xs
xsm
sm
md
lg

คาดเฟดคงดอกเบี้ย หนุนดัชนีพุ่ง 13 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – ตลาดทุนทั่วโลกคาดเฟดมีแนวโน้มดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำนานกว่ากำหนดเดิม หลังการประกาศอัตราการว่างงานยังคงที่อยู่ที่ระดับ 5.5% ตัวเลขชี้นำทางเศรษฐกิจที่ไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหมาย โบรกฯ มอง SET ยืนเหนือ 1550 จุด เป็นสัญญาณบวก ลุ้นปรับสูงขึ้นถัดไปที่ 1575 จุด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าดัชนีตลาดหลักทรพัย์แห่งประเทศไทย ประจำวันที่ 7 เมษายน 2558 ปิดที่ 1,549.53 จุด เพิ่มขึ้น 13.48 จุด เปลี่ยนแปลง +0.88% มูลค่าการซื้อขาย 32,524.48 ล้านบาท โดยระหว่างเทรดแตะจุดสูงสุดที่ 1,555.10 จุด และต่ำสุดที่ 1,543.58 จุด โดยนักลงทุนสถาบัน 2,965.21 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 665.49 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 673.29 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 4,304.00 ล้านบาท
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต ระบุการที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,550 จุด เร็วกว่าคาดเป็นไปตามภาพรวมตลาดหุ้นสำคัญทั่วโลก โดยนักลงทุนจากความคาดหวังเชิงบวกผลการประชุมคณะกรรมการนโยบาย หรือ FOMC ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed ว่าจะยังมีมติคงดอกเบี้ยระดับต่ำนานกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาอ่อนแอ รวมไปถึงการปรับสูงขึ้นของราคาน้ำมัน รวมไปถึงความคาดหวังต่อแนวโน้มการกลับมาทำกำไรของหุ้นกลุ่มโรงกลั่นใน 1Q15 เป็นปัจจัยหนุนการปรับสูงขึ้นของ SET ตั้งแต่เปิดตลาด ทดสอบแนวต้านที่ 1,550 จุด ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
“Volume มากกว่า 4 หมื่นล้าน + ยืนได้เหนือ 1,550 จุด เป็นสัญญาณ "บวก": ในกรณีที่ SET สามารถยืนได้เหนือแนวต้านที่ 1,550 จุด พร้อมปริมาณการซื้อขายมากกว่า 4 หมื่นล้านบาท จะเป็นสัญญาณ "กลับตัว" ทางเทคนิค โดยมีเป้าหมายการปรับสูงขึ้นถัดไปที่ 1,575 จุด และเป้าหมายหลักที่ 1,620 จุด หรือจุดสูงสุดเดิมที่ทำไว้ในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา” นายอดิศักดิ์ กล่าว
นายอดิศักดิ์ แนะนำนักลงทุนควรเลือกลงทุนเป็นรายหลักทรัพย์ในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากภาวะเศรษฐกิจในระยะนี้ อาทิกลุ่มโรงกลั่น แนะนำ PTTGC, TOP และ BCP กลุ่มแบงก์เช่น KTB รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐฯ ที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นหลังใช้ ม.44 หนุนการฟื้นตัวของสินเชื่อ, การท่องเที่ยวที่คาดว่านักท่องเที่ยวจะกลับเข้ามาหลังยกเลิกกฏอัยการศึก และ 4) ราคาหุ้นมีสัญญาณ "บวก" ทางเทคนิค พร้อมประเมินแนวรับ1,538 จุด แนวต้าน 1,550/1,558 จุด
ขณะที่นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชียพลัส คาดดัชนีจะขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,554 จุด ถัดจากนั้นหากยังมีแรงซื้ออย่างต่อเนื่องดัชนีก็อาจขึ้นทดสอบ 1,567 จุดได้โดยแนวรับจิตวิทยาของการปรับขึ้นรอบนี้อยู่ที่ 1,539 จุด
ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชียพลัส กล่าวถึงผลการศึกษาของฝ่ายวิจัยฯ ปรากฏว่าบริษัทจดทะเบียนยังคงมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเมื่อศึกษาลงลึกในรายกลุ่มบริษัท ฝ่ายวิจัยฯ พบว่ามีการรายงานกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีการนับซ้ำกันราว 10% ของฐานกำไรสุทธิรวม ส่งผลให้ค่า PER ที่แท้จริงอาจสูงเกือบ 20 เท่า ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในการลงทุน ตัวเลือกการลงทุนที่ดีควรเป็นหุ้นที่พื้นฐานแข็งแกร่ง และราคายังต่ำกว่า
“ผลการศึกษาพบว่าปัจจุบันมีจำนวนบริษัทที่มีการถือหุ้นระหว่างบริษัทจดทะเบียนด้วยกันไม่น้อยกว่า 95 บริษัท แยกเป็น 36 กลุ่ม ทำให้การวัดมูลค่าที่เป็นการสะท้อนภาพรวมของบริษัทจดทะเบียน เฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของตัวเลขกำไรสุทธิ อย่างเช่น กรณีที่ INTUCH ถือหุ้น 40.56% ใน ADVANC และถือหุ้น 41.14% ใน THCOM เมื่อมีการรวมตัวเลขกำไรสุทธิรวมของกลุ่ม ก็จะทำการรวมกำไรของ INTUCH , ADVANC และ THCOM เข้าด้วยกันตรงๆ ทั้งๆ ที่ในงบการเงินของ INTUCH ก็ได้รวมกำไรของ ADVANC และ THCOM ไว้แล้วตามสัดส่วนการถือหุ้น จึงเท่ากับเป็นการนับซ้ำของกำไรสุทธิบางส่วน ซึ่งเมื่อรวมทุกๆ กรณี พบว่า โดยเฉลี่ยแล้วกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีการนับซ้ำกันราว 10% ของฐานกำไรสุทธิรวม ซึ่งก็หมายความว่า ค่า PER ของตลาดที่เป็นอยู่ในปัจจุบันหากคำนวนโดยหักฐานกำไรที่นับซ้ำออกไปก็จะสูงขึ้นอีก 10% เช่น Current PER ปัจจุบันอยู่ที่ 18 เท่า ก็จะหมายความว่าค่า PER ที่แท้จริงอาจสูงเกือบ 20 เท่า” นายประกิต กล่าว
พร้อมแนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นที่พื้นฐานแข็งแกร่ง และราคายังต่ำกว่า Fair Value อาทิ RCL, SPALI และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง ASK, SPALI อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องของการยกร่างรัฐธรรมนูญ และมุมมองของต่างชาติหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ตามอำนาจรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 มาตรา 44 ที่ประกาศ บังคับใช้ เมื่อวันที่ 1 เม.ย.58 มาใช้แทนพ.ร.บ.กฎอัยการศึก
กำลังโหลดความคิดเห็น