก้ปัญหาโรฮีนจานั้น หากมีการจัดการแบบมีส่วนร่วม ปัญหาก็น่าจะเบาบางลง”
*** ค้นบ้านพักโรฮีนจาหลังประท้วง
ที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ (บ้านศรีสุราษฎร์) ต.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ เวลา 9.00 น. พ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธิ์ธาคนานนท์ รองผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี นำกำลังตำรวจจาก สภ.ขุนทะเล สภ.เมือง สภ.บ้านนาสาร สภ.พุนพิน ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษชุดฉก.น้ำหวาน พร้อมฝ่ายปกครองรวมกว่า 100 นาย เข้าตรวจค้นเรือนนอนพุมเรียง หลังจากค่ำวันที่ 1 มิ.ย. ชาวโรฮีนจาทั้งผู้หญิงและเด็กรวม 94 คน ประท้วงทุบทำลายประตูและหน้าต่างเรือนนอน จนนายวิชวุทย์ จินโต รองผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องนำกำลังตำรวจสภ.ขุนทเล และสภ.เมือง เข้าคุมสถานการณ์
จากการตรวจค้น พบก้อนหินกับเศษกระเบื้องจำนวนหนึ่ง ซุกซ่อนอยู่ในถุงสัมภาระส่วนตัว เพื่อเป็นอาวุธใช้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังพบอาหารจำนวนมากที่นำไปกินภายในเรือนนอน ซึ่งถือว่าผิดกฎและข้อห้ามของสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ (บ้านศรีสุราษฎร์)
พล.ต.ต.อภิชาต บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าชาวโรฮีนจาไม่พอใจเจ้าหน้าที่ ที่ไม่ให้นำอาหารและสิ่งของเครื่องใช้ที่ได้รับแจกจ่าย เข้าไปเรือนนอน เพราะเกรงว่าจะเตรียมการหลบหนี จึงปิดไฟ ส่งเสียงโวยวาย ทุบทำลายข้าวของ ประตูและหน้าต่างเรือนนอน เรียกร้องขอไปประเทศมาเลเซีย โดยปฏิเสธที่จะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา
***เหตุป่วนเพราะถูกห้ามนำอาหารขึ้นเรือนนอน
ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. วันที่ 1 มิ.ย. ชาวโรฮีนจา 94 คน ที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ (บ้านศรีสุราษฎร์) รวมประท้วงปิดไฟ ทุบทำลายประตูและหน้าต่างเรือนนอน เพื่อหลบหนีออกจากสถานที่ควบคุม เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงจึงควบคุมสถานการณ์ได้ โดยนำตัวแกนนำ 5 คน แยกออกจากกลุ่มมาทำการสอบสวน พร้อมนำลวดหนามมาปิดล้อมตัวอาคาร และเพิ่มแสงไฟส่องสว่าง พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ 30 นาย ดูแลป้องกันเหตุการหลบหนีออกจากเรือนนอน
สาเหตุการประท้วงเนื่องจากชาวโรฮีนจาไม่ไม่พอใจ ที่ขอนำอาหารเข้าไปกินในเรือนนอนไม่ได้ พร้อมเรียกร้องขอไปประเทศที่ 3 โดยเฉพาะมาเลเซีย ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมส่งแกนนำไปควบคุมตัวที่อื่นแล้ว
*** ประสานตม.ย้ายพวกหลบหนีข้าเมืองกลับที่เดิม
ด้านนางสุดารัตน์ บ้านสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ (บ้านศรีสุราษฎร์) กล่าวว่า กลุ่มชาวโรฮีนจาถูกจับกุมข้อหาหลบหนีเข้าเมือง และส่งเข้ามาอยู่ที่บ้านศรีสุราษฎร์ตั้งแต่ปี 2556 ล่าสุดผู้ที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ 31 คน ถูกนำตัวมาจากจ.นครศรีธรรมราช เมื่อกลางปี 2557 ทำให้มียอดรวมประมาณ 200 คน แต่หลบหนีออกจากสถานควบคุมไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้มียอดปัจจุบัน 94 คน ทั้งนี้การดูแลมักมีอุปสรรคด้านการสื่อสาร พูดคุยกันไม่รู้เรื่อง ทำให้เกิดความไม่เข้าใจในกฎระเบียบ มักพบการนำอาหารเข้าไปกักตุนในเรือนนอนเพื่อเป็นเสบียงในการหลบหนี เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจพบและไม่อนุญาต มักจะไม่พอใจและมีปัญหา
