xs
xsm
sm
md
lg

ชัยชนะชั่วคราวของพล.อ.ประยุทธ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

“คือ ประเทศไทยนี่...ตราบใดที่เขาปล่อยให้ทำงาน ก็ยังมีอำนาจ แต่ถ้าไม่ปล่อยให้ทำงานก็ไม่มีอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองคมนตรีทั้งหลาย ก็เที่ยวนี้ก็... ทหารก็จะฟังองคมนตรี เพราะตอนที่เขาไม่ต้องการให้เราอยู่ เขาก็ให้สุเทพออกมา และให้ทหารเข้ามาช่วย และก็มีพวกบางคนจากในวังมาช่วย เลยทำให้เราไม่มีอำนาจอะไร ผมก็เลยคุยกับนายกฯ ปูว่าเหตุการณ์เหมือนที่พี่โดนมา

ทหารเขาอาจจะชื่นชอบประชาธิปไตยแบบพม่า ที่พม่าเลิกแล้ว แต่เค้าชอบอย่างนั้นไง เราไม่รู้ ผมก็ยังตำหนิเค้าไป เขาก็ยังอายุน้อย เค้าคงโกรธ...ที่ปฏิวัติแบบนี้ เค้าก็คงโกรธว่าประเทศไทยมาดีๆ แล้ว...แต่เค้าคงโกรธนะ เราเป็นครอบครัวสาธารณะ จะพูดอะไรต้องระมัดระวัง”

คำพูดของทักษิณ ชินวัตร ที่เกาหลีสะท้อนถึงสิ่งที่พวกเขาปลุกปั่นคนเสื้อแดงมาตลอดว่า ทักษิณถูกกลุ่มอำมาตย์และอำนาจเก่าโค่นล้ม โดยไม่ยอมรับว่า ที่ประชาชนออกมาขับไล่รัฐบาลทักษิณและรัฐบาลของทักษิณที่รวมถึงสมัคร สมชาย และยิ่งลักษณ์นั่นเพราะตัวเองเหิมเกริมในอำนาจ

แม้นักวิชาการบางคนจะพยายามอธิบายเรื่องชนชั้นมาสนับสนุนวาทกรรมของระบอบทักษิณในการป้ายสีไปยังอำมาตย์ที่พยายามจะพูดอย่างมีนัยให้คนตีความเข้าใจว่า เป็นพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ก็ได้หรือเข้าใจว่าที่อยู่เหนือขึ้นไปก็ได้ แต่ผมยืนยันว่า ความชอบธรรมที่ประชาชนออกมาไล่ทักษิณและรัฐบาลของทักษิณนั้น เพราะการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมของระบอบทักษิณนั่นเอง

อย่างที่สมศักดิ์ เจียม อธิบายนั่นแหละว่า การที่มี “อำมาตย์” จำนวนหนึ่งอยากล้มยิ่งลักษณ์ ไม่ได้แปลว่า จู่ๆ เขาจะล้มได้ ปัญหา “จังหวะก้าว” ของฝ่ายทักษิณ-รัฐบาลยิ่งลักษณ์เอง จึงมีความสำคัญอย่างมาก ความจริงที่ทักษิณหรือยิ่งลักษณ์หรือคนในพรรคเพื่อไทย หรือเสื้อแดงเองจำนวนมาก พยายามหลับตา และทำเป็นลืม ไม่ยอมกล่าวถึง (จนวินาทีนี้) คือความผิดพลาดอย่างมหันต์ของ “พ.ร.บ.เหมาเข่ง” ที่เป็นจุดเริ่มต้น ที่เปิดทางให้มีการล้มรัฐบาลได้สำเร็จ

สมศักดิ์ เจียมบอกว่า กรณี “เหมาเข่ง” นอกจากสะท้อนลักษณะคับแคบ เห็นแก่ตัว คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์แคบๆ ของตน ของทักษิณ-แกนนำเพื่อไทยแล้ว ที่สำคัญที่สุด (และจริงๆ มีส่วนเกี่ยวข้องกัน) มันสะท้อนปัญหาความไม่เป็นประชาธิปไตยหรือการเมืองแบบไม่ใช่ประชาธิปไตยของพลังส่วนนี้เองด้วย

