นายชุมพล จุลใส แกนนำ กปปส. เปิดเผยถึงแนวทางปฏิรูปประเทศของคสช.ว่า ถือว่าทำงานได้ตามเป้าหมายของ กปปส.ได้คาดหวังไว้แล้ว ร้อยละ 50 โดยเฉพาะการแก้ปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน ที่ถือว่าทำได้ดีเยี่ยม รวมทั้งแก้ปัญหาความมั่นคง และ โรฮิงญา จึงเพียงเหลือเพียงปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของเกษตรกร เท่านั้น และอยากให้มีการปรับ ครม.ด้านเศรษฐกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะปัญหาเศรษฐกิจสำคัญมาก ดังนั้นหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สามารถแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ รัฐบาลจะอยู่ได้ยาว เพราะชาวบ้านมีความสุข
ทั้งนี้ กปปส. ยังจะจับตาดูการปฏิรูปของคสช. ต่อไป และหากในอนาคตพรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นรัฐบาล และทำไม่ดี เราก็พร้อมจะออกมาเคลื่อนไหวอีก และตนจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยมีแต่คนไม่ดี คนดีก็มีเยอะ แต่ก็ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้
แกนนำ กปปส. กล่าวว่า ขณะนี้ในส่วนตัว และประชาชนมั่นใจและเชื่อใน ตัวพล.อ.ประยุทธ์ ยังเดินตามโรดแมป แต่โรดแมปดังกล่าว ก็ต้องอยู่ที่แม่น้ำ 5 สาย เป็นหนึ่งเดียวกันหรือไม่ เพราะแม่น้ำ 5 สาย จะต้องรู้ตัวเองว่า เข้ามาทำภารกิจเพื่อชาติ จะมาทำตัวเป็นนักการเมือง จะต้องรีบทำงานให้เสร็จตามแผน ต้องอย่าลืมคำพูดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากเลยโรดแมปไปแล้ว จะอยู่ลำบาก
**ยันนายกฯ ยังไม่มีแนวคิดปรับ ครม.
ร.อ. น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับครม. ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังไม่มีแนวความคิดที่จะปรับครม. ขณะนี้ ไม่มีใครถูกปรับเปลี่ยน หรือไปไหนทั้งนั้น แต่นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้รัฐมนตรีทุกคนทำหน้าที่ในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบอย่างเต็มที่
ส่วนทีมเศรษฐกิจ ที่มีบางฝ่ายออกมาท้วงติงถึงการทำงานนั้น ที่ผ่านมาก็ได้มีดำเนินงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยใช้หลักสถิติ ข้อมูลตัวเลขที่จับต้องได้ ซึ่งทุกคนก็ได้ทำงานกันอย่างเต็มที่
** อ้างมีสัญญาณศก.กำลังฟื้นตัว
ร.อ.นพ.ยงยุทธ ยังกล่าวถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทย ที่อยู่ในระดับสูงจนถูกมองว่า เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจในปีนี้ โดยเฉพาะเมื่อตัวเลขหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 87 % ของจีดีพี โดย นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ได้ยืนยันว่า การเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนของไทย เริ่มชะลอลงอย่างชัดเจน ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว และยังชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ ซึ่งล่าสุด อัตราเพิ่มของหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ประมาณ 5% จากที่เคยมีอัตราการเพิ่มถึง 18% ในปี 2555 จึงถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น
สำหรับอัตราการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนที่ชะลอลงในขณะนี้ สะท้อนว่า ประชาชนได้มีการใช้หนี้คืนบางส่วนแล้ว เพราะมีรายได้จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับการที่รัฐบาลมีการให้ใบอนุญาตจัดตั้ง นาโนไฟแนนซ์ กับผู้ประกอบการแล้ว 6 ราย วงเงินจดทะเบียนกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนทำให้หนี้ครัวเรือน ที่เป็นหนี้นอกระบบซึ่งมีภาระดอกเบี้ยสูงได้เข้ามาสู่ระบบนาโนไฟแนนซ์ ซึ่งภาระดอกเบี้ยน้อยกว่า
ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือน กำลังส่งสัญญาณคลี่คลายและไม่น่ากังวล และปัญหาหนี้เสียหรือ NPL ในขณะนี้ถือว่ายังไม่เพิ่มสูงมาก โดยเชื่อมั่นว่า สถานการณ์หนี้ครัวเรือน จะค่อยๆ คลี่คลายลง เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวโดยเฉพาะในปีนี้ ที่คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะมีอัตราการขยายตัวราว 3.7% ซึ่งเพิ่มขึ้นชัดเจนจากปีที่แล้วที่มีการขยายตัวเพียง 0.7%
ทั้งนี้ กปปส. ยังจะจับตาดูการปฏิรูปของคสช. ต่อไป และหากในอนาคตพรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นรัฐบาล และทำไม่ดี เราก็พร้อมจะออกมาเคลื่อนไหวอีก และตนจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยมีแต่คนไม่ดี คนดีก็มีเยอะ แต่ก็ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้
แกนนำ กปปส. กล่าวว่า ขณะนี้ในส่วนตัว และประชาชนมั่นใจและเชื่อใน ตัวพล.อ.ประยุทธ์ ยังเดินตามโรดแมป แต่โรดแมปดังกล่าว ก็ต้องอยู่ที่แม่น้ำ 5 สาย เป็นหนึ่งเดียวกันหรือไม่ เพราะแม่น้ำ 5 สาย จะต้องรู้ตัวเองว่า เข้ามาทำภารกิจเพื่อชาติ จะมาทำตัวเป็นนักการเมือง จะต้องรีบทำงานให้เสร็จตามแผน ต้องอย่าลืมคำพูดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากเลยโรดแมปไปแล้ว จะอยู่ลำบาก
**ยันนายกฯ ยังไม่มีแนวคิดปรับ ครม.
ร.อ. น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับครม. ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังไม่มีแนวความคิดที่จะปรับครม. ขณะนี้ ไม่มีใครถูกปรับเปลี่ยน หรือไปไหนทั้งนั้น แต่นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้รัฐมนตรีทุกคนทำหน้าที่ในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบอย่างเต็มที่
ส่วนทีมเศรษฐกิจ ที่มีบางฝ่ายออกมาท้วงติงถึงการทำงานนั้น ที่ผ่านมาก็ได้มีดำเนินงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยใช้หลักสถิติ ข้อมูลตัวเลขที่จับต้องได้ ซึ่งทุกคนก็ได้ทำงานกันอย่างเต็มที่
** อ้างมีสัญญาณศก.กำลังฟื้นตัว
ร.อ.นพ.ยงยุทธ ยังกล่าวถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทย ที่อยู่ในระดับสูงจนถูกมองว่า เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจในปีนี้ โดยเฉพาะเมื่อตัวเลขหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 87 % ของจีดีพี โดย นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ได้ยืนยันว่า การเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนของไทย เริ่มชะลอลงอย่างชัดเจน ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว และยังชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ ซึ่งล่าสุด อัตราเพิ่มของหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ประมาณ 5% จากที่เคยมีอัตราการเพิ่มถึง 18% ในปี 2555 จึงถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น
สำหรับอัตราการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนที่ชะลอลงในขณะนี้ สะท้อนว่า ประชาชนได้มีการใช้หนี้คืนบางส่วนแล้ว เพราะมีรายได้จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับการที่รัฐบาลมีการให้ใบอนุญาตจัดตั้ง นาโนไฟแนนซ์ กับผู้ประกอบการแล้ว 6 ราย วงเงินจดทะเบียนกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนทำให้หนี้ครัวเรือน ที่เป็นหนี้นอกระบบซึ่งมีภาระดอกเบี้ยสูงได้เข้ามาสู่ระบบนาโนไฟแนนซ์ ซึ่งภาระดอกเบี้ยน้อยกว่า
ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือน กำลังส่งสัญญาณคลี่คลายและไม่น่ากังวล และปัญหาหนี้เสียหรือ NPL ในขณะนี้ถือว่ายังไม่เพิ่มสูงมาก โดยเชื่อมั่นว่า สถานการณ์หนี้ครัวเรือน จะค่อยๆ คลี่คลายลง เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวโดยเฉพาะในปีนี้ ที่คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะมีอัตราการขยายตัวราว 3.7% ซึ่งเพิ่มขึ้นชัดเจนจากปีที่แล้วที่มีการขยายตัวเพียง 0.7%