ประกอบกับผู้ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในนี้ มักจะเกิดความเครียดและกดดัน เพราะไม่รู้อนาคตว่าจะได้ออกไปเมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าจะทางไปไหน จึงระบายออกมาในทางใช้ความรุนแรง เมื่อเกิดเหตุมักจะเอาไม่อยู่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีน้อย และส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุครั้งนี้เตรียมประสานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง(ตม. )เพื่อแยกผู้หลบหนีเข้าเมืองกลับไปยังพื้นที่ถูกจับกุม ส่วนเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ 35 คนยังคงให้พักพิงอยู่ที่นี่ต่อไป
วานนี้ (2 มิ.ย.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับพล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิ กองทัพบก ผู้ต้องหารายสำคัญคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาว่า ได้มอบหมายให้พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดี ซึ่งขณะนี้ศาลอนุมัติหมายจับแล้ว มั่นใจว่า พล.ท.มนัสจะไม่หลบหนี เนื่องจากเป็นนายทหารระดับสูง ส่วนการเข้ามอบตัวนั้น โดยหลักการจะมีนายทหารพระธรรมนูญเข้าร่วม แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประสานงานมา
ส่วนนายณัฐภัทร แสงทอง หรือโกมิก ที่ถูกพม่าควบคุมตัวไว้แล้ว ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. ประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แต่ต้องขึ้นกับทางการพม่าว่าจะแจ้งข้อหาค้ามนุษย์หรือไม่ เพราะกฎหมายพม่ามีอัตราโทษสูง
** “สมยศ”เผยตัวแทนทูตสหรัฐพอใจแก้ปัญหา
ต่อมา พล.ต.อ.สมยศ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมชี้แจงการดำเนินคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาต่อคณะทูตต่างประเทศและตัวแทนองค์การระหว่างประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย ออสเตรีย จีน อิตาลี เยอรมนี แอฟริกา อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา สำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) และองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) เป็นต้น ว่าได้ชี้แจงในที่ประชุมว่าปัญหาการค้ามนุษย์ไม่ได้เกิดขึ้นจากประเทศไทย ปัญหานี้เกิดจากประเทศต้นทาง ชาวโรฮีนจาหรือชาวบังคลาเทศ อพยพผ่านทางประเทศไทยเพื่อต้องการเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย หรือสิงคโปร์ ดังนั้นประเทศไทยเพียงประเทศเดียวไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ จำเป็นต้องอาศัยประเทศที่เกี่ยวข้องทั่วโลกร่วมมือกันแก้ปัญหา
ตัวแทนจากสถานทูตสหรัฐอมริกาแสดงความดีใจที่รัฐบาลไทยตั้งใจแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง พร้อมทั้งได้เสนอตัวให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆหากเราต้องการ ทั้งนี้ตนได้ชี้แจงต่อตัวแทนสหรัฐอเมริกาว่าปัญหานี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดเมื่อ 3-6 เดือน แต่เป็นหมักหมมมานานนับ 10 ปี และไม่ได้รับการแก้ไขจากรัฐบาลชุดที่ผ่านๆมา แต่ตอนนี้รัฐบาลชุดปัจจุบันและตนจะทำทุกเรื่อง ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า เรามุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา
***ชี้หมายจับ”พล.ท.มนัส”ไม่กระทบกองทัพ
เมื่อถามถึงกรณีการออกหมายจับพล.ท.มนัส พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานให้แน่ชัด เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ ทุกขั้นตอนได้ปรึกษาหารือจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงทุกเรื่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจะไปกระทบกระทั่งกับหน่วยงานอื่น