นอกจากนั้นสมศักดิ์ ยังบอกว่า การใช้อาวุธในหมู่คนเสื้อแดงนั่นแหละที่เป็นข้ออ้างอย่างดีให้ทหารเข้ายึดอำนาจ (ประยุทธ์ ยังคงเอามาอ้างจนทุกวันนี้) คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ (เด็ก เป็นต้น) หรือแม้แต่เป็นคนที่เป็น “มวลชน” กปปส. ก็จริง แต่เขาไม่ได้มีอะไรที่ผิดถึงกับต้องมาตายกันแบบนั้น

สิ่งที่สมศักดิ์บอกก็คือทักษิณควรจะมองความผิดพลาดของตัวเองในการใช้อำนาจอย่างเหิมเกริมมากกว่าที่จะไปโทษอำมาตย์หรือคนในวัง เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้วถ้าทักษิณใช้อำนาจอย่างชอบธรรมก็ไม่มีใครมาโค่นรัฐบาลของทักษิณได้

เรื่องของกลุ่มต่อต้านทักษิณว่าไปจริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องของชนชั้น แต่เป็นเรื่องของผิดกับถูก คนกลุ่มหนึ่งออกมาขับไล่ทักษิณก็เพราะว่า รัฐบาลทักษิณเหิมเกริมในอำนาจ เช่นเดียวกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในกรณีเหมาเข่งนั่นแหละ

แต่ทักษิณก็พยายามเขียนนิยายเรื่องชนชั้นและอำนาจเก่าอำนาจใหม่ต่อไป ด้วยการกล่าวหาองคมนตรี และคนในวังเพื่อให้คนโยงไปไกลกว่านั้น โยงเรื่องสอดรับกับที่นักวิชาการเสื้อแดงบางคนพยายามอธิบายว่า อำนาจเก่ากลุ่มอำมาตย์อิจฉาทักษิณที่ทำให้คนยากจนกินดีอยู่ดีขึ้น เหมือนมีความพยายามอธิบายว่า ทักษิณได้แย่งความรักของชนชั้นล่างไปจากอำนาจเก่าและกลุ่มอำมาตย์ทำให้อำนาจเก่าและกลุ่มอำมาตย์ต้องปลุกปั่นคนออกมาขับไล่ทักษิณ

แถมเอาเข้าจริงแล้วถ้ากลุ่มที่ต้านทักษิณกับกลุ่มที่สนับสนุนทักษิณต่างก็มีฐานมวลชนในทุกระดับชั้น คนที่สนับสนุนทักษิณก็มีกลุ่มทุนเก่าและสมาชิก “ราชสกุล” อยู่ด้วย เพียงแต่คนรากหญ้าชั้นล่างซึ่งเข้าถึงข้อมูลข่าวสารน้อย มองไม่เห็นถึงการใช้อำนาจอย่างเหิมเกริมของเครือข่ายทักษิณอย่างที่สมศักดิ์ เจียมเห็น ส่วนใหญ่ก็มีความสุขกับนโยบายประชานิยมที่ทักษิณหยิบยื่นให้ จนทำให้เชื่อคำปลุกปั่นที่ว่า ทักษิณถูกทำลายขับไล่เพราะกลุ่มอำมาตย์อิจฉาทักษิณที่เป็นที่รักของคนรากหญ้า และเนื่องจากสังคมไทยมีคนรากหญ้ามากกว่าคนชั้นกลางขึ้นไปทำให้พรรคของทักษิณชนะเลือกตั้งมาโดยตลอด