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่ามีทหารเรือเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ต้องรอการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ แต่ยืนยันจะดำเนินการไม่มีละเว้น เมื่อถามว่าตำรวจทราบหรือไม่ว่าพล.ท.มนัสอยู่ที่ไหน และติดต่อขอเข้ามอบตัวหรือยัง พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า "ยังไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน ใครทราบช่วยไปตามให้ด้วย"
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ถามว่าก่อนหน้านี้ฝ่ายทหารปฏิเสธมาตลอด ว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ในหน่วยเข้าไปเกี่ยวข้อง พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ในตอนนั้นท่านอาจจะยังไม่ทราบข้อมูล ใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพียงแต่ว่าทหารอาจไม่มีหลักฐานไปถึง
**“เอก”รอผลเปรียบเทียบศพในไทย-มาเลย์
ด้าน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. แถลงความคืบหน้าคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาว่า ได้ขอศาลออกหมายจับ 84 คน จับกุมตัวและมอบตัว 51 คน เหลืออีก 33 ราย ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของชาวโรฮีนจา 36 ศพบนเทือกเขาแก้ว ต. ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา มี 34 ศพ ไม่พบร่องรอยบาดแผลหรือข้อบ่งชี้ที่จะตั้งประเด็นถูกผู้อื่นทำร้ายได้ อีก 2 ศพไม่มีการรายงานเป็นลายลักษณ์อักษร และขณะนี้อยู่ระหว่างพิสูจน์ตัวบุคคลทั้ง 36 ศพ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดีที่ผบช.ภ. 8 แจ้งไว้ที่จ.นครศรีธรรมราช ว่ามีเหยื่อรายหนึ่งอาจถูกทำร้ายระหว่างทางหรือไม่ด้วย
“นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจเปรียบเทียบว่า ศพที่เจอในไทยกับมาเลเซียมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ รวมทั้งเส้นทางการเคลื่อนย้าย เพื่อนำข้อมูลมาประกอบกับสำนวนให้มีความแน่นหนามากขึ้น โดยพนักงานสอบสวนจะนำสำนวนสอบสวนส่งฟ้องศาลภายในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ สำหรับกรณีพล.ท.มนัสไม่สามารถบอกได้ว่าเคยลงไปในพื้นที่หรือไม่”
**สะพัดพักเรือนรับรองทัพภาค4
ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภูธรภาค 9 ส่วนหน้า สภ.หาดใหญ่จ.สงขลา พล.ต.ต.ปวิณ พงษ์สิรินทร์ รองผบช.ภ. 8 กล่าวว่า พร้อมที่จะรับมอบตัวพล.ท.มนัส โดยจะทำการสอบสวน และแจ้งข้อหาเช่นเดียวกับผู้ต้องหาคนอื่น ทั้งค้ามนุษย์และอาชญากรข้ามชาติ โดยล่าสุดผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมีผู้ต้องหารายสำคัญ 3 คน คือ พล.ท.มนัส คงแป้น นายณัฐภัทร แสงทอง หรือโกมิ๊ก ถูกจับกุมที่พม่า ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานส่งตัวมาดำเนินคดีในไทย และนางมันทนา อังโชติพันธุ์ ภรรยาของนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนังหวัด(อบจ.)สตูล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดพล.ท.มนัสเดินทางมาพักอยู่ในเรือนพักข้าราชการทหาร ภายในกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ อ.เมือง โดยอยู่ในความดูแลของนายทหารระดับสูง เพื่อรอการประสานงานของนายทหารพระธรรมนูญ และการขอตัวจากกองทัพบก เนื่องจากพล.ท.มนัสเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่
ขณะที่ พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอาง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ระบุว่าทราบข้อมูลที่พล.ท.มนัสพักอยู่ในกองทัพภาคที่ 4 แล้ว ซึ่งยังไม่ได้รับการประสานจากฝ่ายทหาร และยังไม่มั่นใจว่าพล.ท.มนัส จะมอบตัวที่กองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช หรือกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ส่วนกรณีการออกหมายจับที่มีการระบุถึงจ.นครศรีธรรมราช สืบเนื่องจากการจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาในอ.หัวไทร เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีที่จ.สงขลา
***แม่ทัพบอกยังไม่เจอ-เจ้าตัวอย่าด่วนตัดสินว่าผิด
พล.ท.ปราการ ชลยุทธ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยพล.ท.มนัสว่า พล.อ.อุดมเดชสั่งการลงมาแล้วว่าให้ตั้งคณะกรรมการ และยังไม่มีโอกาสได้พบพล.ท.มนัส แต่ทราบว่าได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว
ด้านพล.ท.มนัส กล่าวปฏิเสธการเดินทางเข้าพบพล.อ.อุดมเดช ที่กองบัญชาการกองทัพบกตามที่เป็นข่าว เพราะกำลังเดินทางไปมอบตัวที่สภ.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ส่วนกรณีที่พล.อ.อุดมเดชสั่งพักราชการตนนั้น ยังไม่เห็นคำสั่งดังกล่าว
“อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าผมผิด อยากให้ดูข้อมูลทั้งสองฝ่าย และให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน อยากขอความเป็นธรรม ผมยินดีให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ทุกอย่าง ไม่ว่าศาลจะพิจารณาออกมาเป็นอย่างไร ผมก็พร้อมที่จะยอมรับ "
*** “ตู่”ระบุเครื่องบิน-เรือลาดยังตระเวนต่อเนื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมได้รายงานผลการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยการแก้ปัญหาชาวโรฮีนจามีความชัดเจนขึ้น จากการที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ไปร่วมประชุม Shangri-La Dialogue ครั้งที่ 14 ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งสหรัฐอเมริกาและประเทศใหญ่ๆ ก็พอใจการทำงานของประเทศเรา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหานี้ทางยุโรป สหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศที่ห่างไกลก็มีข่าวจับกุมผู้อพยพกว่า 4 พันคน จะเห็นว่าปัญหามีทุกที่ในโลก ตราบใดที่มีคนจนก็ต้องมีความขัดแย้ง มีผู้นำความขัดแย้ง และมีการหลบหนีออกนอกประเทศเพื่อหางานทำ เพราะอยู่ในประเทศไม่ได้ก็ต้องไปที่อื่น ดังนั้นจะแก้ปัญหาแต่ละประเทศอย่างไร แก้ด้วยศึกสงครามอย่างเดียวคงไม่พอ ดูเรื่องเศรษฐกิจและการพัฒนาต่างๆด้วย รัฐบาลไทยเวลาไปไหนก็จะนำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจทฤษฎีใหม่ไปเผยแพร่ ทุกประเทศเองก็พอใจตรงนี้ โดยล่าสุดได้นำไปแสดงที่สหประชาชาติ ประเทศหมู่เกาะก็พอใจและชื่นชมแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
*** เรื่อง”พล.ท.มนัส”ไม่ยุ่ง-ผิดว่าไปตามกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีพล.ท.มนัสถูกออกหมายจับนั้น ผิดก็ว่ากันไป ตนไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว มันอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน ผู้ถูกกล่าวหาก็ว่าไป ซึ่งเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม มีการแจ้งความ ตำรวจไปเจอหลักฐาน และมีการสอบสวน เหมือนกับกรณีอื่นทุกคน และต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ ถ้ามีหลักฐานเพียงพอก็ส่งฟ้องศาล ก็ปลด จะเอาอะไรกันนักหนา เราทำเหมือนกันทั้งหมดทั้งบุคคลที่อยู่ในและต่างประเทศ ใช้กฎหมายเดียวกัน จะเน้นคนโน้นคนนี้ทำไม ผิดหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีทหารคนอื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ไม่รู้ ปัดโธ่เอ๊ย ฉันไม่ใช่คนสอบสวนนี่หว่า ต้องให้ตำรวจสอบมา ถ้าโยงใคร คนนั้นก็โดนด้วย แค่นั้นเอง แหม ทำเหมือนบ้านเมืองนี้ไม่มีระบบ หรือประเทศไทยอยู่ที่ผมคนเดียว ต้องสั่งทั้งหมดหรืออย่างไร วันนี้มันไม่ใช่"
*** “ประวิตร”ระบุแค่ต้องสงสัย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี พล.ท.มนัสว่า ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมาย เบื้องต้นพล.ท.มนัสยังไม่มีความผิด แต่อาจจะมีการเชื่อมโยงหรือไม่ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนจะดำเนินการตามพยานหลักฐาน
"ส่วนเรื่องการพักราชการเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงกลาโหม โดยพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้ดูแลเรื่องของวินัย ทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอน ไม่มีปัญหา"