การอ้างว่า คนไม่รู้ข้อมูลข่าวสารจึงหันไปสนับสนุนทักษิณก็อาจไม่ใช่คำพูดที่ถูกเสียทีเดียว เพราะยังมีปัญญาชนอีกมากที่สนับสนุนทักษิณ แต่เอาเข้าจริงแล้วปัญญาชนเหล่านั้นไม่ได้ไม่รู้ว่า ทักษิณเลว เพียงแต่เขาไม่กล้าพูดแบบสมศักดิ์ เจียม เพราะกลัวเสียแนวร่วม ที่จะเอาทักษิณและมวลชนของทักษิณมาเป็นเครื่องมือไปสู่การเปลี่ยนระบอบ จนกระทั่งมีการพูดกันในหมู่ปัญญาชนเสื้อแดงว่าใช้ทักษิณล้มระบอบก่อนแล้วค่อยจัดการทักษิณทีหลัง

ด้วยนโยบายประชานิยมที่ดึงดูดชนชั้นล่าง และมีปัญญาชนที่เป็นแนวร่วมคอยอธิบายว่า ทักษิณคือฝ่ายประชาธิปไตย ทำให้ฝ่ายของทักษิณมั่นใจว่า ไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะเขียนออกมาอย่างไร การเลือกตั้งจะถูกยื้อออกไปอีกนานเท่าใด ถ้าวันเลือกตั้งมาถึงพวกเขาก็ชนะอีก

การพูดว่า “ยังไงผมก็ชนะเขาอยู่แล้วตอนนี้” ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงถูกเพียงแค่ตรงคำที่ว่า “ชนะอยู่แล้วตอนนี้” แล้ว “ตอนต่อไป” ล่ะ ถ้าไม่จัดการระบอบทักษิณให้สิ้นซากตอนต่อไปพรรคของทักษิณก็กลับมายึดอำนาจแน่ๆ แล้วก็สร้างความชอบธรรมต่อไปว่า พวกเขาเป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่แท้จริง เพื่อตอกย้ำความชอบธรรม

ผมคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ตระหนักยิ่งกว่าใครอีกว่า ทัศนะของทักษิณนั้นสะท้อนว่า เขามีความคิดอย่างไรกับสถาบันพระมหากษัตริย์ การพูดถึงองคมนตรีและคนในวังนั้นเป็นเพียงการส่งสัญญาณให้เห็นเท่านั้นว่า ทักษิณรู้ว่าศัตรูของเขาเป็นใคร ก็ต้องจับตาดูว่า ถ้าเขากลับมีอำนาจจะทำอย่างไรกับศัตรูที่เขากล่าวถึงทั้งองคมนตรีและคนในวัง

ยังไม่รวมถึงพฤติกรรมของคนเสื้อแดงที่ออกมาเปิดเผยตัวมากขึ้นในต่างแดนว่า เป้าหมายของพวกเขาก็คือ นำประเทศไทยไปสู่ระบอบสาธารณรัฐ นั่นแปลว่า พวกเขาต้องการโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทักษิณเองก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า มีความเกี่ยวโยงกับคนที่เคลื่อนไหวอยู่ในต่างแดนเหล่านี้

ดังนั้น ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถทำให้ประชาชนรากหญ้าเข้าใจถึงภยันตรายของระบอบทักษิณต่อประเทศชาติและสถาบัน ไม่ถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณ เมื่อถึงวันเลือกตั้งก็เชื่อเถอะว่า ชัยชนะจะเป็นพรรคของทักษิณอีก แล้ววังวนแห่งความขัดแย้งการลุกขึ้นสู้ของประชาชนที่มองเห็นความชั่วร้ายของระบอบทักษิณก็จะกลับมาอีก สิ่งที่ทหารทำมาก็จะสูญเปล่าไม่ต่างจากรัฐประหารของบิ๊กบัง

และถ้าจะประเมินสิ่งที่ทำไปตอนนี้ ผมยังคิดว่า ชัยชนะของพล.อ.ประยุทธ์เป็นเพียงชัยชนะที่ชั่วคราวเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น