เมื่อถามว่าจากนี้จะมีการกำชับเจ้าหน้าที่อย่างไร ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการค้ามนุษย์ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรากำชับอยู่แล้ว แต่ขณะนี้พล.ท.มนัสยังไม่มีความผิด เรื่องพวกนี้ทหารทุกคนไม่ว่าจะเป็นนายทหารชั้นประทวน หรือนายทหารชั้นสัญญาบัตร รู้ระเบียบวินัยและกฎหมายดี เพราะเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและวินัยของทหาร ซึ่งไม่ต้องเป็นห่วง คนแต่งเครื่องแบบเขารู้หมด ไม่ต้องกำชับว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เขามีเกียรติและศักดิ์ศรี
*** “อนุพงษ์”รับถ้าทำจริงก็เสื่อมเสียคนทั้งชาติ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวกรณีพล.ท.มนัส ว่า ถ้าทำจริงก็เสื่อมเสีย เจ้าหน้าที่ของรัฐจะไปกระทำเองหรือทำผิดกฎหมายไม่ได้ เสื่อมเสียคนทั้งชาติ คนไทยเสียหมด ทหารก็เสีย ไม่น่าเกิดขึ้น ในหมู่เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับ ไม่ว่าจะยศพลโท หรือเด็กๆทำก็ไม่ได้ทั้งนั้น
*** เลขาฯสมช.แพลมต่อไปจะเห็นสิ่งที่คาดไม่ถึง
นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า การแก้ปัญหาการย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติต่อไปนี้เชื่อว่าจะมีเซอร์ไพรซ์ เพราะจะมีการสืบสวนสอบสวนอย่างจริงจัง ทำให้สิ่งที่หมักหมมในอดีตฟุ้งขึ้นมา แล้วจะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น เพราะหากเราไม่ทำอย่างจริงจัง ก็จะเกิดการกดทับปัญหาอย่างเดิม
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้สมช.ได้ข่าวพล.ท.มนัสเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์บ้างหรือไม่นายอนุสิษฐ กล่าวว่า ไม่ได้ข่าว แต่ได้จากการขยายผล ซึ่งต่อไปเราจะเห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น และไม่คิดว่าจะมีสิ่งที่เรานึกไม่ถึง เพราะเราพยายามทำงานตรงนี้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)แล้ว แม้ปัญหาจะมากขึ้นแต่การจัดการก็จะดีขึ้นด้วย เพราะชาวโรฮีจาเป็นปัญหาของโลก สหประชาชาติจะต้องเข้ามาดูแล ส่วนที่มีการกดดันไทยเราก็ต้องพูดเพื่อสร้างความรับรู้ ความเข้าใจกับให้แก่ต่างประเทศ เพราะแต่ละประเทศก็ต้องปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง แต่เมื่อนำข้อมูลของทุกประเทศมารวมกันคิดว่าไม่มีใครสามารถปฏิเสธความรับผิดชอบไปได้
“ผมหนักใจ เพราะการบริหารจัดการของเราต่างเผชิญกับปัญหาเยอะ
มีปัญหามากมายที่สะสมอยู่ ไม่ใช่เริ่มจากศูนย์แล้วมานับหนึ่งใหม่ในเออีซี แต่ปัญหาที่หมักหมมอยู่นี้ จะเป็นอุปสรรคที่บั่นทอนความก้าวหน้าเออีซีพอสมควร แต่คิดว่าการแก้ปัญหาโรฮีนจานั้น หากมีการจัดการแบบมีส่วนร่วม ปัญหาก็น่าจะเบาบางลง”
*** ค้นบ้านพักโรฮีนจาหลังประท้วง
ที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ (บ้านศรีสุราษฎร์) ต.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ เวลา 9.00 น. พ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธิ์ธาคนานนท์ รองผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี นำกำลังตำรวจจาก สภ.ขุนทะเล สภ.เมือง สภ.บ้านนาสาร สภ.พุนพิน ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษชุดฉก.น้ำหวาน พร้อมฝ่ายปกครองรวมกว่า 100 นาย เข้าตรวจค้นเรือนนอนพุมเรียง หลังจากค่ำวันที่ 1 มิ.ย. ชาวโรฮีนจาทั้งผู้หญิงและเด็กรวม 94 คน ประท้วงทุบทำลายประตูและหน้าต่างเรือนนอน จนนายวิชวุทย์ จินโต รองผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องนำกำลังตำรวจสภ.ขุนทเล และสภ.เมือง เข้าคุมสถานการณ์
จากการตรวจค้น พบก้อนหินกับเศษกระเบื้องจำนวนหนึ่ง ซุกซ่อนอยู่ในถุงสัมภาระส่วนตัว เพื่อเป็นอาวุธใช้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังพบอาหารจำนวนมากที่นำไปกินภายในเรือนนอน ซึ่งถือว่าผิดกฎและข้อห้ามของสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ (บ้านศรีสุราษฎร์)
พล.ต.ต.อภิชาต บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าชาวโรฮีนจาไม่พอใจเจ้าหน้าที่ ที่ไม่ให้นำอาหารและสิ่งของเครื่องใช้ที่ได้รับแจกจ่าย เข้าไปเรือนนอน เพราะเกรงว่าจะเตรียมการหลบหนี จึงปิดไฟ ส่งเสียงโวยวาย ทุบทำลายข้าวของ ประตูและหน้าต่างเรือนนอน เรียกร้องขอไปประเทศมาเลเซีย โดยปฏิเสธที่จะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา
***เหตุป่วนเพราะถูกห้ามนำอาหารขึ้นเรือนนอน
ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. วันที่ 1 มิ.ย. ชาวโรฮีนจา 94 คน ที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ (บ้านศรีสุราษฎร์) รวมประท้วงปิดไฟ ทุบทำลายประตูและหน้าต่างเรือนนอน เพื่อหลบหนีออกจากสถานที่ควบคุม เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงจึงควบคุมสถานการณ์ได้ โดยนำตัวแกนนำ 5 คน แยกออกจากกลุ่มมาทำการสอบสวน พร้อมนำลวดหนามมาปิดล้อมตัวอาคาร และเพิ่มแสงไฟส่องสว่าง พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ 30 นาย ดูแลป้องกันเหตุการหลบหนีออกจากเรือนนอน
สาเหตุการประท้วงเนื่องจากชาวโรฮีนจาไม่ไม่พอใจ ที่ขอนำอาหารเข้าไปกินในเรือนนอนไม่ได้ พร้อมเรียกร้องขอไปประเทศที่ 3 โดยเฉพาะมาเลเซีย ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมส่งแกนนำไปควบคุมตัวที่อื่นแล้ว
*** ประสานตม.ย้ายพวกหลบหนีข้าเมืองกลับที่เดิม
ด้านนางสุดารัตน์ บ้านสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ (บ้านศรีสุราษฎร์) กล่าวว่า กลุ่มชาวโรฮีนจาถูกจับกุมข้อหาหลบหนีเข้าเมือง และส่งเข้ามาอยู่ที่บ้านศรีสุราษฎร์ตั้งแต่ปี 2556 ล่าสุดผู้ที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ 31 คน ถูกนำตัวมาจากจ.นครศรีธรรมราช เมื่อกลางปี 2557 ทำให้มียอดรวมประมาณ 200 คน แต่หลบหนีออกจากสถานควบคุมไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้มียอดปัจจุบัน 94 คน ทั้งนี้การดูแลมักมีอุปสรรคด้านการสื่อสาร พูดคุยกันไม่รู้เรื่อง ทำให้เกิดความไม่เข้าใจในกฎระเบียบ มักพบการนำอาหารเข้าไปกักตุนในเรือนนอนเพื่อเป็นเสบียงในการหลบหนี เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจพบและไม่อนุญาต มักจะไม่พอใจและมีปัญหา
ประกอบกับผู้ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในนี้ มักจะเกิดความเครียดและกดดัน เพราะไม่รู้อนาคตว่าจะได้ออกไปเมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าจะทางไปไหน จึงระบายออกมาในทางใช้ความรุนแรง เมื่อเกิดเหตุมักจะเอาไม่อยู่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีน้อย และส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุครั้งนี้เตรียมประสานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง(ตม. )เพื่อแยกผู้หลบหนีเข้าเมืองกลับไปยังพื้นที่ถูกจับกุม ส่วนเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ 35 คนยังคงให้พักพิงอยู่ที่นี่ต่อไป